ครบรอบ 30 ปีของ Task Manager โปรแกรมสามัญประจำเครื่องที่ผู้ใช้ Windows ทั่วโลกพึ่งพามานานจนแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของการรับจบทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนเครื่องค้าง โปรแกรมหยุดตอบสนอง หรือระบบเริ่มทำงานผิดปกติ เราก็มักจะเปิดมันขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และจัดการปิดโปรแกรมที่ค้างอยู่ให้เรียบร้อย

Dave Plummer อดีตวิศวกรซอฟต์แวร์ของ Microsoft ผู้อยู่เบื้องหลังโปรแกรมนี้ ได้ออกมาเล่าย้อนความหลังถึงจุดกำเนิดของ Task Manager ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 1995 ตอนนั้นเขายังเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทำงานอยู่ในโปรเจกต์ Windows NT และต้องการเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบการทำงานของระบบแบบเห็นภาพรวมทั้งหมดในที่เดียว

ในยุคนั้น Windows NT ยังไม่มีเครื่องมือแบบกราฟิกที่ช่วยดูโปรเซสหรือโหลดการทำงานของระบบเหมือนคำสั่ง ps หรือ top ที่เป็นมาตรฐานของ Unix เขาจึงตัดสินใจสร้างโปรแกรมนี้ขึ้นเป็นงานอดิเรก ด้วยแรงบันดาลใจแบบอยากมีเครื่องมือที่ดูว่าระบบกำลังทำอะไรอยู่จริง ๆ โดยไม่ตั้งใจเลยว่ามันจะกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดของ Windows

เมื่อเขานำต้นแบบไปให้ทีม NT ทดลอง Dave Cutler หัวหน้าโครงการ NT ก็ชอบมากจนสั่งให้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Windows ทันที แม้ทีม Windows 95 จะไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะรู้สึกว่าการมีเครื่องมือเชิงเทคนิคปรากฏอยู่ในเมนู Start จะทำให้ภาพลักษณ์เดิมที่เน้นความง่ายต่อผู้ใช้ทั่วไปดูซับซ้อนขึ้น แต่วิสัยทัศน์ด้านวิศวกรรมของทีม NT ชนะ และ Task Manager ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Windows อย่างเป็นทางการ

Task Manager รุ่นแรกมีขนาดเล็กเพียง 85KB เท่านั้น แต่ถูกออกแบบด้วยแนวคิดที่ล้ำสมัยมากในยุคนั้น นั่นคือทำงานแบบแยก Thread จากโปรแกรมอื่น ทำให้เรายังสามารถเปิดมันได้แม้ว่าโปรแกรมหลักหรือบางส่วนของระบบจะค้าง กลายเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมาก และเป็นเหตุผลที่ทำให้ Task Manager ถูกผู้ใช้เรียกว่าเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตสุดท้ายของ Windows

Plummer ยังเล่าถึงบั๊กหนึ่งที่ทำให้โหลด CPU รวมเกิน 100% ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นได้ เขาจึงใส่ข้อความแจ้งเตือนพร้อมเบอร์บ้านของตัวเองไว้ในโค้ดเพื่อให้ผู้ทดสอบโทรมาหากพบปัญหา แต่บิลด์ทดสอบดันถูกปล่อยออกไปก่อนเขาจะลบข้อความ ทำให้เบอร์ของเขาถูกฝังอยู่ในซอร์สโค้ดของ Windows มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นเรื่องเล่าที่ทั้งฮา ทั้งสะท้อนความจริงจังของนักพัฒนายุค 90s

อีกหนึ่งเคล็ดลับที่หลายคนอาจไม่เคยรู้คือ Task Manager สามารถเปิดได้โดยกด Ctrl+Shift+Esc ซึ่งดึงโปรแกรมขึ้นมาทันทีโดยไม่ต้องผ่านหน้าจอ Ctrl+Alt+Del และยังใช้งานได้แม้โปรแกรมอื่นในเครื่องจะค้างหรือระบบเริ่มแสดงอาการผิดปกติ

ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา Task Manager เติบโตตามยุคสมัย มีการออกแบบใหม่ เพิ่มแท็บใหม่ รองรับการตรวจสอบฮาร์ดแวร์จำนวนมากขึ้น แต่หัวใจสำคัญยังคงเหมือนเดิม คือเป็นเครื่องมือที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปจัดการ ปรับแต่ง หรือหยุดการทำงานของสิ่งที่ผิดปกติในระบบได้ด้วยตัวเอง

และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของโปรแกรม แต่มันเป็นตัวแทนของแนวคิดการออกแบบที่ Plummer บอกว่าเป็นมรดกสำคัญที่สุด ไม่ใช่บรรทัดใดของโค้ด แต่คือความรับผิดชอบ ความเรียบง่าย ความเชื่อในตัวผู้ใช้ และความตั้งใจสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้เขาจบงานได้ ไม่ใช่เพิ่มภาระงาน

30 ปีผ่านไป Task Manager ยังคงเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ผู้ใช้ Windows เชื่อใจที่สุด และเป็นตัวอย่างของซอฟต์แวร์ที่เกิดจากไอเดียเล็ก ๆ แต่สร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อคนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก

ที่มา: Dave’s Garage