หลังเมื่อสัปดาห์ก่อนมีวงในออกมาเผยว่า Apple จะโดนคณะกรรมาธิการยุโรปลงโทษเป็นแบรนด์แรกจากฎหมายใหม่ที่มีชื่อว่า Digital Markets Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่ป้องกันการผูกขาดทางตลาดดิจิทัลจากเหล่าบริษัท Big Tech ทั้ง Meta, Apple, Google, Amazon และอื่น ๆ โดยทาง EU ได้ระบุว่า Apple ได้พยายามตั้งกฎกีดกันและควบคุมเหล่านักพัฒนาแอป ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดระบบแล้วก็ตาม
คณะกรรมาธิการยุโรป (EU) เตรียมประกาศปรับเงิน Apple โทษฐานพยายามผูกขาดหน้าร้านค้า App Store ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ EU บังคับใช้กฎดังกล่าวกับบริษัทระดับ Big Tech โดยระบุสาเหตุว่า Apple ไม่ยอมทำกฎที่ให้ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอป สามารถชี้ช่องทางดาวน์โหลดแอปนอกสโตร์ได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรมกับเหล่านักพัฒนา
จากการประชุมเมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการยุโรป (EU) ได้ลงมติให้ระบบปฏิบัติการ iPadOS ของ Apple เข้าข่ายเป็น gatekeeper ตามกฎ Digital Markets Act (DMA) หลังใช้เวลาตรวจสอบและพิจารณามากว่า 8 เดือน เช่นเดียวกับ iOS, Safari และ App Store จากค่ายเดียวกันที่ถูกตัดสินไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ โดย Apple จะมีเวลาอีก 6 เดือนในการเปลี่ยนแปลงแนวทางของ iPadOS เพื่อให้สอดคล้องตามกฎ DMA มิเช่นนั้นจะต้องเสียค่าปรับสูงถึง 10% ของรายได้ หรือ 20% หากทำผิดซ้ำ
ส่วนหนึ่งของกฎ Digital Markets Act (DMA) ของยุโรป ระบุว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลรายใหญ่ เช่น Android ของ Google และ iOS ของ Apple ต้องมีหน้าจอ choice screen แสดงรายชื่อเว็บเบราว์เซอร์ที่มองเห็นได้ชัดเจน ให้ผู้ใช้งานเลือกตั้งค่าเป็นแอปเริ่มต้นของเครื่องได้สะดวก – ผ่านมา 1 เดือน หลังกฎ DMA บังคับใช้ ผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์รายย่อยหลายราย ประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน บอกว่าจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทันตาเห็น
วันนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission: EC) ออกแถลงการณ์เดินหน้าสอบสวนบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายรายที่ต้องสงสัยว่ามีพฤติกรรมละเมิดกฎ Digital Markets Act (DMA) อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกแล้ว หลังกฎพึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา บริษัทที่อยู่ในข่ายโดนตรวจสอบชุดแรกมีทั้ง Apple, Meta (บริษัทแม่ Facebook), Alphabet (บริษัทแม่ Google) และ Amazon
การออกกฎและข้อบังคับต่าง ๆ ของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้นำความเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งมาสู่แพลตฟอร์มมือถือในช่วงหลัง หนึ่งในนั้นคือกฎ Digital Markets Act (DMA) ที่ส่งผลให้ Google ต้องเพิ่มหน้า search choice screen และ browser choice screen เข้ามาบน Android ให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดเครื่องมือค้นหาและเบราว์เซอร์หลักบนเครื่องได้อย่างอิสระ ซึ่งล่าสุดก็มีผู้ใช้งานบางส่วน ทยอยออกมาให้ข้อมูลตรงกันว่าได้รับการแจ้งเตือนบนมือถือถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว
หลังจากที่โดน EU บังคับให้เปิดระบบ ยอมให้นักพัฒนา Third Party เฉพาะในแถบ EU ทำร้านค้าแอปมาแข่งกับ App Store บน iOS ได้ ล่าสุด Apple ได้เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับนักพัฒนามากขึ้น รองรับช่องทางการแจกจ่ายแอปใหม่จากเว็บไซต์ของนักพัฒนาโดยตรง ไม่ต้องผ่านร้านค้าใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ความอิสระก็ต้องแลกมากับกฎเกณฑ์บางอย่างที่เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย
หลังจากที่ Apple ได้ปล่อย iOS 17.4 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ตามข้อบังคับของ EU ทำให้ผู้ใช้งาน iPhone และ iPad ทั่วโลกต่างอิจฉาตาร้อน เพราะมีฟีเจอร์ดี ๆ ทั้งฟีเจอร์ที่สามารถดาวน์โหลดแอปจากสโตร์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ App Store ได้ หรือสามารถจ่ายเงินระบบ In App Purchase ได้ โดยไม่ต้องผ่านระบบของ Apple ซึ่งทำให้ค่าบริการหลาย ๆ อย่างถูกลง ซึ่งใครที่พยายามจะหาวิธีใช้ฟีเจอร์เหล่านี้นอก EU บอกเลยว่าหมดสิทธิ์ เพราะ Apple ได้มีเงื่อนไขป้องกันไว้แล้ว
หลังจากที่ EU กลับไปพิจารณาการจัดสถานะ Gatekeeper หรือสถานะมีอำนาจในการควบคุมคู่แข่งรายอื่นในบริการนั้น ๆ ของทั้ง Apple iMessage, Microsoft Edge, Bing และ Microsoft Advertising ล่าสุดก็ได้ผลสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า บริการที่กล่าวมาทั้งหมดได้หลุดจากการพิจารณาจากสถานะ Gatekeeper อย่างเป็นทางการแล้ว
ถึงแม้ว่าล่าสุด Apple จะจำใจ ยอมทำตามกฎ EU โดยเปิดให้ผู้ใช้งานในประเทศกลุ่ม EU ทำการดาวน์โหลดแอปผ่านสโตร์อื่น ๆ ของ Third Party นอกเหนือจากบน App Store ได้แล้ว แต่อีก 1 ยักษ์แห่งวงการเทคฯ อย่าง Microsoft กลับมองว่าสิ่งที่ Apple ทำดูเหมือนว่าจะหลงทิศทางไปเสียหน่อย เพราะถึงแม้ว่าจะเปิดให้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังเจอ Apple เก็บค่าธรรมเนียมอยู่ดี
