ก็ไม่ได้อวดว่าเก่งอะไรนะครับรู้ก็เท่าๆกับเพื่อนๆแหละครับ เพียงแต่จากที่ลองๆ อะไรกับเครื่องหลายๆอย่างแล้ว ก็ได้พบความรู้ใหม่ๆก็เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆชาว Optimus ONE ได้ลองเอาไปทดสอบเป็นหนูลองยา

เรื่องของเรื่องคงจะเกี่ยวกับการตั้งค่า การใช้งานกับ App ที่ใช้ได้ดีในสายตาและความเข้าใจของผมนะครับ

  • 1. ใช้ watchdog ดีกว่าพวกตระกูล taskkiler
    ตรงนี้เริ่มมาจากมีกระทู้ในนี้มีสมาชิกท่านนึงได้โพสต์เกี่ยวกับประเด็นนี้พร้อมทั้งแนบลิ้งค์มาให้ไปศึกษาด้วย ในลิงค์ก็จะกล่าวประมาณว่าการใช้ taskkiler นั้นเป็นการฝืนหลักการทำงานของระบบแอนดรอยด์ ซึ่งในตอนแรกผมเองก็เข้าใจว่า ระบบแอนดรอยด์ก็คงเหมือนๆ Windows นั่นแหละ คือเปิดเยอะๆ นอกจากกินแรมแล้ว ก็ยังกิน CPU ในการประมวลผลเบื้องหลังด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว แอนดรอยด์ของเราเนี่ย เวลาโปรแกรมไหนไม่ทำงานหรือเราทำงานโปรแกรมอื่น ไอเจ้าโปรแกรมที่เราไม่ได้ใช้มันจะถูกจัดให้อยุ่ในสถานะ Freeze ทันที คือ ไม่ประมวลผลต่อ แต่จะsave stat ไว้ เมื่อเราเปิดขึ้นอีกครั้งก็สามารถทำงานต่อได้ทันที และแรมที่มันจองไว้ หาก เกิดแรมไม่พอในขณะที่เราทำงานกับโปรแกรมอื่น มันก็จะถูกระบบดึงออกมาให้เราใช้กับโปรแกรมที่เราต้องการได้ตลอดเวลา และเมื่อไม่ได้ใช้งานโปรแกรมนั้นนานๆ มันก็จะถูกปิดไปเองโดยอัตโนมัติครับ ซึ่งผมก็ทดสอบแล้ว เชคCPU ในprocess แล้วก็จริงดังที่ว่าจริงๆ คือมันยังอยู่ครับแต่มันไม่กิน CPU เลย แล้วไอเจ้า watchdog เนี่ย มันจะคอย เฝ้าดูว่า process ไหน ที่ไม่ได้ทำงานอยู่ แต่ดัน กิน CPU กินแรม (ประมาณว่า แอบทำงานเบื้องหลังนั่นหละ) จนเกินพอดี มันก็จะเด้งให้เราหนะ ปิดมันลงไป วิธีการทำงานของโปรแกรมนั้นก็เหมือนชื่อโปรแกรมเลยจริงๆ
    เท่าที่ลองทดสอบดูกับตัวเอง นอกจากเครื่องจะไม่อืดแล้ว(เพราะถ้ามีอะไรกินทรัพยากรเราแบบลับๆเจ้า watchdog มันจะฟ้องเราทันที! ที่ว่าไม่อืด เพราะ ใช้คะแนน benchmark เป็นตัววัดผล) แถมก็ยังสามารถเรียกโปรแกรมต่างๆขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ไม่ต้องคอยมานั่งปิดๆเปิดรำคาญใจอีกต่อไป
    แถมการใช้ Taskkiller เนี่ย พวกโปรแกรมที่มันต้องทำงานอยู่ ถ้าอยู่ๆมันเกิดถูกปิดไป บางตัวมันก็พยายามเปิดตัวเองขึ้นมาใหม่ เจ้า Taskkiller ก็ปิดอีก ก็สลับกันอยู่แบบนี้ นอกจากจะกิน CPU แล้ว ยังกินแบตเพิ่มด้วย

  • 2. spare parts = App ที่ทุกเครื่องควรมี
    ถามว่าทำไม เพราะมันทำให้เราปรับอะไรหลายๆอย่างที่ปกติเราทำไม่ได้ แต่ที่ผมจะให้ปรับคือ Animation ของระบบครับ ให้มันไวขึ้นเปิดปิด APP ไวมาก ถ้าปรับเป็นแบบ Fast ทำให้การเปิดปิดเมนูไวขึ้นมาก แต่ก็ยังมีanimation ให้พอเท่! แถมยังมีโหมดให้ปรับเกี่ยวกับ Process management ด้วย ก็ไอเจ้าวิธีจัดการ APP ของข้อด้านบนแหละครับ ว่าจะแบบธรรมดาหรือแบบพิเศษ ซึ่งเท่าที่ผมลองใช้แบบพิเศษคือ APP มันจะอายุสั้นลงครับสำหรับรอเวลาที่มันอยู่เฉยๆก่อนจะโดนKill ฮ่าา แต่ตรงนี้แล้วแต่คนชอบ ข้อเสียของมันก็คือ ถ้า app ไหนที่ต้องการข้อมูลแบบ เรียลทามสักหน่อยอาจจะต้องเปิดเรียกขึ้นมาใหม่ เช่น ถ้าเล่น App นี้อยู่ แล้วเกิดปล่อยให้ล๊อคสกรีน ปลดล๊อคออกมาอาจจะต้องเปิดปิดเข้ามาใหม่เพราะมันจะเอ๋อไปแล้ว
    ส่วนเมนูอื่นๆก็ทั่วๆไปครับลองปรับได้ตามใจชอบ

  • 3.ปิด Background data( Setting >Account & Sync ) ตรงนี้ สำหรับใครที่ไม่ค่อยต้องการอัพเดตพวกข้อมูลเบื้องหลังบ่อยๆ แบบชอบกดเองอะไรทำนองนี้ ถ้าปิดตรงนี้ด้วยก็จะเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องของเราพอสมควร
  • 4. ลดจำนวน Widget และหน้า Home screen ให้น้อยลง ตรงนี้แน่นอนครับ Widget มันไม่ใช่แค่ชอร์ทคัทแต่มันคือ APP เล็กๆตัวนึงมาเต้นบนหน้าจอ เพราะงั้นอย่ามีเยอะครับ
  • 5. เพิ่มระยะเวลาการอัพเดตรีเฟรชข้อมูลข่าวสาร APP และWidget เช่นจากทุกๆ 5 นาที ก็เป็นทุกๆ 1 หรือ 2ชั่วโมง
  • 6. Launcher pro ใช่ครับ HOME ตัวนี้ผมแนะนำจริงๆ ถึงจะมีคู่แข่ง อย่าง ADW แต่ผมถูกใจตัวนี้มากกว่า แน่นอนครับไปปรับ Opening Speed เป็น 7 ใน Preference > Advance setting ของ HOME ก็ทำให้ animation เร็วขึ้น แล้วปรับ Memory Usage setting > Preset เป็นแบบ Light ก็จะกินแรมไม่มากด้วย แนะเสริมว่าปรับจำนวน HOME น้อยๆตามต้องการด้วยครับ ใจจริงผมว่า 3 หน้าก็เหลือเฟือแล้วนะ =_= ถ้าไม่วาง Widget เยอะๆ
  • 7. ใช้ Background สีโทนมืด แน่นอนครับสีสว่างกินแบตมากกว่าแน่นอน
  • 8. โหมด 2G only ถ้าไม่ใช้ 3G ช่วยได้เยอะครับ
  • 9. ลง JIT optimize ตามกระทู้ปักหมุด ฮ่าาาาาาา
  • 10. Under clock ด้วย SetCPU โปรแกรมนี้หลายๆคนคงเห้นว่ามันเอาไปใช้ในการOC ซะเป็นส่วนใหญ่แต่จริงๆ มันมีประโยชน์กว่านั้นมากครับ
    ด้วยตัวโปรแกรมมันสามารถปรับเปลี่ยน Profile ความเร็ว CPu ได้อัตโนมัตินี่เองทำให้เราสามารถปรับแต่งความเร็ว CPU ได้ตามสถานการณ์
    เพราะงั้นผมแนะนำอยู่ 2 Profile หลักๆครับ
    หลังจาก ติ๊ก enable แล้วก็กด Add Profile ได้เลยครับ
    1. เงื่อนไข Charge/Full ปรับ Min 245 Max 600 ครับ คือเวลาทำงานปกติก็ให้มันวิ่งต่ำสุดที่ 245mhz
    2. เงื่อนไข Screen off ผมปรับ Max 320 Min 122 ครับ คือให้มันUnder clock ลงไปเพื่อประหยัดแบตตอน stand by ผมลอง max ที่ 245 เกิดปัญหารีตัวเองก็เลยปรับ 320 ก็โอเคดี เท่านี้ก็ประหยัดแบตลงได้ง่ายๆแล้วครับ

บางสิ่งบางอย่างผมก็หยิบมาจากคนอื่นแล้วทดสอบกับตัวเองแล้ว ก็ต้องขอบคุณเจ้าของความรู้ทั้งหลายที่นำมาแชร์และผมมีโอกาสได้อ่านนะครับ