เปลว สีเงิน คนปลายซอย: ‘อากาศและโอกาส’ในสนามบิน
นสพ.ไทยโพสต์ 8 ธันวาคม 2558


“อากาศและโอกาส”ในสนามบิน

เมื่อวาน (๗ ธ.ค.๕๘) อ่านข่าวไปเรื่อย เกิดสะดุดใจจาก ๓ ข่าว…….!
ข่าวแรก…
การบินไทย ของรัฐบาล กระทรวงคลังหุ้นใหญ่ ๙ เดือน ขาดทุนไปแล้ว ๑๘,๑๐๐ ล้านบาท
ในขณะที่แอร์เอเชีย ของตระกูลทักษิณ ประกาศ กำไรพุ่งสูงสุดในรอบ ๑๑ ปี เฉพาะปีนี้ ๙ เดือน กำไรแล้ว ๒๑,๘๗๓.๓ ล้านบาท
ข่าวที่สอง…
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผอ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) บอก ปี ๕๘ (สิ้นสุด ๓๐ ก.ย.) กำไรสุทธินิวไฮ
ปี ๕๗ กำไรสุทธิ ๑.๒ หมื่นล้าน แต่ปี ๕๘ แค่ ๙ เดือน ก็ฟันกำไรสุทธิไปแล้วถึง ๑.๓ หมื่นล้าน!
ข่าวที่สาม…
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาฯ กสทช.ทำหนังสือถึงปลัดคลัง ส่งมอบรายได้จากประมูลคลื่น ๑๘๐๐ MHz เฉพาะงวดแรก ๕๐% จาก ๘ หมื่นล้าน
ส่งเงินเข้าหลวง จำนวน ๔๐,๒๙๐,๕๑๐,๓๒๐.๖๖ บาท!
ทั้ง ๓ ข่าว อ่านแล้วสะดุดใจ
ทำไมการบินไทย ของหลวง ยิ่งทำ-ยิ่งเจ๊ง และทำไมแอร์เอเชีย ของตระกูลทักษิณ ยิ่งทำ-ยิ่งรวย?
ยิ่งอ่านข่าวพบ ๒๕-๒๖ ธันวานี้ จะเปิดใช้อาคาร “ดอนเมืองเฟส ๒” รองรับผู้โดยสารในประเทศกว่า ๓๐ ล้านคน
และสนามบินสุวรรณภูมิ จะลงมือสร้างเฟส ๓-๔ เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของคนเดินทางประมาณ ๑๒๐ ล้านคน/ปี จะเสร็จราวๆ ปี ๖๓
ก็ยิ่งสะดุดใจ และต้องคิดจากฐานปัจจุบัน ต่อเนื่องถึงอนาคตด้าน “วิสัยทัศน์” รัฐบาลที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนไปของสังคมโลก-สังคมประเทศ และสังคมภูมิภาค
เพราะต่อจากนี้ สนามบินในไทย ไม่ว่าดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ภูเก็ต อุดรธานี ฯลฯ ความสำคัญไม่เป็นเฉพาะสนามบินของไทยเท่านั้น
ในความเป็น AEC สนามบินไทย จะกลายเป็นทั้งศูนย์กลางการบิน เป็นประตูเชื่อมโลก-เชื่อมอาเซียนในการเดินทาง
โลกจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว………
ฉะนั้น เราจะใช้วิสัยทัศน์เดิมๆ ในการบริหารและมองความเป็นไปในกรอบเดิมๆ ไม่ได้อีกแล้ว
การบินไทย จะอยู่แบบ “เฉือนอวัยวะ” ทีละชิ้น-สองชิ้นเลี้ยงลมหายใจไปวันๆ รอตายไม่ได้แล้ว
จะแกล้งให้เจ๊ง เพื่อเอาคำว่า “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ ไปเซ้งให้พวกปากซื่อแต่ใจอสัตย์ ที่จ้องรออยู่นานแล้วก็ไม่ได้
และ “ท่าอากาศยานไทย” ที่เรียกว่า AOT………
จะพอใจแค่นิวไฮปีละหมื่นกว่าล้าน จากผู้ใช้ท่าอากาศยานขณะนี้รวมทุกท่าไม่ถึงร้อยล้าน แต่อนาคตจะเพิ่มทั้งพื้นที่ เพิ่มทั้งคนเดินทาง ปีละกว่า ๒๐๐ ล้านคน แค่นั้นไม่ได้
ทุกวันนี้ AOT บริหาร………
เข้าไปดอนเมือง นึกว่า “สนามบินแอร์เอเชีย”
เข้าไปสุวรรณภูมิ นึกว่า “ห้างคิง เพาเวอร์”!
มันเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ทักษิณเข้ามามีอำนาจรัฐ แต่ขณะนี้ ถึงยุค-ถึงสมัยต้อง “คิดกันใหม่” แล้ว
นายกฯ ประยุทธ์ ต้องคิด โดยเฉพาะ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ในฐานะ ผู้กำกับดูแลด้านนี้ ต้อง “คิด” ให้มากเป็นพิเศษ
ดู กสทช.ซี….
อากาศแท้ๆ ด้วยสังคมโลกเปลี่ยน มนุษย์เปลี่ยน แค่ใช้วิสัยทัศน์มองโลกและสังคมแล้วบริหาร
๘ หมื่นกว่าล้าน ส่งเข้าคลังที่แห้งขอดไปแล้ว ๔ หมื่นกว่าล้าน ชนิดรัฐไม่ต้องลงทุนอะไร นอกจากสติ-ปัญญาคน
สัปดาห์หน้า ๑๕ ธันวา จากประมูลคลื่น ๙๐๐ ก็น่าจะได้เข้าคลังอีกไม่ต่ำกว่า ๘ หมื่นล้าน!
ก็นำมุมคิดนี้ไปประยุกต์เป็นวิสัยทัศน์ ผ่านคนเดินทางปีละร่วม ๒๐๐ ล้านคนที่เข้า-ออกสนามบิน และเที่ยวเมืองไทยปีละกว่า ๓๐-๔๐ ล้านคนดูซีครับ?
ท่าอากาศยานไทย ได้ปีละหมื่นกว่าล้าน คุยโวว่ากำไรนิวไฮ…..!
ลองไปแง้มดูกำไร คนเช่าพื้นที่สนามบิน ๑๐๐ บาท/ตร.ม.ขายสินค้าปลอดภาษี แต่เซ้งกันราคา ๓-๕ หมื่น/ตร.ม.ดูซิว่า ปีๆ กำไรเท่าไหร่?
ผมก็ไม่ทราบ แต่อ่านข่าวพบ ….
ปีก่อน นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของคิง เพาเวอร์ โพสต์อินสตาแกรม อวด Gulfstream G 550 ราคากว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท
เขาบอกเป็นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวราคาแพงที่สุดในโลก!
ก็นำมาให้คิดประยุกต์ ไม่ใช่ให้ไปอิจฉาเขา คิดดูละกัน คิง เพาเวอร์เช่าพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ๑๐ ปี ขายสินค้าปลอดภาษี
ยังซื้อเจ็ต “แพงที่สุดในโลก” ไว้จ่ายกับข้าวปากซอยได้!
แล้วเจ้าของพื้นที่ ต่อจากนี้…สนามบินไทย จะเป็นศูนย์กลางการเดินทางโลกในย่านอาเซียน
นายกฯ ประยุทธ์ พล.อ.อ.ประจิน จะบริหารลูกค้านับร้อยล้านและพื้นที่ค้าขายในสนามบินที่เพิ่มขึ้น ให้เงินเพิ่มพูนเป็นกอบ-เป็นกำเข้ารัฐ เหมือนที่ กสทช.ทำได้ด้วยวิธีไหน อย่างไร?
สนามบิน เป็นทั้งธุรกิจคมนาคม และธุรกิจการค้าแท้ๆ แต่หัวหน้าใหญ่ที่รัฐบาลส่งเข้ามาบริหารเป็นใคร…รู้มั้ย?
“นายประสงค์ พูนธเนศ” อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.-AOT
ความรู้ในตำแหน่งอธิบดีสรรพากร มันมาลงตัวบริหารท่าอากาศยานไทยได้แบบไหน อย่างไร ผมก็งงอยู่เหมือนกัน?
ใครเจอนายวิชัย คิง เพาเวอร์ ช่วยถามทีเหอะ!
แต่ก็ดีนะ เมื่อตั้งเป้าเพิ่มรายได้เข้ารัฐ การหารายได้ผ่านภาษี และจากใบอนุญาตให้ขายสินค้าประเภท “ดิวตีฟรี” ทั้งในสนามบินและในเมือง เป็นหน้าที่กรมสรรพากรและกรมศุลกากร
ตอนนี้ “คิง เพาเวอร์” สัมปทานผูกขาดอยู่เจ้าเดียว กระทั่งพื้นที่รับสินค้าในสนามบิน
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายประสงค์เคยบอก คิง เพาเวอร์ มีสัญญา ๑๐ ปี จากกันยา ๔๙ – กันยา ๕๙ แต่ได้รับชดเชย ๓ ปี ไปถึงปี ๖๓ ส่วนที่ดอนเมืองกับภูเก็ต ยังอีกหลายปี
ก็พอดีแหละ สุวรรณภูมิขยายเฟส ๓-๔ จะเสร็จและเปิดใช้ประมาณปี ๖๓ เหมือนกัน และสนามบินในเขตเศรษฐกิจพิเศษจะเปิดใหม่หลายแห่ง
ก็ให้นายประสงค์ในฐานะประธานบอร์ด AOT ใช้วิสัยทัศน์ก้าวข้ามระบอบทักษิณ-ระบอบวิชัย ร่างแผนมาดูซิว่า….
ประเทศไทย จะเปิดประมูลธุรกิจการค้าประเภทดิวตีฟรี ทั้งในเมือง ทั้งในสนามบิน ให้คนทั้งในและนอกประเทศเข้ามาเสนอราคาแข่งกันแบบไหน อย่างไร กี่จุด กี่ประเภท?
รวมถึงพื้นที่ประเภทเพื่อการพาณิชย์ในสนามบินด้วย!
ที่มุบมิบให้ “ผูกขาด” เจ้าเดียว ปีละ ๖-๗ ร้อยล้าน อย่างที่ดอนเมือง แต่รวยเพิ่มพูนพ่อค้า ประเทศผู้ลงทุนย่ำอยู่กับที่ พวกมีสี กับเจ้าหน้าที่รัฐ “บางพวก-บางคน” ได้แทะเศษเลย
“พอกันที”!
ในความเป็น AEC ศุลกากร จะทำซื่อตาขยิบ บริษัทไทย-บริษัทเทศ นอกจากคิง เพาเวอร์ ขอเข้ามาทำธุรกิจดิวตีฟรี ก็อ้างโน่น-อ้างนี่ “ตีกัน” มาตลอดนั้น
รัฐบาล…โดยนายกฯ ประยุทธ์ ต้องเริ่ม “ตั้งประเด็น” และสะสางเพื่อตั้งต้นเรื่องนี้แล้วครับ
พอถึงปี ๖๓ หมดสัญญาคิง เพาเวอร์ ควรเอาพื้นที่และสิทธิ์การเปิดดิวตีฟรีในเมือง ในสนามบิน มาเปิดประมูลแข่งราคา เหมือนที่ กสทช.เปิดประมูลคลื่น 4G
ประเด็น “ดิวดีฟรี” นี้ มีผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง รวมทั้งไทย สนใจยื่นขออนุญาตประกอบการกันหลายราย
แทนที่รัฐบาล-ข้าราชการไทย จะมองเห็นโอกาสในสังคมโลกที่เปิดใหม่สร้างรายได้เข้ารัฐ กลับพยายามปิดโอกาส กรมศุลฯ กั๊กๆ กันๆ มาตลอด!
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ พูดไปก็จะถามว่า…ไหนล่ะหลักฐาน?
ของอย่างนี้ มันไม่ต้องมีใบเสร็จ แค่เส้นทางที่มา-ที่ไปก็เสร็จแล้ว ทั้งประธานบอร์ดและ ผอ.ใหญ่ AOT นั่นแหละ
ยุครัฐบาลทหาร คสช.ภาพลักษณ์คือโปร่งใส-ปฏิรูป-สร้างเส้นทางใหม่ให้สังคมชาติ
ผมก็บอกให้แล้ว นอกจากใบอนุญาตอากาศที่ได้เงินเข้ารัฐเป็นกอบ-เป็นกำแล้ว
ก็ใบอนุญาตดิวตีฟรีในเมือง-ในสนามบิน ในความเป็น AEC และศูนย์การบินเชื่อมโลกในภูมิภาคนี่แหละ
อย่าเห็นแก่หญ้าคิง เพาเวอร์ข้างคอกอยู่เลย จงมองไกลให้เห็น “หญ้าทั้งสนาม” ในความเป็นสังคมโลกใหม่เถอะ

เปลว สีเงิน
8/12/58
Thai Post