OPPO ประเทศไทยเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ประจำ Reno14 Series 5G ทั้งหมดสามรุ่น OPPO Reno14 F 5G, Reno14 5G และ Reno14 Pro 5G สมาร์ทโฟนระดับกลางที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ฝาหลังลายหางปลา ระบบไฟแฟลชอัปเกรดใหม่ สว่างขึ้นกว่าเดิมถึง 100% ถ่ายรูปสวยในทุกสภาพแสง พร้อมจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ AI Editor 2.0 ชุดกล้องหลังครบทุกระยะ ในราคาเริ่มต้น 11,999 บาท

จุดเด่นของ OPPO Reno14 Series 5G
สำหรับ OPPO Reno14 Series 5G ที่เปิดตัวในประเทศไทย จะมีจุดแตกต่างหลักๆ ในเรื่องของสเปคฮาร์ดแวร์กับราคาเป็นหลัก ดังนั้นข้อมูลที่เราจะพาไปดูในลำดับต้นๆ ก็คือฟีเจอร์หรือความสามารถที่น่าสนใจซึ่งมีเหมือนกันในทั้งสามรุ่นของ OPPO Reno14 F 5G, Reno14 5G และ Reno14 Pro 5G
OPPO Reno14 Series 5G มาพร้อมกับการอัปเกรดระบบไฟแฟลชใหม่ที่สว่างขึ้นกว่าเดิมถึง 100% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Reno13 Series 5G ทำให้เราสามารถถ่ายรูปภาพในสภาวะแสงน้อยได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ด้วยไฟแฟลชสองจังหวะเหมือนกับกล้อง Compact และอัลกอริธึมประมวลผลภาพหลังถ่าย ที่จะให้ภาพพอร์ตเทรตสวย คมชัด มีมิติสมจริง สามารถใช้ร่วมกับฟีเจอร์เด่นของ Reno Series อย่าง Livephoto ได้อีกด้วย


และเพื่อรูปภาพที่สวยเป๊ะ ระดับมือโปร OPPO Reno14 Series 5G ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับ AI แก้ไขรูปภาพอัจฉริยะ 2.0 ที่ยังคงมีเครื่องมือแก้ไขรูปภาพพื้นฐานแบบครบครัน เสริมทัพด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ได้รับการปรับปรุง UI ให้รวดเร็ว ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยจะมีเครื่องมือที่น่าสนใจดังนี้
- AI ปรับเฟรมภาพ : เครื่องมือ AI ช่วยแก้ไข ปรับเฟรมหรือองค์ประกอบของรูปภาพให้เป๊ะเพียงปลายนิ้ว
- AI ปรับหน้าเป๊ะ : หมดปัญหาถ่ายรูปแล้วเผลอหลับตา หรือเส้นผมบังหน้าอีกต่อไป AI จะทำการสแกนหาใบหน้าของเราในแกลเลอรี่ แล้วนำมาแก้ไขใบหน้าให้ได้ช็อตที่ดีที่สุด
- ยางลบ AI 2.0 : เครื่องมือลบสิ่งของหรือคนในฉากหลังที่ไม่ต้องการออกไป
พร้อมกันนั้นตัวเครื่อง OPPO Reno14 Series 5G ทุกรุ่นยังมาพร้อมมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP69 ให้สามารถถ่ายรูปหรือวิดีโอความละเอียดสูง 4K ใต้น้ำได้ด้วย


OPPO Reno14 Series 5G ทำงานอยู่บนระบบปฎิบัติการ ColorOS 15 รุ่นล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 15 ซึ่งมาพร้อมกับผู้ช่วยอัจฉริยะ Gemini ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันระบบของ OPPO ได้โดยตรง เช่น นาฬิกา, ปฎิทิน และแอปโน้ต ไปจนถึง AI Super Tool Box ที่ช่วยให้การทำงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันง่ายและรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็น AI Call Assistant ผู้ช่วยบันทึกเสียงและถอดเสียงสนทนา AI VoiceScribe ผู้ช่วยถอดเสียงอัจฉริยะ หรือ AI Translate ผู้ช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์
ชุดกล้องหลังทั้งสามตัวของ OPPO Reno14 Series 5G เป็นครั้งแรกที่ กล้องซูมเทเลโฟโต้ระยะ 3.5 เท่า ถูกใส่เข้ามาในรุ่นมาตรฐานอย่าง Reno14 5G ทำให้สามารถถ่ายรูปพอร์ตได้สวยมากขึ้นกว่าเดิม มีระยะโฟกัสเยอะกว่าเดิม ส่วน OPPO Reno14 Pro 5G ในปีนี้ก็โบกมือลากล้องอัลตราไวด์ 8MP และขยับไปใช้เซนเซอร์ความละเอียด 50MP เป็นที่เรียบร้อย โดยรองรับการใช้งานกล้องหน้า Auto Focus ทั้งสามรุ่น

OPPO ก็ยังคงเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนไลฟ์สไตล์ของ Reno14 Series 5G ไว้ตามเดิมด้วยดีไซน์ หางปลา ที่ฝาหลัง ซึ่งเป็นการขึ้นรูปฝาหลังกระจกชิ้นเดียวพร้อมแกะสลักลวดลาย ให้ความรู้สึกพรีเมียม และโดดเด่น ไปพร้อมกับความแข็งแรงทนทาน
เทียบสเปค OPPO Reno14 Series 5G
OPPO Reno14 F 5G | OPPO Reno14 5G | OPPO Reno14 Pro 5G | ||
จอภาพ | พาเนล | AMOLED | AMOLED | AMOLED |
ขนาด | 6.57 นิ้ว | 6.59 นิ้ว | 6.83 | |
ความละเอียด | 2732×1080 พิกเซล | 2760×1256 พิกเซล | 2800×1272 พิกเซล | |
ความสว่าง | 1400 นิต | 1200 นิต | 1200 นิต | |
อัตรารีเฟรช | 120 Hz | 120 Hz | 120 Hz | |
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Snapdragon 6 Gen 1 | MediaTek Dimensity 8350 | MediaTek Dimensity 8450 |
หน่วยความจำ | 12GB (LPDDR4X) | 12GB (LPDDR5X) | 12GB (LPDDR5X) | |
ความจุ | 256GB 512GB (UFS 3.1) | 256GB 512GB (UFS 3.1) | 512GB (UFS 3.1) | |
ระบบปฏิบัติการ | ColorOS 15 บนพื้นฐาน Android 15 | ColorOS 15 บนพื้นฐาน Android 15 | ColorOS 15 บนพื้นฐาน Android 15 | |
กล้อง | กล้องหลัก | 50MP (f/1.8) ระบบกันสั่น OIS | 50MP (f/1.8) ระบบกันสั่น OIS | 50MP (f/1.8) ระบบกันสั่น OIS |
กล้องอัลตราไวด์ | 8MP (f/2.2) | 8MP (f/2.2) ออโต้โฟกัส | 50MP (f/2.0) ออโต้โฟกัส | |
กล้องมาโคร | 2MP (f/2.4) | – | – | |
กล้องเทเลโฟโต | – | 50MP (f/2.8) ระบบกันสั่น OIS | 50MP (f/2.8) ระบบกันสั่น OIS | |
รองรับ Zoom | ซูมดิจิทัล 10 เท่า | ซูมออปติคัล 3.5 เท่า, ซูมดิจิทัล 120 เท่า | ซูมออปติคัล 3.5 เท่า, ซูมดิจิทัล 120 เท่า | |
กล้องหน้า | 32MP (f/2.0) ออโต้โฟกัส | 50MP (f/2.0) ออโต้โฟกัส | 50MP (f/2.0) ออโต้โฟกัส | |
ระบบเสียง | ลำโพง | สเตอรีโอ | สเตอรีโอ | สเตอรีโอ |
การเชื่อมต่อ | เครือข่าย | 5G | 5G | 5G |
Wi-Fi | Wi-Fi 5 | Wi-Fi 6 | Wi-Fi 6 | |
Bluetooth | 5.1 | 5.4 | 5.4 | |
NFC | รองรับ | รองรับ | รองรับ | |
พอร์ต | USB Type-C | USB Type-C | USB Type-C | |
ระบบสแกนนิ้ว | เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ | เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ, IR Blaster | เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ, IR Blaster | |
แบตเตอรี่ | ความจุ | 6000 mAh | 6000 mAh | 6200mAh |
ชาร์จผ่านสาย | 45W SUPERVOOC | 80W SUPERVOOC | 80W SUPERVOOC | |
ชาร์จไร้สาย | – | – | 50W AIRVOOC | |
ตัวเครื่อง | ความทนทาน | IP66/IP68/IP69 | IP66/IP68/IP69 | IP66/IP68/IP69 |
ขนาด | 156.5 x 74.97 x 7.69 – 7.74 มม. | 157.90 x 74.73 x 7.42 มม. | 163.35 x 76.98 x 7.48 – 7.58 มม. | |
น้ำหนัก | 180 กรัม | 187 กรัม | 201 |

ราคาและการวางจำหน่าย
OPPO Reno14 F 5G มีวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยกันทั้งหมดสามสี ได้แก่ สีฟ้าลายหางปลา (Opal Blue) สีเขียว (Luminous Green) และสีชมพู (Glossy Pink) กับความจุ 3 ตัวเลือก
- 8GB + 256GB ราคา 11,999 บาท (เฉพาะช่องทางออนไลน์)
- 12GB + 256GB ราคา 12,999 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 14,999 บาท


รุ่นมาตรฐาน OPPO Reno14 5G มีวางจำหน่ายสองสี ได้แก่ สีขาวลายหางปลา (Opal White) และสีเขียว (Luminous Green) ด้วยตัวเลือกทั้งหมด 2 รุ่นเช่นกัน
- 12GB + 256GB ราคา 16,999 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 18,999 บาท

สุดท้ายคือรุ่นท็อปสุดประจำซีรีส์อย่าง OPPO Reno14 Pro 5G ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimenisity 8450 รุ่นล่าสุด และตัวเลือกสีสองแบบสุดชิค ได้แก่ สีขาว (Opal White) และสีเทา (Titanium Grey)
- 12GB + 512GB ราคา 24,999 บาท


พร้อมกันนั้นภายในงานครั้งนี้ทาง OPPO ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งสามรายการด้วย ไม่ว่าจะเป็น แท็บเล็ต, สมาร์ทวอช และหูฟังไร้สาย
- OPPO Pad SE (Wi-Fi) : ราคา 5,999 บาท
- OPPO Pad SE (LTE) : ราคา 6,999 บาท
- OPPO Watch X2 Mini : ราคา 9,999 บาท
- OPPO Enco Buds3 : ราคา 799 บาท

Comment