มีรายงานว่า Microsoft กำลังพิจารณาปรับโฉมหน้าจอแจ้งข้อผิดพลาดที่เราคุ้นตากันดีในชื่อ จอฟ้า “Blue Screen of Death” หรือ BSOD ให้กลายเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ใช้พื้นหลังสีดำแทน โดยดีไซน์ใหม่นี้มีแนวโน้มว่าจะถูกนำมาใช้ใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ที่จะปล่อยอัปเดตในเร็ว ๆ นี้
Microsoft ปล่อยอัปเดตความปลอดภัย (Patch Tuesday) ประจำเดือนเมษายน 2025 หมายเลข Windows 11 KB5055523 และ KB5055528 สำหรับ Windows 11 และ Windows Server โดยในรอบนี้มีการแก้ไขช่องโหว่รวม 134 รายการ โดยมีรายงานว่ามีการนำช่องโหว่แบบ Zero-Day ไปใช้โจมตีจริงแล้ว 1 รายการ ในบรรดาช่องโหว่ทั้งหมด มี 11 ช่องโหว่ร้ายแรง (Critical) ซึ่งล้วนเป็นช่องโหว่แบบ Remote Code Execution (RCE) ที่อันตรายที่สุด เนื่องจากแฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้
Microsoft ออกคำแนะนำถึงผู้ใช้ Windows 10 ที่ใช้คอมพิวเตอร์รุ่นเก่าไม่ผ่านเกณฑ์อัปเกรดเป็น Windows 11 โดยระบุว่า หากไม่สามารถอัปเกรดได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการนำเครื่องเก่าไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธี หรือเลือกเทรดอินเพื่อนำมูลค่าเครื่องเก่ามาเป็นส่วนลดสำหรับซื้อคอมใหม่ที่รองรับ Windows 11 เพื่อให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้เต็มประสิทธิภาพ และได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft อย่างต่อเนื่อง
Microsoft เตรียมปิดการใช้คำสั่ง OOBE\BypassNRO ใน CMD ระหว่างติดตั้ง Windows 11 ซึ่งหมายความว่าหลังจากนี้ ผู้ใช้จะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและใช้บัญชี Microsoft Account เท่านั้น โดยมีการค้นพบการเปลี่ยนแปลงนี้ในอัปเดตถัดไป (Insider Preview Build 26200.5516) ซึ่ง Microsoft ให้เหตุผลว่าเป็นการ "เพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์ใช้งาน" ของผู้ใช้
Microsoft กำลังพัฒนา AI บน Copilot เพื่อนำมาใช้ในเกม โดยมุ่งเน้นให้ NPC มีความฉลาด โต้ตอบได้อย่างอิสระ และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์จริง คล้ายกับเทคโนโลยี NVIDIA ACE (Avatar Cloud Engine) ที่ช่วยให้ NPC สามารถพูดคุย ตอบสนอง และแสดงอารมณ์แบบ Dynamic ได้ ไม่จำกัดแค่ตัวเลือกที่กำหนดไว้
Microsoft อัปเดตหน้า "About" ใน Settings บน Windows 11 Insider Preview ให้แสดงข้อมูลฮาร์ดแวร์ละเอียดขึ้น พร้อมเพิ่ม FAQ ที่ช่วยอธิบายว่าอุปกรณ์แต่ละอย่างส่งผลต่อประสิทธิภาพอย่างไร เช่น RAM 4GB พอไหม? ไม่มีการ์ดจอแยกจะเล่นเกมได้หรือเปล่า? ทำให้ผู้ใช้เข้าใจว่าทำไมเครื่องถึงช้าและสามารถหาทางแก้ไขได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่าน ViveTool บนบิลด์ 26120.3576 หรือ 22635.5090
ผู้ใช้ Windows 10 และ 11 เจอปัญหาหนักหลังติดตั้งอัปเดตความปลอดภัยประจำเดือนมีนาคม 2025 (Patch Tuesday) ของ Microsoft ซึ่งแก้ไขช่องโหว่ 57 รายการ รวมถึง 7 ช่องโหว่ Zero-Day แต่กลับสร้างบั๊กเพียบ! ตั้งแต่ติดตั้งอัปเดตไม่ได้ ขึ้น Error 0x80070020 ใช้เวลานานผิดปกติ ไปจนถึงไอคอน Taskbar หาย การตั้งค่าหน้าจอรีเซ็ต ระบบทำงานช้าลง และปัญหาเกี่ยวกับการพิมพ์งาน โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ Citrix หรือเชื่อมต่อเครื่องพิมพ์ผ่าน USB แม้ Microsoft จะรับทราบบางปัญหาแล้ว แต่ยังไม่มีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน
ไมโครซอฟท์ทยอยเลิกแถมอะแดปเตอร์แปลงไฟมาในกล่อง Surface Pro 11 ที่วางจำหน่ายในประเทศในเครือสหภาพยุโรป หรือ EU แล้ว พร้อมเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่เป็นกล่องที่มีขนาดบางลง (ขายในราคาเดิม) คาดว่าความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการกระทำเพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตามแนวทาง common charging ภายใต้กฎ Radio Equipment Directive ของ EU ที่จะมีผลบังคับใช้กับสินค้ากลุ่มแล็ปท็อปในเดือนเมษายนปีหน้า
Microsoft ปล่อยอัปเดตความปลอดภัย (Patch Tuesday) ประจำเดือนมีนาคม 2025 สำหรับ Windows 11 (KB5053598 & KB5053602) และ Windows 10 (KB5053606) แก้ไขช่องโหว่ทั้งหมด 57 รายการ โดยในจำนวนนี้มี 7 ช่องโหว่ Zero-Day ที่ต้องรีบอัปเดต ซึ่งประกอบด้วย 6 ช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีแล้ว และ 1 ช่องโหว่ที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Remote Desktop for Windows ที่สามารถดาวน์โหลดได้จาก Microsoft Store โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่าหลังจากวันดังกล่าว แอปเวอร์ชันนี้จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และผู้ใช้ที่ต้องการเข้าถึงบริการ Windows 365, Azure Virtual Desktop และ Microsoft Dev Box จะต้องเปลี่ยนไปใช้ Windows App แทน
