วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 19:28:29 น.

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ทำหนังสือที่ กค 0406.7/1913 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ถึง เลขาธิการ กสทช. เรื่อง ขอนำเงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz นำส่งรายได้แผ่นดิน แจ้งให้สำนักงาน กสทช. ขอถอนคืนเงินรายได้แผ่นดินจำนวน 20,842,969,963.43 บาท ที่สำนักงาน กสทช. ได้นำส่งคลังมา ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2555 ตามข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. 2550 ภายใน 15 วันนับตั้งแต่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น สำนักงาน กสทช. มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องนำเงินที่ได้จากการประมูลหลังจากหักค่าใช้จ่ายนำส่งกระทรวงการคลังตามมาตรา 45 แห่งพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553

นายฐากรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2555 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำเสนอเรื่องพร้อมความเห็นและคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยวินิจฉัยว่าผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ใช่ผู้มีสิทธิเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครอง ตามมาตรา 245 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 14 (2) แห่งพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 และมาตรา 43 แห่งพ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองกลาง พ.ศ. 2542 และแม้ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองสูงสุดก็ตาม แต่ปัจจุบันการอุทธรณ์คำสั่งของผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดว่าจะรับคำอุทธรณ์ไว้พิจารณาหรือไม่

“สำนักงาน กสทช. เห็นว่า การฟ้องคดีต่อศาลปกครองดังกล่าวยังมิได้พิจารณาถึงประเด็นวิธีการประมูลคลื่นความถี่และประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. 2555 ว่าชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ดังนั้น สำนักงาน กสทช. จึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องนำเงินที่ได้จากการประมูลหลังจากหักค่าใช้จ่ายนำส่งกระทรวงการคลังตามมาตรา 45 แห่งพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553″นายฐากรกล่าว

นายฐากรกล่าวว่า การที่กระทรวงการคลังขอให้สำนักงาน กสทช. ถอนคืนเงินรายได้แผ่นดินจำนวน 20,842,969,963.43 บาท ตามข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. 2550 ภายใน 15 วันนับตั้งแต่ได้รับหนังสือแจ้ง และให้สำนักงาน กสทช. นำเงินจำนวนดังกล่าวฝากกระทรวงการคลังนั้น เนื่องจากสำนักงานฯ เห็นว่าการส่งคืนรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมายประกอบกับกระทรวงการคลังได้ส่งเงินดังกล่าวเข้าบัญชีเงินคงคลังที่ 1 ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่สำนักงานฯ จะขอถอนคืนเงินรายได้ และขณะนี้ก็ยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลปกครองว่าการนำส่งรายได้แผ่นดินเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายฐากรกล่าวว่า ข้อบังคับของกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. 2550 ในเรื่องของการถอนคืนรายได้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เห็นว่า รายได้ที่ไม่ควรนำส่งเป็นเงินรายได้ของแผ่นดิน จึงจะดำเนินการขอถอนคืนจากกระทรวงการคลัง ตามข้อบังคับของกระทรวงการคลังดังกล่าว

http://www.matichon.co.th/news_detai…id=00&catid=00