จากหัวข้อข้างต้นที่ว่า ในขณะนี้ผู้พัฒนาApp ส่วนใหญ่ที่เจ๋งๆๆกัน ตอนนี้ได้หนีออกจาก Android ไปหมดเเล้ว เพราะทนพิษสถานะภาพ Androidไม่ไหว เนื่องจากมีการบ่นว่า พัฒนาไปเเล้วไม่เห็นจะได้อะไรกับมาเลยอยู่ต่อไปมีหวังได้กินแกร็บเเน่ อย่างนี้เป็นต้นเพราะเนื่องจากว่า Google ยังคงไม่นิ่งพอที่จะให้พัฒนาอะไรจริงๆจังๆซะที อีกอย่างMaket ของAndroid ก็ไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก
หลังจากที่ได้รับข่าวนี้มาทำให้ผมเกินอาการท้อเเท้ขึ้นมา จนไม่อยากทำอะไรต่อเเล้ว ยังไงขอข้อมูลที่เป็ฯเอกฉันว่าเรื่องนี้เป็ฯเรื่องจริงหรือเปล่าด้วยครับ รักAndroid เเต่ถ้าไส้เเห้งผมก็ทิ้งได้เหมือนกันครับ
ต้องขออภัยด้วยนะครับหากอธิบายไม่โจ่งเเจ้ง ผมพูดในทางวิชาการไม่ค่อยเป็นอะครับ
ไปเอามาจากไหนว่า Android Market ไม่เป็นที่นิยมมากนัก
อีกเสียงว่านิยมครับ แต่ นิยมของฟรีนะ ถ้าคิดจะลงมาทำ apps ขายก็ต้องคิดหนักอยู่พอสมควร
ใครเค้าบอกมาล่ะครับ หลายๆ คนที่เจ๋งจริงๆ และลาออกไปแล้วเช่นใครบ้างล่ะครับ
อยากผู้พัฒนา CyanogenMod ซึ่งเป็น ROM Android ที่เจ๋งระดับต้นๆ ผมก็เห็นว่าเค้าก็เจ๋ง และก็ยังไม่ได้ลาออกนะครับ
แต่ถ้าเป็นผู้พัฒนา App สำหรับคนไทย และต้องการขาย App ให้คนไทยเห็นทีคงจะไม่เกิดล่ะครับ เพราะสำหรับคนไทยยังซื้อ App จาก Market ไม่ได้ครับ
ผมยกตัวอย่างเช่น Program บน Windows
โปรแกรมที่ทำงานแบบเดียวกันมันมีขายมากกว่าพันโปรแกรมเป็นอย่างต่ำ แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใคร “ลาออก” จากการเป็นนักพัฒนาบน Windows นะครับ
ข่าวหลอกแล้วครับ
ปล 1. กำลังใจมันเกิดขึ้นจากตัวเราเองครับ ตอนอยาก เราก็อยากเอง ทำไมตอนเลิกต้องเลิกเพราะคนอื่นด้วยล่ะครับ
ปล 2. ที่ว่าท้อน่ะเขียนมากี่ App แล้วครับ
โดน อิอิ
คุณ SekRanger
ต้องขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ ข้อมูลที่ผมพูดไปเบื้องต้นนั้นมาจากอาจารย์คนหนึ่งเขาพูดมาอะครับ
ส่วนลาออกไปเเล้ว ก็อย่างเช่นผู้พัฒนาเกมแองกี้เบริดบนโทรศัพท์แอนดรอยอะครับ เขาบอกว่าAndroid ยังพัฒนาอยู่ยังไม่เสถียรหรือหยุดนิ่ง เขาจึงออกจากการลงทุนบนAndroid ครับ
สำหรับหัวข้อคำถามนั้นผมก็ยังไม่เเน่ใจมากนักผมก็เลยมาถามเพื่อนๆๆดูว่ามันจริงหรือเปล่า เเต่พอมาเห็นสถิติที่เขาโพตร์ดูเเล้วก็โล่งใจ สงสัยเป็นข่าวหลอกเเน่นอน
ส่วนที่ถามผมว่าพัฒนาApp มาเท่าไหร่เเล้ว ผทก็ตอบได้ว่า ผมเป็นเเค่มือสมัครเล่นทั่วไปคนหนึ่งที่กำลังเริ่มเเละสร้างโปรเจ็คเพื่อเเข่งขันโครงการของสามารถที่จะถึงนี้อะครับ เเล้วอีกอย่างผมพึ่งเรียนรู้ได้ไม่ถึงเดือนเลยเนื่องจากอาจารย์ได้ไปศึกษามาเเล้วมาถ่ายทอดให้ผม ผมจึงไม่ค่อยชำนาญมากเท่าไหร่นักเเต่ก็พยายามศึกษาด้วยตัวเองมาตลอดเลยครับ จนเวลาพักผ่นอของผม มีเหลือเพียง10ชั่วโมงต่อวันเลยที่เดียว เพราะมันเป็นวิชาใหม่ที่พึ่งเข้ามาในคณะของผมเเล้วผมก็เป็นคนเเรกที่ได้เรียนรู้มันเพื่อเป็นนักพัฒนาซอฟเเวร์ไทยให้ได้ทัดเทียบกับรุ่นๆพี่เขา นั้นคือความฝันผมครับ
ซึ่งเมื่อผมเห็นอาจารยืพูดมาแบบนี้ก็เกิดอาการเหนื่อยขึ้นมาทันทีจนจับต้องอะไรไม่ถูกเพราะกลัวว่าเมื่อเราพัฒนาไปแล้วไม่เป็นที่นิยมหรืออย่างไรก็ตามมันจะเสียเวลาที่เราทุ่มเทอะครับ
สุดท้ายขอขอบคุณทุกคอมเม้นที่เข้ามาตอบทุกท่านเลยนะครับ ขอบคุณจากใจเลย
ผมว่าอาจารย์เค้าอาจจะวิเคราะห์จากความรู้สึกของเค้าเองนะครับ
และถ้ามองถึงตลาด Android App ของประเทศไทยมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะมันขายไม่ได้
ขายไม่ได้เพราะระบบ Market เองนะครับ ยังไม่สามารถทำให้คนทั่วไปในไทยซื้อได้ ต้อง Root ก่อนเท่านั้น
ส่วนที่ถามว่าพัฒนามากี่ตัวแล้ว ผมแค่ถามไปแบบนั้นแหละครับ คืออยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งท้อ เราเดินมาแค่ไม่กี่ก้าวครับ หลายๆ คนที่ท้อไปก็มี แต่ผมว่าเค้าไม่เคยถอยแน่นอน ไม่งั้น Android คงไม่มีชุมชุนที่แข็งแกร่งแบบนี้ครับ
ส่วน Angry Birds จาก Rovio Mobile นั้นทำกำไร (กำไรสุทธิ หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว) ให้บริษัทเดือนแรกอยู่ที่ 30 ล้านเหรียญครับ คิดว่ายังไงกับรายได้ตัวนี้ครับ แต่รายได้นั้นมาจากจากแปะ Ads ลงบน App นะครับ
ปัจจุบันนั้น App ลักษณะที่เป็น Ads Base แบบนี้มีแนวโน้มที่จะทำรายได้มากกว่ารายได้จากการขาย App โดยตรง เพราะการขาย App นั้นขายได้ครั้งเดียว แต่การแปะ Ads นั้นตราบใดที่เค้ายังไม่ลบ App เราออก เราก็มีโอกาศทำรายได้เรื่อยๆ ครับ
ไม่ว่าจะทำอะไร อย่าท้อถอยง่ายๆ ครับ ลองฟัดกับมันสักระยะ ก่อนที่จะบอกว่ามันไหว หรือไม่ไหว
สู้ต่อไปนะครับ
เอ่อ ที่ผมเรียนตอนนี้ เปิดสอน mobile app(android app) อย่างจริงจังเลยนะ
ทดลองหนึ่งปี กระแสตอบรับดีมาก อ. ที่สอนเลยเปิดคลาสต่อ นศ ลงเยอะแยะเลย
โหอิจฉาจังครับ ไม่เหมือนผมเลย เปิดสอน mobile app(android app) 1 ปีเหมือนกัน ตอนเเรกมีคนเข้าเรียน 50 กว่าคน ดีใจมากๆๆๆ
เเต่พอมาเรียนครั้งที่2 เหลือ 30 กว่าคน
ครั้งที่3-4 เหลือ 7 คน
ครั้งที่5 เหลือ2 คน
ครั้งต่อมาเลื่อยๆๆ เหลือผม คนเดียวเเล้ว
อาจารย์เรียกผมว่า เดอะสตาร์คนสุดท้าย 555555
แต่ผมเห็นกลับกันนะครับ
เท่าที่ผมเห็นปัจจุบัน การพัฒนา app บน Android กำลังได้รับความนิยมมากในหลายๆสถาบัน หลายๆโรงเรียนที่เปิดสอนเกี่ยวกับด้านนี้ เพราะผมเห็นโครงการอบรบเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะพอสมควร
ทำให้ผมพอจะคาดการณ์ว่า คงเป็นไปได้ยากที่ Android จะล้มง่ายๆ เพราะตอนนี้มันก็เหมือนเป็นของใหม่ที่กำลังบูมมากนั่นเอง
ส่วนเรื่อง Angry Bird นี่ ถึงมันจะเป็น app ฟรี แต่มันก็เป็น app ที่ยอดโฆษณาสูงสุดในตลาดแล้วมั้งครับ
น่าจะเรียกว่าประสบความสำเร็จด้วยซ้ำ ถึงแม้ตอนนี้ข่าวอาจซาไปบ้าง แต่ก็ยังมีเวอร์ชั่นใหม่ๆออกมาเรื่อยๆบน Android
ผมจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลเลยที่หนึ่งในทีมพัฒนาของ Rovio จะถอนตัวเลยนี่ครับ
ผมยังอยากเรียนแต่ไม่มีปัญญา อาจารย์ผมคืออากู๋gle
สงสัยผลไม้แหว่งปล่อยข่าวลวง…. 😛
ลาออกพากันไปอยู่ไหนแล้วไปทำอะไรหรือครับ?
อยากให้แอปพัฒนาต่อก็ อุดหนุนสิครับ ไม่เชื่อหรอกว่า สามสิบบาท ซื้อแอปมันแพงไป
แต่ก็อย่างว่า ทุกวันนี้ก็ใช้ windows เถื่อนกันอยู่เลย จะไปหวังกับ App 30 บาท ก็คงยาก
อย่าหลงไหลวัตถุเกินแกน เทคโนโลยีมีไว้อำนวยความสะดวกครับ อะไรคิดว่าเหมาะก็ใช้ ไม่เหมาะกับเราก็กับคนอื่น ไอโฟนก็ดี แอนดอร์ยก็ดี อย่าตีกัน
ผมว่ามันคือสงครามข่าวสารทางการตลาดเพื่อเเย่งลูกค้ากัน ยกตัวอย่างสงครามข่าวที่ได้ดูมาในวันนี้ จากรายการทีวีช่วงข่าวก่อน 6 โมงเย็นของทีวีช่องหนึ่งในประเทศเรา เป็นข่าวไอทีมีให้พิธีกรหญิงพูดเริ่มต้นด้วยข่าวไม่ีดีของเเอนดอยที่ว่าคนใช้เเอนดอยจะเกลียดเเอปเปิ้ลกี่ % แต่กลับไม่ยอมบอกข้อมูลอีกด้านว่าคนใช้เเอปเปิ้ลเกลียดเเอนดอยกี่ % เพื่อให้ผู้ชมเอามาเปรียบเทียบกันว่าใครเเรงกว่ากัน และยังไม่บอกด้วยว่าข้อมูลนี้ มาจากเเหล่งใดใครเป็นผู้สำรวจ การออกข่าวด้านเดียวอย่างนี้จะทำให้คนใช้เเอนดอยถูกสร้างภาพว่าเป็นคนเเรงและ aggressive ซึ่งมีอิทธิพลส่งผลให้ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงและวัยรุ่นต้องไม่ชอบแอนดอยเเน่ๆ
ต่อจากนั้นก็ให้พิธีกรพูดถึงข่าวดีให้ไอโฟนว่า การใช้มือถือนั้นจะดู performance เป็นหลักไม่ได้ ต้องดูถึงรสนิยม ความหรูหรา และบลาบลา ซึ่งก็เข้าทางไอโฟนเลย ระหว่างนั้นก็มีการเปิดคลิปโชว์การรูดไอโฟนให้ทางบ้านดูในหลายมุมมองด้วย ส่วนทางเเอนดอยก็เอาคลิปที่มีมือถือ htc หน้าจอดำปี๋เพราะยังไม่ได้เปิดเครื่องมาเปิดให้ดูต่อจากไอโฟน -*-
สุดท้ายก็ปิดข่ายด้วยข่าวไม่ดีสุดๆ ของเเอนดอยที่ว่าต่อจากนี้ไปเเอฟทางเเอนดอยจะมีน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่บอกสาเหตุว่าเพราะอะไร แต่ยังดีที่พิธีกรไม่บอกว่าเเอฟของเเอปเปิ้ลจะมีเพิ่มอีกมากมาย
ดูข่าวนี้เเล้วผมก็มานั่งคิดว่าทำไมข่าวมันเหมือนจงใจชี้นำความคิดและสร้างกระแสให้คนดูจังเลย เเทนที่จะข่าวเเบบกลางๆ กับเอียงซะ เวลาสองนาทีเสนอข่าวไม่ดีเเอนดอย 2 ข่าวดีไอโฟน 1 ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ และช่องนี้เขาก็ขึ้นชื่ออยู่เเล้วเรื่องการมีโฆษณาเเฝงในรายการข่าวอยู่เเล้ว
เท่าที่เล่ามาผมอาจจะมีอคติคิดจับผิดก็ได้ ยังไงพวกท่านก็ลองดูแล้วกันครับว่าจริงหรือเปล่า
ความกังวลตรงนี้ผมเข้าใจครับ จะบอกว่าที่ จขกท. คิดก็ไม่ได้เรียกว่าผิดอะไรเลย สำหรับคนไทยแล้วการทำโปรแกรมหรือเกมบน Android เพื่อขายนั้นจะให้ประสบความสำเร็จทำได้ยากกว่า iOS เนื่องจาก Market ยังไม่ support เต็มที่ ที่ผมเห็นก็คือโปรแกรมที่คนไทยทำขายสำหรับ Android นั้นยังมีไม่ถึง 10 ตัวเลยครับ บางคนก็ต้องทำตลาดการขายเองแบบให้โอนเงินบ้าง Paypal บ้างเช่น TSwipe-Pro, บางคนก็ให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศสมัครขายให้เช่น Let’s Hammer เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่จะไปทำแบบ Admob กันหมดซึ่งรายได้ที่ว่าอาจจะมากกว่าขายนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่ามากจริงหรือไม่คงต้องถามผู้ที่เคยได้ทำไปแล้วว่ารายรับมีมากน้อยเพียงไรนะครับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แตกต่างจาก iOS อย่างสิ้นเชิง ทาง iOS นั้นสามารถสร้างโปรแกรมขึ้นมาแล้วก็ขายได้ในทันทีเลย ไม่ต้องมาเป็นห่วงกังวลว่าจะขายอย่างไร ตรงจุดนี้เองจึ้งทำให้ผู้พัฒนายังสนใจที่จะพัฒนาโปรแกรมบน iOS มากกว่าอยู่ดีครับลองดูข้อมูลจากนี้ได้ http://www.blognone.com/news/23288
ในส่วนการพัฒนาโปรแกรมเองก็มี Fragmentation มากมายต้องศึกษารายละเอียดเยอะพอสมควรถึงจะทำโปรแกรมออกมาได้ดีรองรับกับทุก Device และนอกจากนี้เนื่องจากการติดตั้ง app ใน Android นั้นง่ายมากๆ จึงต้องคิดเรื่องการทำ Copy Protection ไว้ให้ดีด้วยกรณีทำขาย เพราะถ้าโปรแกรมหลุดออกมาให้คนโหลดกันเล่นๆแล้วละก็ไม่ต้องค้าขายกันอีกแล้วละครับ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ยากที่สุดไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆเลยครับ
แต่สุดท้ายนี้ App บน Android Market จะมีมากกว่าฝั่ง iOS อย่างแน่นอนในอนาคตนะครับ ก็ลองตัดสินใจดูว่าจะยังเดินหน้าต่อกับการพัฒนา App Android หรือไม่นะครับ
ตอนนี้คงต้องบอกว่านักพัฒนาหน้าเก่าที่รู้วิธีหาเงินแค่เริ่มทยอยเซย์กู้ดบายแค่นั้นเองครับ จะเหลืออยู่แต่นักพัฒนาหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มเขียนโปรแกรมบนมือถือกับรายใหญ่ๆที่มีเงินเอามาลงทุนได้
แต่อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ถ้าทำแอพฯแต่แอนดรอยด์ในลักษณะเอาไปขายเองถ้าโปรแกรมไม่เด็ดจริงๆยังไงก็กินแกลบแน่นอน ถ้าจะทำเพื่อหาเงินก็ต้องรับทำแอพฯครับ เป็นทางรอดหนึ่งในไม่กีทางของแอพฯแอนดรอยด์
น่าจะตามนี้ครับ http://www.specphone.com/web/7497/android-%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A1-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9E-%E0%B8%9A
อยากให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ครับ
ในส่วนตัวแล้ว ผมว่า หาก จขกท. คิดจะเอาดีด้านนี้อย่างจริงๆจังๆ ก็ไม่ต้องคิดมากครับ เพราะตลาด android พึ่งเกิดมาไม่นาน และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตไปได้อีกนานครับ
สำหรับ application ต่างๆนั้น ผมเชื่อว่าน่าจะมีคนไทยพัฒนาออกมาขายไปหลายรายแล้วครับ แต่เนื่องจากระบบ Market ในปัจจุบันยังไม่ตอบสนองกับคนไทย ทำให้โปรแกรมต่างๆ ที่พัฒนาออกมาขายนั้น ไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางครับ
และอยากบอกว่า app. android นั้น หากเป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อทำงานด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะนั้น ราคาก็ไม่ได้น่าเกลียดอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกันอยู่ในปัจจุบันนะครับ อย่างเช่นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับธุรกิจประกันภัย ที่ http://www.manop-it.com/aiadroid.html
ก็เป็นข้อมูลอีกส่วนหนึ่ง ที่เอามาแชร์กันครับ
ขอบคุณมากๆๆครับ ผมรู้สึกว่าผมเริ่มมีเเรงขึ้นมาหน่อยเเล้วละ ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ที่มาเเลกเปลี่ยนความรู้กัน ขอบคุณมากๆๆๆครับ
ผมมีข้อมูลมาอัพเด็ดครับ
กระแสสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต (tablet) สายพันธุ์แอนดรอยด์ (Android) บูมสุดขีดในช่วงที่ผ่านมา แต่ผลสำรวจจากความสนใจของนักพัฒนาแอพฯ กลับมีทิศทางตรงกันข้าม กล่วคือ นักพัฒนามีแนวโน้มให้ความสนใจในการพัฒนาแอพฯบนแพลตฟอร์ม Android ลดลง รวมถึง Windows Phone 7 ด้วย
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักพัฒนาจาก Appcelerator และ IDC เกี่ยวกับการสร้างแอพฯบนอุปกรณ์โมบาย ส่วนใหญ่ให้ความสนใจแพลตฟอร์ม iOS (iPhone และ iPad) ในขณะที่ความสนใจในการพัฒนาแอพฯบน Android ในช่วงไม่กี่เดือนทีผ่านมากลับลดลง แม้ว่าอุปกรณ์โมบายบนแพลตฟอร์มนี้กำลังบูมสุดขีดก็ตาม ผลสำรวจได้ข้อสรุปที่น่าสนใจถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า นักพัฒนาไม่แน่ใจในอุปกรณ์ Android ที่กระจัดกระจายหลายค่ายผลิต อีกทั้งผลลัพธ์จากยอดขายแท็บเล็ต Android ที่ไม่ค่อยสูงนัก ทำให้นักพัฒนาเริ่มเปลี่ยนใจจากแผนการที่จะพัฒนาแอพบนแพลตฟอร์มของ Google
ส่วนนักพัฒนาแอพบน iOS ยังคงให้ความสนใจค่อนข้างสูง โดย 91% ของนักพัฒนาแสดงความเห็นว่า มีความสนใจอย่างมาก (very interested) ในการพัฒนา iPhone และ 86% ต้องการพัฒนาแอพฯบน iPad ส่วนแพลตฟอร์ม Android ลดลงเหลือ 85% (เดิม 87%) ในขณะที่บนแท็บเล็ตลดลงเหลือ 71% (จากเดิม 74%) ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลดลงก็คือ ความสับสนอันเกิดจากความหลากหลายของอุปกรณ์ของ Android lในการพัฒนาแอพฯบนแพลตฟอร์มนี้นั่นเอง แต่ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าก็คือ แพลตฟอร์มของ Microsoft และ RIM (BlackBerry) ซึ่งแม้ว่า ไมโครซอฟท์จะอยู่อันดับสาม เหนือกว่า RIM แต่ความสนใจของนักพัฒนามีแค่ 29% และ 27% ตามลำดับ
เว็บไซต์ในข่าว: Android