เห็นกระบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายที่ถูก กทค. และสำนักงาน กสทช. ฟ้องร้องแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าองค์กรของรัฐไม่มีที่พึ่งที่ไหนแล้ว นอกจากศาลยุติธรรม เพราะความจริงที่คนกลุ่มนี้นำเสนอและพยายามบิดเบือน
โดยพยายามไปเอาผู้รู้ต่างๆ ให้เข้ามาตำหนิสิ่งที่ กสทช. ทำ คือ ความจริง
เพียงครึ่งเดียว
ข่าวที่มีการนำเสนอ และการเคลื่อนไหวในขณะนี้ไปพูดเพียงว่า กทค.ฟ้องสื่อ ฟ้องนักวิชาการ ส่วนTDRI ทำเพื่อชาติ แล้วไปขยายความว่า กทค. ลิดรอนสิทธิ ข่มขู่สื่อ ไม่ยอมให้ตรวจสอบ แต่ถ้าพิจารณาดีๆแล้ว นี่คือความจริงเสี้ยวเดียวบวกความไม่จริงอีกกว่าครึ่ง..!
แต่สิ่งที่หายไป คือเหตุที่แท้จริงแห่งการฟ้องร้องคดีในครั้งนี้ เป็น
มุมมองที่กลุ่มเครือข่ายนี้เลือกที่จะไม่ทำให้ปรากฏออกมา
ข้อมูลที่ว่านักวิชาการใช้ข้อมูลมั่ว ใช้เรื่องผิดจากข้อเท็จจริง สื่อลงข่าวโดยไม่ได้ตรวจสอบให้ดี โดยลงข่าวเฉพาะด้านลบทำให้องค์กรและพนักงานของรัฐที่ถูกโจมตีได้รับความเสียหายและถูกเข้าใจผิด โดยไม่เสนออีกมุมมอง ทั้งๆ ที่มีข้อมูลที่มีการชี้แจงแล้ว ทั้งนี้เพื่อมาโจมตีให้ร้ายองค์กรของรัฐ
ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้บริโภคกว่า 17 ล้านคน ข้อเท็จจริง
ส่วนนี้กลับไม่มีใครกล่าวถึง
ในบางครั้ง ทุกคนย่อมมีข้อผิดพลาดถ้าสื่อทำผิด นักวิชาการ TDRI
ทำผิด เกิดความเสียหายหรือละเมิดสิทธิผู้อื่น ถ้าออกมาน้อมรับแล้วแก้ไข นั่นก็เป็นสิ่งที่อาจให้อภัยได้ แต่ถ้าทำผิดพลาดแล้ว แต่กลับไม่ยอมรับผิด
แล้วยิ่งไปโจมตีไปตำหนิผู้ที่เขาได้รับผลกระทบ โดยไปบิดเบือนข้อมูลมากขึ้น กล่าวคือคนเหล่านี้เห็นว่าตัวเองคือเทวดาไม่เคยผิดพลาด คนอื่นผิดและด่าเขาได้ แต่พอตัวเองผิดพลาด คนที่เสียหายเขาใช้สิทธิปกป้องศักดิ์ศรีของ
เขาเอง กลับออกมาร้องแรกแหกกระเชอบอกว่าคนที่ฟ้องร้องเพื่อขอความยุติธรรมต่อศาล คือ คนเลว นี่มันอะไรกัน…! สำหรับบ้านนี้ เมืองนี้
ถ้านักวิชาการ TDRI ไปวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ไปทำหน้าที่ชำแหละตรวจสอบองค์กรต่างๆ ของรัฐได้ ก็ต้องกล้าที่จะยอมรับการตรวจสอบในกระบวนการของศาล และต้องมีสปิริตที่จะแสดงความรับผิดชอบถ้าการดำเนินงานของตนมีข้อผิดพลาดสร้างความเสียหายกับผู้อื่น
ก็เพราะคนกลุ่มนี้เป็นอย่างนี้ ดังนั้นแนวทางในการวิพากษ์วิจารณ์
จึงไม่ได้มุ่งไปที่วิชาการ แต่มุ่งไปมองคนอื่นว่าเลวไปหมด ส่วนใครจะมา
แตะต้องกลุ่มเครือข่ายของข้าไม่ได้ ข้าเป็นกลุ่มเครือข่าย “ฐานันดรศักดิ์พิเศษ” ใครแตะต้องพวกข้าเจอดีแน่ ที่ผ่านมาจึงไม่มีใครกล้าหือ ทำให้คนกลุ่มนี้มีอำนาจที่จะแทรกแซงกดดันให้องค์กรต่างๆ ต้องเชื่อฟัง ถ้าสิ่งที่
เรียกร้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสิ่งที่เรียกร้องเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
นี่เป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติเพราะจะทำให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลการครอบงำในทางความคิดแบบผิดๆ ของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน
จึงไม่ต่างอะไรกับเผด็จการฮิตเลอร์ในอดีต เพียงแต่ใช้รูปแบบที่แตกต่างด้วยการประดิษฐ์วาทกรรมที่สวยหรูและอ้างความเป็นวิชาการและเครือข่ายสังคมบังหน้า แต่จากข้อเท็จจริง ถ้าวิเคราะห์ให้ดี คนพวกนี้อันตรายกว่า
ฮิตเลอร์เสียอีก
เพราะไม่มีใครตรวจสอบได้ แม้แต่ ปปช. ก็ไม่มีอำนาจตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินไม่ต้องเปิดเผย ด่าคนได้ฟรีโดยใช้ข้อมูลมั่ว แต่ถ้าเขาไปใช้สิทธิ
ทางศาลเพื่อปกป้องสิทธิของเขา ก็จัดเวทีถล่มหาว่าข่มขู่ ลิดรอนสิทธิ
นักวิชาการ ถ้าเป็นเช่นนี้ ความยุติธรรมจะอยู่ที่ไหน..!
ถึงเวลาแล้วที่ความจริง ความถูกต้อง จะต้องปรากฏ และที่พึ่งสุดท้ายเพื่อสร้างบรรทัดฐานในสังคมให้ไปสู่ความถูกต้องคงหนีไม่พ้น “ศาลยุติธรรม”
วันพฤหัสบดี ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556, 06.00 น.
http://www.naewna.com/business/69200