7 ธันวาคม 2559 – บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด และกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศผลรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2559 โดยเกษตรกรผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ที่มุ่งเน้นการทำเกษตรแบบครบวงจรคือ นายอายุ จือปา วัย 31 ปี ชาวเขาเผ่าอาข่าจากจังหวัดเชียงราย ผู้ตั้งปณิธานน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดผลประโยชน์มากที่สุด
แนวคิดสำคัญในการทำเกษตรแบบครบวงจร ประกอบด้วย 1.ทักษะการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม แรงงาน ทุน การเพาะปลูก เพาะเลี้ยง และผลิตวัตถุดิบทางการเกษตร 2.ทักษะการแปรรูปให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เป็นไปตามระบบมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร โดยอยู่บนพื้นฐานการใช้องค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ประยุกต์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานการใช้นวัตกรรม และมุ่งมั่นยกระดับผลิตภัณฑ์การเกษตรให้มีคุณภาพมากขึ้น และ 3.ทักษะที่แสดงถึงความเป็นเกษตรกรมืออาชีพ วางแผนในเชิงธุรกิจและการตลาด ตลอดจนความพร้อมในการแบ่งปันบทเรียนและถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จเพื่อเป็นแบบอย่างแก่สาธารณะ
นายอายุ เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์จากกาแฟคุณภาพดีแบรนด์ ‘อาข่า อ่ามา’ เกิดและเติบโตในชนเผ่าอาข่า ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานที่อยู่ ที่ทำกิน ความรู้ และอนาคตที่ดีให้ จากการริเริ่มปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาว ชา กาแฟ ที่เป็นพันธุ์พระราชทาน มาสู่การสร้างเครือข่ายส่งเสริมให้ชาวบ้านผลิตกาแฟ พัฒนาสายพันธุ์ให้ดีขึ้น และมีส่วนผลักดันให้กาแฟจากชุมชนบ้านแม่จันใต้ผงาดขึ้นเวทีโลกได้อย่างไม่อายใคร ปัจจุบันเขาดูแลกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ จากวิธีการปลูก การใช้น้ำ การตาก การเก็บ กลางน้ำ คือ การแปรรูป และทำบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงปลายน้ำ คือ การจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยการทำธูรกรรมการเงินผ่านระบบออนไลน์
รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ นายพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ จากจังหวัดมหาสารคาม เกษตรกรผู้หยิบยกปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการทำฟาร์มผักออร์แกนิก ‘แก้วพะเนาว์ ยัง สมาร์ท ฟาร์เมอร์’ ปฏิวัติแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่หันหลังให้อาชีพเกษตรกร นำประสบการณ์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศอิสราเอล เริ่มจากการปรับสภาพดิน บริหารจัดการน้ำ และปรับระบบนิเวศ จนสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของพ่อแม่และชาวบ้านที่เคยมองว่าอาชีพนี้ลำบาก
รองชนะเลิศอันดับ 2 คือ นางสาวศิริวิมล กิตะพาณิชย์ จากจังหวัดเชียงราย ทำเกษตรครบวงจร ปลูกข้าวและผักอินทรีย์ ภายใต้แบรนด์ ‘ไร่รื่นรมย์’ ใช้นวัตกรรมพลังงานทางเลือก จัดสรรพื้นที่และแปลงปลูกอย่างเป็นระบบ และมีกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวว่า
“หนึ่งในเป้าหมายหลักของดีแทคคือ การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาให้เกษตรกรไทยก้าวไปสู่ความเป็น Smart Farmer เนื่องจากเราเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเชิงเกษตรกรรม ที่ผ่านมา ดีแทคได้ร่วมกับภาครัฐ สนับสนุนการทำการเกษตรโดยนำนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ติดอาวุธให้เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ โดยได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมหลักสูตรการเกษตรเชิงพาณิชย์ให้กับ Young Smart Farmer ที่กรมฯ เป็นผู้คัดเลือกจากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 3,000 คน ซึ่งสร้างช่องทางให้เกษตรกรรอดพ้นจากวงจรราคาสินค้าเกษตรตกต่ำได้”
“ในอนาคตอันใกล้นี้ ดีแทควางโรดแมพโดยมุ่งเน้นการทำเกษตรแบบแม่นยำ และสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการเกษตร หรือ Agri Tech นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการแก้ปัญหาสำคัญทางการเกษตร หรือการสร้างธุรกิจใหม่ทางด้านการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) ดีแทคยังมีแผนที่จะสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่าง Agri Tech กับ Smart Farmer ที่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถนำความรู้ทางการเกษตรที่มีอยู่ผสานกับเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้วิทยาการด้านการเกษตรของไทยกลายเป็นผู้นำแนวหน้าของโลก ซึ่งจะเป็นการช่วยผลักดันโมเดล “ประเทศไทย 4.0” ของรัฐบาล เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ Value- Based Economy หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมในที่สุด”
รายชื่อเกษตรกรที่เข้ารอบสุดท้าย 10 ท่าน
1. คุณสุจิตรา จันทะศิลา, ศรีสะเกษ
ปลูกพริก หอมแดง และกระเทียม พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ และต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปหลากหลายชนิด ภายใต้แบรนด์ “สุจิตรา”
2. คุณศุภชัย เณรมณี, อ่างทอง
ฟาร์มผักศุภัสสร พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อผลิตสินค้าคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ทำให้สามารถกำหนดราคาผลผลิตได้เอง
3. คุณโอภาส หรดี, ลพบุรี
มีไร่ดอกทานตะวันสำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อดอกแห้งเก็บเกี่ยว คัดเมล็ดเพื่อนำไปเพาะเป็นต้นอ่อนทานตะวัน กระบวนการผลิตใส่ใจเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
4.คุณศิวกร โอ่โดเชา, เชียงใหม่
ปลูกพลับ สาลี่และอโวคาโด้อินทรีย์ ผลิตกาแฟคั่ว และกาแฟคั่วทำมือ ในชุมชนดั้งเดิมเผ่าปกาเกอะญอ ที่มีอายุมากกว่า 300 ปี
5. คุณศรัณยา กิตติคุณไพศาล, เชียงใหม่
ปลูกข้าว ปลูกผัก และทำการเกษตร ณ เชิงดอยหลวงเชียงดาว สูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร สร้างเครือข่ายตลาดผู้บริโภคผ่านโครงการผูกปิ่นโตข้าว
6. คุณประกิต โพธิ์ศรี, ระยอง
เพาะพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิง สร้างสายพันธุ์ใหม่โดยการผสมเองอย่างต่อเนื่อง แสวงหาข้อมูลและใช้สื่อออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
7. คุณพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์, มหาสารคาม
นักปลูกผัก ผู้คิดค้นรูปแบบบริหารจัดการน้ำบนพื้นที่แห้งแล้ง สร้างระบบให้น้ำและปุ๋ยชีวภาพกับพืชผักโดยตรง ภายใต้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์
8. คุณอายุ จือปา, เชียงราย
ปลูกและพัฒนากาแฟอาข่า อ่ามา ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีจากพื้นที่ดอยสูง ใช้เครื่อง After burner ลดมลภาวะทางอากาศ และใช้ระบบธุรกรรมการเงินออนไลน์
9. คุณศิริวิมล กิตะพาณิชย์, เชียงราย
ปลูกข้าวอินทรีย์ ผักอินทรีย์ เลี้ยงสัตว์ ใช้นวัตกรรมพลังงานทางเลือก จัดสรรพื้นที่และแปลงปลูกอย่างเป็นระบบ จัดการและดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ
10. คุณอรณี สำราญรื่น, กาฬสินธุ์
ปลูกหญ้าเพื่อจำหน่ายแบบสด ท่อนพันธุ์ หญ้าสับ หญ้าหมัก พร้อมสร้างแหล่งเรียนรู้สาธารณะเรื่องการปลูกหญ้าเป็นเสบียงอาหารสัตว์