อัปเดตสถิติแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 31 กรกฎาคม ปี 2567 พบยอดแจ้งความสะสมมากถึง 612,603 เรื่อง โดยใน 14 ประเภทภัยออนไลน์พบว่าการหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ, การหลอกให้โอนเงินเพื่อสมัครงาน และ การหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์เป็นอันดับต้น ๆ นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัว Digital Health Check เครื่องมือเช็กภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์จากทาง AIS ด้วย
แก๊งมิจฉาชีพไม่มีวันพักจริงๆ ช่วงนี้ ระบาดหนัก แอบอ้างเป็นพนักงาน AIS โทรหลอกขอข้อมูลส่วนตัว อีกทั้งยังส่ง SMS แนบลิงก์ปลอม หลอกให้แลกคะแนนสะสม (AIS Points) ซึ่งทาง AIS เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ทั้งยังแนะนำวิธีสังเกตและปฏิบัติตัวเมื่อมิจฉาชีพโทรมา หรือได้รับ SMS น่าสงสัย
Scam Detection Alerts ฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ชีวิตในยุคนี้มาก เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าตอนนี้มิจฉาชีพค่อนข้างเยอะ แถมยังมีกลลวงใหม่โทรมาทุกวัน บางครั้งเผลอกดรับสายโดยไม่ทันได้ระวังตัว ถ้ามีสติก็ดีไป แต่ถ้าวันไหนเบลอ ๆ ล่ะ… และ Google ก็ไม่พลาดที่จะนำ AI มาใช้ตรวจจับสายจากมิจฉาชีพพร้อมแจ้งเตือนให้ทราบทันทีเลย
รัฐบาลอินเดียพบกลุ่มประชาชนชาวอินเดียจำนวนกว่า 5,000 คน ที่ถูกหลอกให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา โดยกลุ่มเป้าหมายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็คือประชาชนในประเทศอินเดีย ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถหลอกเงินเหยื่อไปได้มากถึง 500 ล้านรูปีอินเดีย หรือราว 219 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ช่วยเหลือออกมาได้บางส่วน
Whoscall ออกฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยตรวจสอบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่เราใช้งานอยู่นั้นหลุดรั่วไหลไปที่ไหนบ้าง ใครที่สงสัยว่าเบอร์มือถือเราทำไมมีมิจฉาชีพโทรหาบ่อย ๆ ก็ลองเข้าไปเช็กผ่านแอป Whoscall กันได้ ส่วนวิธีเช็กก็ง่าย ๆ แค่ไม่กี่ขั้นตอน แต่ว่า…ผู้ใช้งานจะต้องเป็นสมาชิกพรีเมี่ยมเท่านั้น
ตอนนี้มิจฉาชีพได้ออกวิธีที่จะดูดเงินในบัญชีเราได้น่ากลัวมาก ไม่ว่าจะมือถือรุ่นไหน ยี่ห้อใดก็สามารถโดนได้ ไม่เว้นแต่ iPhone โดยสาเหตุหลักที่ทำให้โจรสามารถดูดเงินเราได้ก็มาจากการติดตั้งแอปแปลก ๆ ในเครื่อง ที่ไม่ว่าจะจงใจติดตั้งเอง หรือเผลอกดติดตั้งมาแบบไม่รู้ตัวก็ตาม แต่เบื้องต้นเราสามารถเช็กดูเพื่อป้องกันการเสียทรัพย์ได้
เจ้าหน้าที่ธนาคารฝ่ายสินเชื่อเอกชนแห่งหนึ่งได้นำรายชื่อและข้อมูลของลูกค้าจำนวนกว่า 5,000 รายชื่อไปขายต่อในกลุ่มต่าง ๆ ที่สนใจ ในราคา 1 บาทต่อ 1 รายชื่อ ซึ่งทำมาหลายครั้งติดต่อกันเป็นเวลา 1-2 ปี ล่าสุดยังพบว่ามีข้อมูลบางส่วนไปถึงมือแก๊งคอลเซนเตอร์แล้วด้วย
ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวอดีตมิจฉาชีพออกมาแฉกลโกงว่าหลังจากที่คุยกับเหยื่อเพียง 2 นาที ก็สามารถดูดเงินออกจากบัญชีได้หมดแล้ว ทำเอาประชาชนรู้สึกกังวลกันถ้วนหน้า ล่าสุดทางสมาคมธนาคารไทยและกระทรวง DE ได้ออกมายืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก
พนักงานฝ่ายการเงินบริษัทข้ามชาติสาขาฮ่องกง ถูกมิจฉาชีพใช้เทคโนโลยี deepfake หลอก สวมรอยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า CFO ในบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ผ่านการประชุมวิดีโอคอล พนักงานหลงเชื่อและโอนเงินไปให้จำนวนกว่า 25.6 ล้านดอลลาร์ หรือราว 900 ล้านบาท
ปี 2566 ที่ผ่านมานี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่คนไทยเราได้รับความเสียหายจากโลกไซเบอร์อย่างมหาศาลและดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย วันนี้เราก็ได้มีสถิติ 14 คดีออนไลน์ที่ทำให้คนไทยโดนหลอกมากที่สุด และจากสถิติของการโจมตีในปี 2566 ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมที่เกิดขึ้นสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทจาก 185,814 คดีเลยทีเดียว
