ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กำลังศึกษาแนวทางกรอบความรับผิดชอบร่วมกันในคดีฉ้อโกงออนไลน์ ผ่านพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ทั้งเพิ่มบทลงโทษ และความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างผู้ให้บริการเครือข่าย และธนาคาร หลังสิงคโปร์ประกาศไปก่อนหน้า

ล่าสุด มีความคืบหน้าว่า ร่าง พ.ร.ก.ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่นี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา หากผ่านการตรวจร่างแล้ว นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี (ดีอี) จะเร่งเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

สาระสำคัญของการแก้ไข ร่าง พ.ร.ก.จากฉบับเดิม

  • เพิ่มบทลงโทษกรณีการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล จากโทษจำคุก 1 ปี เป็น 5 ปี
  • เพิ่มความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ หากละเลย ไม่ดูแลระบบ ปล่อยให้มีการหลอกลวง เกิดเป็นผลกระทบสร้างความเสียหายต่อผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งการติดตามเร่งรัดคืนเงินให้ผู้เสียหาย จากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง
  • การจ่ายเงินคืน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เผยเพิ่มว่าในส่วนของ การจ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งยังไม่มีกำหนด ต้องเข้าสู่กระบวนการสืบทราบที่มาที่ไป

ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับทางของโอเปอเรเตอร์และธนาคารเรียบร้อยแล้ว ทุกฝ่ายเห็นด้วย และเป็นมติของที่ประชุมว่าต้องดำเนินการเพื่อตัดทุกช่องทางของมิจฉาชีพ หากเมื่อออกมาตรการไปแล้ว โอเปอเรเตอร์และธนาคารไม่ปฏิบัติตาม ทำให้เกิดความเสียหายต้องมีส่วนร่วมในเงินที่ประชาชนเสียไป

และในวันที่ 1 มกราคม 2025 นี้ จะมีอีก 1 มาตรการออกมา เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต คือ มาตรการการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์ต่าง ๆ ที่จะมีการแนบลิงก์เพื่อลงทะเบียนผู้ส่ง โดยต้องแจ้งสถานะว่าเป็นใคร หากไม่พบข้อมูลผู้ส่ง โอเปอเรเตอร์จะมีการระงับการส่งดังกล่าว

ที่มา กรมประชาสัมพันธ์, prachachat