ใครจะไปเชื่อว่าแบรนด์แฟชั่นอย่าง Supreme ที่เริ่มต้นจากเปิดร้านขายสเก๊ตบอร์ดเล็กๆ จนกลายมาเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ากว่าหลายพันล้านในปัจจุบัน จะหันมาทำโทรศัพท์ขายกับเขาบ้าง หลังจากในอดีตพวกเขาเคยขายก้อนอิฐที่มีโลโก้ของพวกเขาติดไว้ในราคา $30 หรือประมาณ 900 บาทต่อก้อนมาแล้ว
Supreme ได้ทำการเปิดตัวคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวประจำปี 2019 โดยรวบรวมผลิตภัณฑ์และสินค้าหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นถ้วงตวง, เก้าอี้, ดัมเบล, มอเตอร์ไซค์ และไฮไลท์ของคอลเลคชั่นนี้คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก.. โทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟน หรือที่ทาง Supreme ให้คำนิยามว่าเป็น “Burner Phone” (โทรศัพท์มือถือที่ใช้แล้วทิ้ง มักจะเป็นที่นิยมในหมู่นักโทษ, พ่อค้ายาเสพติด หรือกลุ่มคนที่ไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวของตัวเองหลุดไปที่ไหน) นั่นเอง
สำหรับสเปคของฟีเจอร์โฟนเครื่องนี้ จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 2.4 นิ้ว, สามารถใช้งานได้ 2 ซิม, กล้องหลังในตัว, แฟลช และแปะโลโก้ Supreme ไว้ด้านหลัง รวมถึงวอลเปเปอร์โลโก้ของทางแบรนด์สุดเอ๊กซ์คลูซีฟอีกด้วย ทว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ พวกเขาไม่ได้เป็นคนสร้างเองแต่อย่างใด หากเป็นแต่การร่วมมือกันกับบริษัท Blu โดยทาง Supreme จะแค่แปะโลโก้ของตัวเองบนโทรศัพท์เฉยๆ เท่านั้น
มาถึงคำถามที่พออ่านมาถึงจุดนี้ หลายคนอาจจะสงสัยในเรื่องของราคา ตรงนี้เองทาง Supreme ก็ยังไม่ได้ออกมาประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการนะ แต่คาดว่าไม่น่าจะเปิดตัวมาราคาถูกหรือจับต้องได้แน่ๆ เนื่องจากอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น พวกเขาเคยขายก้อนอิฐในราคา $30 หรือประมาณ 900 บาทต่อก้อนมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ก้อนอิฐดังกล่าวก็มีคนวางขายใน eBay แล้วนะ ในราคากว่า.. $499 หรือประมาณ 15,000 บาทต่อก้อนเลย! เรียกได้ว่าราคาพอๆ กับมือถือรุ่นกลางๆ หรือเรือธงสเปคโหดของบางค่ายเลยทีเดียว..
ทางทีมงานดรอยด์แซนส์ได้ไปตรวจสอบมาว่าเจ้าโทรศัพท์รุ่นนี้มันไปตรงกับรุ่นไหนของทาง Blu ผลปรากฏว่ามันคือ Blu Zoey 2.4 นั่นเอง ราคาขายก็เคาะอยู่ที่ $32.45 หรือประมาณ 1,000 บาทครับ เผื่อใครสนใจอยากซื้อไปลองเล่นหรือไว้เป็นเครื่องสำรอง
อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าวันนึง Supreme ทำสมาร์ทโฟน ราคาจะพุ่งขึ้นสูงขนาดไหน..
ที่มา: phonearena
เหมาะไว้สำรองดีแท้ 🙂 🙂
ของ luxury ไม่จำเป็นต้องดีแต่ต้องแพงไว้ก่อน กรณีเดียวกับพวกiphone ,กระเป๋าหรูๆ ของพวกนี้มันช่วยหาเงินตอนไปพบลูกค้า มันดูมีฐานะน่าเชื่อถือน่าลงทุนด้วย ในโลกธุรกิจดูกันแค่ภายนอก
มิน่าทำธุรกิจ 3 ปีแรกถึงเจ๊งกันไปหมดมากกว่า 70%
เพราะเอาไปเงินไปทำให้ธุรกิจดูดี แทนที่จะเงินไปทำธุรกิจให้ดีจริง ๆ
พวกธุรกิจอยู่มานาน ๆ เจ้าของใส่ชุดโทรม ๆ ใช้รถบ้าน ๆ มือถือ Feature Phone ซะมากกว่า
ถ้ารากฐานธุรกิจมั่นคง ขยายจนเป็นเครือ สร้างระบบดูแลตัวเองได้เค้าถึงเริ่มใช้ของฟุ่มเฟือยกัน