หลังจาก Windows 10 หมดซัพพอร์ต ผู้ใช้จำนวนมากที่ไม่อยากอัปเกรดเป็น Windows 11 ก็เริ่มมองหาทางเลือกอื่น ส่งผลให้ยอดดาวน์โหลด Zorin OS 18 พุ่งทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาเพียงห้าสัปดาห์ โดยกว่า 780,000 ครั้งมาจากผู้ใช้ Windows โดยตรง ตัวเลขนี้อาจไม่ใช่จำนวนผู้ใช้จริงทั้งหมด แต่ก็สะท้อนชัดเจนว่าคนจำนวนไม่น้อยกำลังเปิดใจให้ Linux มากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่ Windows 10 หมดการซัพพอร์ต ผู้ใช้จำนวนมากที่ต้องหาเครื่องใหม่กลับเลือกไม่อัปเกรดไป Windows 11 แต่ย้ายไปใช้ macOS แทน เพราะเครื่องเก่าหลายรุ่นไม่ผ่านเงื่อนไข TPM 2.0 จนติดตั้งไม่ได้ ทำให้หลายคนตัดสินใจข้ามไป Mac ที่เสถียร ลื่น และใช้งานได้ยาวกว่า ข้อมูลจาก Counterpoint Research ยังชี้ว่ายอดส่งมอบ Mac โตถึง 14.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนว่าการย้ายค่ายครั้งนี้เกิดขึ้นจริงทั้งในผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่เริ่มนำ Mac มาใช้มากขึ้น
Microsoft เพิ่งปิดช่องโหว่การแคร็ก Windows 10 และ 11 ที่ของ KMS38 ไปเรียบร้อยแล้วในอัปเดต Patch Tuesday เดือนพฤศจิกายน 2025 โดยช่องทางการ Activate แบบออฟไลน์นี้คือดังมากในกลุ่มผู้ใช้สคริปต์ MAS จาก MASSGRAVE เพราะมันสามารถหลอกระบบให้ขยายอายุการใช้งานออกไปได้ยาวจนถึงปี 2038 แทนที่จะต้องต่ออายุทุก 180 วันเหมือน KMS ปกติ
รายงานล่าสุดจาก Counterpoint Research ระบุว่าตลาดพีซีทั่วโลกในไตรมาส 3 ปี 2025 เติบโตขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการที่ Microsoft เตรียมหยุดสนับสนุน Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ ส่งผลให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรจำนวนมากต้องเร่งเปลี่ยนเครื่องใหม่เพื่ออัปเกรดเป็น Windows 11 แม้คอมเก่าจะยังใช้งานได้ดี แต่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยและการอัปเดตที่สิ้นสุด กลายเป็นแรงผลักให้ตลาดพีซีกลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้จะเป็นการเติบโตที่เกิดจากความจำใจมากกว่าความต้องการจริง
ไมโครซอฟท์ออกมาชี้แจงสาเหตุที่ Windows บางครั้งติดตั้งไดรเวอร์ที่ดูเหมือนเก่าหรือซ้ำกัน โดยยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของระบบ แต่เป็นการทำงานตามการออกแบบของ Windows ที่จะเลือกไดรเวอร์ที่เหมาะสมและเสถียรที่สุดตามข้อมูลจากผู้ผลิต ไม่ได้พิจารณาจากวันที่หรือหมายเลขเวอร์ชัน นอกจากนี้ อุปกรณ์บางชนิดยังต้องใช้ไดรเวอร์หลายตัวเพื่อแยกฟังก์ชันการทำงาน เช่น กราฟิก เสียง หรือพลังงาน จึงอาจเห็นไดรเวอร์ที่ชื่อคล้ายกันหลายตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบอัปเดตใน Windows
Microsoft ปล่อยอัปเดตความปลอดภัย (Patch Tuesday) เดือนตุลาคม 2025 แก้ไขช่องโหว่รวม 172 รายการ รวมถึงช่องโหว่ Zero-Day 6 รายการที่ถูกใช้งานโจมตีจริง ครอบคลุมทั้ง Windows 11 และเป็นรอบสุดท้ายของ Windows 10 ก่อนหมดระยะซัพพอร์ต โดยมีช่องโหว่ร้ายแรง (Critical) 8 รายการ แบ่งเป็น Remote Code Execution และ Elevation of Privilege หลายจุดสำคัญ เช่น Agere Modem, Remote Access Manager, IGEL OS, AMD EPYC และ TPM 2.0 แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
แม้ Windows 10 จะหมดการสนับสนุนหลักจาก Microsoft ไป แต่บริษัทได้ออกมาเผยว่าจะไม่ทิ้งผู้ใช้งาน เพราะยังคงอัปเดต Microsoft Defender ให้ต่อเนื่องเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อช่วยป้องกันไวรัสและภัยคุกคามต่าง ๆ แม้ว่าระบบจะไม่รับอัปเดตฟีเจอร์หรือแพตช์ความปลอดภัยอีกแล้วก็ตาม นอกจากนี้ Microsoft ยังยืนยันว่าจะส่งอัปเดตฐานข้อมูลความปลอดภัยให้โปรแกรม Defender Antivirus ไปจนถึงปี 2028 พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ย้ายไป Windows 11 เพื่อความปลอดภัยสูงสุด หรืออย่างน้อยควรใช้ Windows 10 ร่วมกับโปรแกรม ESU เพื่อให้ยังได้รับแพตช์สำคัญต่อไป
มีผู้ใช้ Windows 10 รายงานว่าเครื่องมือ Media Creation Tool (MCT) ของ Microsoft ซึ่งใช้สำหรับสร้างไฟล์ ISO หรือติดตั้งและอัปเกรดไป Windows 11 ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ หลังอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด 26100.6584 โดยโปรแกรมจะเด้งปิดตัวเองทันทีโดยไม่ขึ้นข้อความแจ้งเตือน Microsoft ยืนยันว่ารับทราบปัญหาและอยู่ระหว่างการแก้ไข คาดว่าจะปล่อยอัปเดตใหม่ในเร็ว ๆ นี้ ขณะนี้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ ISO จากเว็บไซต์ทางการ แล้วใช้โปรแกรม Rufus สร้างแฟลชไดรฟ์ติดตั้งแทนได้ชั่วคราว
Microsoft ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่า มีฟีเจอร์ 2 อย่างใน Windows 10 และ Windows 11 ที่อาจทำให้เครื่องช้าลง ได้แก่ OneDrive Sync ที่ซิงก์ไฟล์ขึ้นคลาวด์ตลอดเวลา และ Visual Effects ที่ช่วยให้หน้าตาสวยขึ้นแต่กินทรัพยากรระบบ โดยในดีไซน์ใหม่ของ OneDrive บน Windows 11 มีการปรับให้เบาเครื่องและจัดการซิงก์ได้ฉลาดขึ้น ช่วยลดอาการหน่วงโดยไม่ต้องปิดฟีเจอร์ทั้งหมด
Microsoft ทำเซอร์ไพรส์ให้ผู้ใช้ Windows 10 ในยุโรป (EU/EEA) ด้วยการประกาศต่อเวลาอัปเดตความปลอดภัยฟรีเพิ่มอีก 1 ปี โดยไม่ต้องใช้ Microsoft Account, ไม่ต้อง Sync, ไม่ต้อง Backup หรือทำอะไรทั้งนั้น เดิมทีบริษัทตั้งใจจะให้ผู้ใช้ต้องจ่ายเงินหรือผูกบริการบางอย่างก่อนถึงจะได้สิทธิ์ แต่สุดท้ายก็ยกเลิกเงื่อนไขไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิทธิ์นี้ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้ในยุโรปเท่านั้น บ้านเราและภูมิภาคอื่น ๆ ยังต้องรอตามนโยบายเดิม และที่สำคัญคือกำหนดการหยุดอัปเดต Windows 10 ยังอยู่ที่ 13 ตุลาคม 2026 ไม่เปลี่ยนแปลงครับ