ขายซาก S2 คับ เมนบอร์ดพัง เเต่จอเพิ่งเครมก่อนหมดประกัน สภาพภายนอกดีมากๆ จอขอบเหล็กใหม่มากๆไม่มีรอยเลยเพราะเครมประกันมาไม่นาน บอร์ดพังตอนหมดประกัน พาเข้าศูนย์บอกค่าซ่อม 5000+ จบข่าว
โทรมาได้คับอยู่ ลาดพร้าว บางกะปิ 086 – 7968555
ขายซาก S2 คับ เมนบอร์ดพัง เเต่จอเพิ่งเครมก่อนหมดประกัน สภาพภายนอกดีมากๆ จอขอบเหล็กใหม่มากๆไม่มีรอยเลยเพราะเครมประกันมาไม่นาน บอร์ดพังตอนหมดประกัน พาเข้าศูนย์บอกค่าซ่อม 5000+ จบข่าว
โทรมาได้คับอยู่ ลาดพร้าว บางกะปิ 086 – 7968555
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว และการใช้คุกกี้ของเราคลิก
คุกกี้เหล่านี้มีความสำคัญต่อการให้บริการบนเว็บไซต์แก่คุณ และเพื่อให้คุณสามารถใช้คุณลักษณะบางอย่างได้ คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการยืนยันตัวบุคคลของผู้ใช้งานและช่วยป้องกันการปลอมแปลงบัญชีผู้ใช้งาน หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้เราอาจไม่สามารถให้บริการแก่คุณได้ เราใช้คุกกี้ดังกล่าวนี้เพื่อให้บริการแก่คุณ
แม้ว่าอาจเกิดคุกกี้ แต่อาจไม่สามารถบันทึกได้เนื่องจากมีสมุดบันทึกที่คุณสามารถอัปเดตได้เว็บไซต์นี้อาจมีคุกกี้หรืออาจเกิดคุกกี้ใหม่อีกครั้ง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมคลิก
มีรูปให้ดูเเลล้วนะคับสำหรับคนที่ขอดูรูป อยากเปลี่ยนจอ เเล้วเหมือนใหม่ จัดไปเลย
เมลไปถามแล้วนะครับ
ผมก็บอร์ดพัง เอาไปซ้อมที่มาบุญครอง ร้านรับซ้อมมือถือ โดนค่าเสียหายไป ๒๗๐๐ ครับ
แชร์ให้ฟัง
ขายเท่าไรครับ
ผมเพิ่งเปลี่ยนบอร์ดใหม่ไปเมื่อ ธ.ค.ที่แล้วนี้เอง ราคารวมค่าซ่อมเบ็ดเสร็จ 4,265 บาท แบ่งเป็น
4,051 บาท – GH82-05807A A/S ASSY-PBA MAIN(AUTL)GT_I9100T; SAMSUNG
214 บาท – O-SER001 ค่าบริการซ่อม
ที่ผมยอมเปลี่ยน เพราะเครื่องนี้ผมซื้อมา 16,500 บาท ถึงแม้ราคาขายมือสองจะเหลือแค่ประมาณ 5,000 – 6,000 บาท แต่ผมก็ยอม เพราะมันเป็นความทรงจำดีๆ กับเครื่องนี้ และเป็น Android เครื่องแรกรวมถึง Smart Phone เครื่องแรกที่ผมได้เริ่มใช้ หลังจากที่ใช้ Feather Phone มานาน
ด้วยคุณสมบัติของฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ Samsung ทำออกมาให้รองรับการใช้งานได้หลายปีนี้ด้วย ทำให้มันยังใช้งานได้ดีจนถึง ธ.ค.ปีที่ผ่านมานี้เอง (รวม 1 ปี 7 เดือน) ไม่ว่าจะเป็น
– CPU Cortex-A9 ที่ถือได้ว่าเป็น CPU ตัวแรงด้วย
– จอ Super AMOLED แบบ RGB (1 พิกเซล มี 3 สี แดง-เขียว-น้ำเงิน) ไม่ใช่แบบ Pentile ที่ใช้อยู่ในรุ่นท็อปหลายรุ่น เช่น S III, SIII mini, Note I, S4, Note 3 ซึ่งใน 1 พิกเซลมี 2 สีวางสลับเป็นตารางหมากฮอส คือ แดง-เขียว, น้ำเงิน-เขียว)
– GPS ที่บอกความเร็วในการเคลื่อนที่ได้แม่นยำกว่ารุ่นใหม่ๆ (Note II ที่ผมใช้ ผมลองเอามา Speed Meter มาลองวัดดู ผลคือความเร็วไม่นิ่งไม่คงที่ เดี๋ยวพุ่งขึ้นสูง เดี๋ยวต่ำลงแบบฮวบฮาบ ทั้งๆ ที่ GPS ที่จับสัญญาณได้มีถึง 16 ดวงโดยเฉลี่ย ในขณะที่ S II มีสัญาณ GPS แค่ 5-9 ดวงแต่ความเร็วที่บอกได้แม่นยำกว่า)
– มีรูใส่สายคล้องมือ (ตรงนี้หลายคงมักจะมองข้าม ว่านี่แหละตัวป้องกันชั้นดีเลย) การใส่สายคล้องมือนี้เอง ทำให้เจ้า S II ของผมไม่เคยหลุดจากมือไปกระแทกพื้นเลยซักครั้ง เพราะเมื่อหลุดจากมือมันก็ห้อยอยู่ที่แขนเรานี่แหละ ซึ่งต่างจากรุ่น S III เป็นต้นไปที่ไม่มีรูใส่สายคล้องมืออีกต่อไปแล้ว
ถึงแม้จะมีข้อเสียที่ไม่ได้ไปต่อแล้ว (ต้องหา ROM อื่นมาลง) และมีพื้นที่ติดตั้ง App แค่ 2 GB (พวก Data ใหญ่จะไปอยู่ที่ SD Storage ที่ถูกแยกเอาไว้อีกที ซึ่งมีประมาณ 11.50 GB ผมก็ทำใจยอมรับได้ไปแล้วล่ะ (คงเพราะผมมีนิสัยที่ถ้ามีอะไรให้ใช้เป็นของตัวเองแล้ว มันจะต้องอยู่กับผมไปนานๆ เลย จนกว่าผมจะมีสิ่งใหม่มาทดแทน หรือมอบให้คนในคนหนึงในครอบครัวผมไปใช้ต่อ ไม่คิดจะขายต่อแน่นอน
ป.ล. Note II ผมก็ใส่สายคล้องนะ แต่เป็นการรัดสายที่ Case ตรงช่องระหว่างที่ถอดปากกากับช่องลำโพง
พี่ขายไปรึยังอ่ะครับ