จากกรณีที่มีลูกค้าจำนวนหนึ่งถูกขโมยข้อมูล และรูปภาพบนสมาร์ทโฟนโดยฝีมือของพนักงาน Studio 7 ไปปล่อยต่อบนโลกออนไลน์ จนเกิดเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ในชั่วข้ามคืน ล่าสุดทาง Studio 7 ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและขออภัยกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย พร้อมดำเนินคดีกับพนักงาน และเพิ่มมาตรการควบคุมภายในให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
เรื่องราวดังกล่าวเริ่มต้นมาจากเพจ Rose To Universe ที่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ของผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกค้าของ Studio 7 สาขาเซ็นทรัลภูเก็ต พบเห็นรูปส่วนตัวของตนเองซึ่งไม่เคยโพสต์หรือเอาไปลงที่ไหนมาก่อนถูกโพสต์อยู่บนโลกออนไลน์ (ตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ใน Tinder) หลังจากซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่จากสาขาดังกล่าว แล้วใช้บริการโอนย้ายข้อมูลกับพนักงานของร้าน
จนภายหลังลูกค้าคนดังกล่าวได้มารู้ว่า ระหว่างที่เข้ารับบริการตนเองถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวและรูปภาพโดยฝีมือของพนักงานภายในร้านด้วยการ AirDrop รูปภาพไปที่เครื่องส่วนตัวของพนักงานแบบไม่รู้ตัว

จากนั้นรูปของผู้เสียหายได้ถูกพนักงานนำไปปล่อยต่อในกลุ่ม Telegram จนเป็นเหตุให้มีรูปหลุดออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งภายในกลุ่มก็ยังมีพนักงานของร้าน Studio 7 อีกเป็นจำนวน 6 คน และภายหลังก็พบว่ามีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากที่เจอเหตุการณ์คล้ายกันซึ่งได้เข้าทำการแจ้งความแล้ว
และล่าสุดทางเพจ Rose To Universe ก็ออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มเติมว่านอกเหนือจาก Studio 7 สาขาเซ็นทรัลภูเก็ต ก็เหมือนจะมีเหตุการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้นที่สาขาโรบินสันฉะเชิงเทราด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่มีการชี้แจงหรือข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมออกมานอกเหนือจากนี้

Studio 7 ออกแถลงการณ์
หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเป็นที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง Studio 7 ก็ได้ออกแถลงการณ์และชี้แจงในช่วงบ่ายวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ในช่วงค่ำวันเดียวกันจะมีแถลงการณ์เพิ่มเติมเพื่อชี้แจงว่า ให้พนักงานพ้นสภาพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ติดต่อกับพร้อมให้ความร่วมมือต่อลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ซึ่งมีใจความสำคัญหลักๆ ว่า
“ทางบริษัทได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้าน Studio7 สาขาเซ็นทรัลภูเก็ตแล้ว บริษัทขอแสดงความเสียใจและขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยถือว่าการนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปเผยแพร่โดยมิชอบ เป็นความผิดอย่างร้ายแรงทั้งต่อลูกค้าของบริษัท และกฎระเบียบของบริษัทเอง เบื้องต้นทางบริษัทได้เลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายกับพนักงานที่ทำให้บริษัทเสียหายเช่นเดียวกัน และได้ติดต่อลูกค้าเพื่อขอโทษพร้อมแสดงความรับผิดชอบ โดยบริษัทพร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลประสานงานอย่างเต็มกำลัง บริษัทขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าบริษัทได้ดำเนินการทบทวนปรับปรุง และเพิ่มมาตรการควบคุมภายใน รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีกในอนาคต“


กระแสของชาวเน็ตบนโลกออนไลน์
ทั้งนี้ทาง Apple ประเทศไทย ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งถือว่า เป็นการละเมิดนโยบายการรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของทางบริษัท โดยตัวของ Partner ซึ่งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเอง และกระแสของผู้คนบนโลกออนไลน์ตอนนี้ก็มีกลุ่มคนที่ต้องการให้ Apple พิจารณา Terminate จากการเป็น Authorized Reseller ด้วยเช่นกัน

สำหรับใครที่กำลังจะซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่หรือมีความจำเป็นต้องโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่ สิ่งที่ควรจะหลีกเลี่ยงมากที่สุดก็คือ ไม่ควรให้รหัสผ่านหรือรหัสปลดล็อกเครื่องกับพนักงานโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลหรือแอปพลิเคชันที่ถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเรา โดยควรให้เราเองเป็นผู้ที่กรอกรหัสผ่านให้พนักงานเท่านั้นครับ
ประกอบกับในปัจจุบันนี้ การโอนย้ายข้อมูลของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์ เช่น iPhone, Samsung, OPPO, vivo และแบรนด์อื่นๆ ก็ถือว่ามีขั้นตอนที่ง่ายและปลอดภัยขึ้นมากไม่ว่าจะเป็น โอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชันของทางผู้ผลิตเอง (มีทั้งแบบย้ายข้อมูลแบบไร้สายหรือใช้สาย) หรือเลือกแบ็คอัพข้อมูลไปเก็บไว้บน Cloud ซึ่งระยะเวลาการโอนย้ายก็ขึ้นอยู่กับจำนวนข้อมูลที่เรามีด้วยครับ
แต่สิ่งที่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้าเลยก็คือ การจดจำรหัสผ่านของแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ใช้เป็นประจำ เช่น Facebook, LINE, Instagram เป็นต้น เพราะโดยทั่วไปแล้วหลังจากโอนย้ายข้อมูลเสร็จ เราอาจจะต้อง Login แอปต่างๆ ใหม่ด้วยตัวเองอีกทีหนึ่งครับ
Comment