5G หวังครองตำแหน่ง TV แห่งอนาคต
มีการคาดการณ์ไว้ว่า TV ในอนาคตอาจจะเป็นเพียงพลาสติกใสบางๆ และในที่สุดจะเป็นภาพลอยขึ้นมาแบบสามมิติด้วย content ที่ผลิตผ่าน social media ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 10 ปีจากนี้ อย่างไรก็ตามรูปแบบอนาคตของ TV ณ ขณะนี้ยังเป็นการต่อสู้ระหว่าง 5G และ social media เช่น Facebook, Google, Youtube และ social media อื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นความสั่นสะเทือนวงการ TV ดั้งเดิมเป็นอย่างมาก
หลังจากการวางเคเบิ้ลไฟเบอร์ออฟติกใต้น้ำ (submarine optical cable) ที่มีการแข่งกันกันสูงมากจนทำให้โลกถูกเชื่อมโยงด้วยทางด่วนข้อมูลใต้น้ำอย่างสมบูรณ์ เป็นผลทำให้ราคาค่าเชื่อมโยงผ่านเคเบิ้ลใต้น่ำมีราคาถูกกว่าการเชื่อมโยงด้วยดาวเทียม แถมยังมีความเร็วสูงกว่าการส่งข้อมูลด้วยดาวเทียมอีกด้วย ผลกระทบดังกล่าวจึงทำให้ระบบ Mobile broadband มีต้นทุนในการส่ง content ถูกกว่าการส่ง content ผ่านระบบดาวเทียมเป็นอันมาก ยิ่งไปกว่านั้นขีดความสามารถของโครงข่าย Mobile broadband มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด พร้อมทั้งการเข้าถึงของประชากรโลกมีความง่ายดายด้วย smart devices ที่มีราคาที่ทุกคนสามารถหาซื้อได้ โดย GSMA คาดการณ์ว่ากว่า 70% ของประชากรโลกจะมี smartphone ใช้ภายในปี 2020
การให้บริการ Mobile broadband กำลังก้าวไปสู่ระบบ 5G โดยมีแผนที่จะ roll out ไม่เกินปี 2018 ทั่วโลก ดังนั้นผู้ให้บริการโครงข่าย (Network operators) จะต้องหาวิธีการรับมือกับปริมาณข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการใช้งานของเทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่ ที่มีการใช้งานเครือข่ายที่หนักมาก โดยขณะนี้ AT&T ได้ทดลองการให้บริการเครือข่าย 5G เพื่อแพร่ภาพโทรทัศน์ที่มีชื่อโครงการว่า DirecTV Now ซึ่งให้บริการวิดีโอออนดีมานด์ในรูปแบบสตีมมิ่ง คาดว่าจะเริ่มทดลองแพร่ภาพในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017 ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
AT&T จะทำการทดลองแพร่ภาพสตรีมมิ่งเป็นครั้งแรกผ่านโครงข่าย 5G โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ “ทำให้เครือข่าย 5G สามารถให้บริการแทนระบบสายเคเบิ้ล” ซึ่งขีดความสามารถตามมาตรฐานของเทคโนโลยี 5G ได้ถูกกำหนดไว้โดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เพื่อสามารถรองรับการใช้งานรับส่งข้อมูลปริมาณมากๆ เช่น วิดีโอ ได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบ realtime อีกทั้งยังสามารถรองรับการให้บริการด้านบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ในอนาคตได้อีกด้วย ซึ่งการให้บริการเช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการอวสานของ “เคเบิ้ล” ที่ให้บริการ TV กำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ ด้วยบริการเครือข่ายไร้สาย 5G ที่มีราคาถูกกว่า และมีประสิทธิภาพดีกว่า
5G ถือเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุคที่ 5 โดยสามารถให้บริการด้วยความเร็วที่สูงกว่าเครือข่าย 4G ถึง 100 เท่า ซึ่งสามารถดาวน์โหลดด้วยความเร็ว 14 Gbps ซึ่งหากเทียบกับความเร็วสูงสุดที่ AT&T ให้บริการบนเครือข่าย 4G อยู่ ณ ขณะนี้ ที่มีความเร็วสูงสุดในการดาวน์โหลดอยู่ที่ 14 Mbps เท่านั้น
ผู้ให้บริการโครงข่าย (Network operators) หลายรายในสหรัฐฯ ต่างมุ่งผลักดันเพื่อการให้บริการแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Verizon Wireless, AT&T, Sprint และ T-Mobile ต่างก็เริ่มมีการทดสอบการให้บริการเครือข่าย 5G กันไปบ้างแล้ว ซึ่งในปี 2017 นี้ จะเป็นปีแห่งการทดสอบเครือข่าย 5G ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปี 2018
อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้ให้บริการโครงข่าย 5G (Network operators) พยายามแย่งชิงเพื่อที่จะเป็นเจ้าแห่งอุตสาหกรรม TV แต่ Facebook ก็ได้ประกาศไปแล้วว่า กำลังจะเริ่มให้บริการแพร่ภาพแบบสตรีมมิ่ง (Stream videos) ผ่านแพลทฟอร์มหลักของ Facebook โดยสามารถแสดงผลบนจอ TV แบบปกติโดยผ่านอุปกรณ์เช่น Apple TV หรือ Google Chrome-cast ซึ่งการให้บริการดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถรับชม Facebook videos บนจอขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะทำให้ social media เพิ่มความสามารถในการให้บริการเสมือนเป็น TV
นับจากนี้ไปสงครามชิงดำเพื่อยึด Landscape ใหม่ของ TV คงจะระอุอย่างยิ่ง ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ยากในการคาดการณ์ว่าจะจบลงในรูปแบบใด
Reference
[1] https://www.cnet.com/news/att-to-test-5g-with-directv-in-austin/
[2] https://www.gsmaintelligence.com
[3] http://www.forbes.com/sites/greatspeculations/2016/11/02/facebook-is-one-future-of-tv/#1dc4d0981ce2
[4] https://www.quora.com/Why-dont-we-use-satellites-more-than-undersea-optical-fibre-cables
—————-
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
www.เศรษฐพงค์.com
9 มกราคม 2560 20:00
—————–
หากท่านสนใจความรู้ด้านดิจิทัล
เข้าร่วมกับเราและทักเข้ามาที่
LINE id : @digital4u
——————