นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้ที่ร่วมยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาส่งเรื่องต่อให้ศาลปกครองพิจารณาว่า คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีอำนาจที่จะรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ 3จี หรือไม่ โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 (2) กล่าวว่า ตนไม่ติดใจในประเด็นที่ศาลปกครองไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน คดีประมูล 3จี ไว้พิจารณา เนื่องจากการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวไม่ได้ชี้เฉพาะเรื่องของความถูกต้องในการประมูล 3จี แต่เป็นเพียงเขตอำนาจในการพิจารณาเท่านั้น อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่องอำนาจของกทค. ที่รับรองผลการประมูล 3จี แทน กสทช. คณะใหญ่ ตนเห็นว่ายังมีความขัดแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 และ มาตรา 305 (1) ที่ระบุว่าการจัดสรรหรือการอนุมัติคลื่นความถี่ ให้เป็นอำนาจของ กสทช. ส่วน กทค.เป็นคณะกรรมการเฉพาะด้านเป็นหน่วยย่อยภายในองค์กร ทำหน้าที่กำกับการประกอบกิจการดังนั้นการใช้อำนาจของ กทค. จึงถือว่าเป็นการใช้อำนาจเกินรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเตรียมยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาในประเด็นการใช้อำนาจดังกล่าวอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) เวลา 09.00 น.

จากข่าว http://www.matichon.co.th/news_detail.p … catid=0504

เบื่อมากๆ ไอ้พวกถ่วงความเจริญของชาติผิดแล้วยังไม่ยอมรับหาทางดิ้นไปเรื่อย

กฎหมายเขียนไว้ชัดเรื่องที่ให้กทค.มีอำนาจทำแทนก็ยังไปขุดเอารายงานการประชุมตอนยกร่างมาพยายามตีความให้เกิดความขัดแย้งทั้งๆที่ไม่มีประเด็น

เสียชื่อสว. สรรหาและเสื่อมเสียสถาบันกฎหมายที่สว. ไพบูลย์จบมา

เด็กที่เรียนกม. ใครๆก็รู้ว่าเจตนารมณ์ของกม. เขาไปดูตอนที่ถ้อยคำของกม. เขียนไว้ไม่ชัดเจน

แต่หากตัวบทเขียนถ้อยคำชัดเจนแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปหาข้อมูลมาเพื่อพยายามตีความให้แตกต่างจากตัวอักษร.

การกระทำของสว. ไพบูลย์ต้องเรียกว่าเป็นการใช้กม.อย่างบิดเบือนด้วยจิตวิปลาส