หลังจากหาข้อมูลเกี่ยวกับแบต โดยเฉพาะแบต Li-ion ที่ใช้ใน Galaxy Note มีหลายๆเรื่องที่ผมยังไม่รู้ บางเรื่องก็เข้าใจผิดมาตลอด ก็เลยสรุปๆจุดหลักๆมาแลกเปลี่ยนกัน เผื่อจะมีประโยชน์ครับ
-ครั้งแรกที่เริ่มใช้ แบตอาจถูกเก็บไว้ระยะนึงแล้ว ให้ชาร์จจนเต็ม7-8ชั่วโมง แล้วใช้งานจนเกือบหมด ทำแบบนี้ซัก2รอบ เพื่อกระตุ้นแบต และทำให้การวัดปริมาณแบตแม่นยำขึ้น ตรงนี้บางที่ก็บอกว่าไม่จำเป็น แต่ผมว่าทำไว้ก็ไม่เสียหายอะไร แค่ตอนเริ่มใช้สองรอบเอง
-อย่าใช้แบตจนหมดเกลี้ยง มันจะทำให้แบตเสื่อม เก็บไฟได้น้อยลง หรือถ้าโชคร้ายแบตอาจเสีย ชาร์จไฟไม่เข้าเลย อันนี้ไม่เหมือนแบตNiMH ที่ควรใช้ให้หมดก่อนชาร์จ
ถ้าจำเป็นต้องใช้งานมากๆ จนแบตไม่พอใช้ในหนึ่งวัน หรือใช้จนเกือบหมดเกลี้ยงทุกวัน แนะนำหาแบตสำรองไว้ใช้ พอไฟเหลือสัก20%ก็เปลี่ยนแบตเลย
-อย่าชาร์จบ่อยจนเกินไป ประมาณใช้งานจนแบตเหลือซัก 20-30% ก็ชาร์จให้เต็มทีนึง ไม่ใช่แบตยังเหลือ 80-90% ก็เสียบชาร์จแล้ว หรือถอดสายชาร์จเอาเครื่องไปเล่นที่อื่น ห้านาทีกลับมาเสียบชาร์จต่อ การชาร์จไฟน้อยๆ่ชาร์จบ่อยๆ จะทำให้แบตเสื่อมเร็ว และเก็บไฟได้น้อยลง
แบตมีการนับรอบชาร์จ แบตLi-ion หรือ Li-Polymer จะนับรอบการชาร์จ จากปริมาณการใช้งาน ตามความจุของแบตประมาณ 80-90% เป็นหนึ่งรอบ ไม่ได้นับตามจำนวนครั้งที่ชาร์จเหมือนแบต NiCd หรือ NiMH
-หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง(ความร้อน) เท่าที่จะทำได้ เช่นทิ้งไว้ในรถกลางแดด, วางไว้ในจุดที่โดนแสงแดดตรงๆ หรือ”ถ้าเป็นไปได้” ก็ไม่ควร เสียบชาร์จไปใช้งานไป (ชาร์จแบตก็ร้อน ใช้งานก็ร้อน)
อุณหภูมิสูงเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของแบตLi-ion เพราะนอกจากจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว อาจทำให้แบตรั่วหรือระเบิดได้
้
-ใช้ที่ชาร์จให้ถูกต้อง ใช้ของที่ผู้ผลิตให้มา จะได้โวลท์/แอมป์ที่เหมาะสมที่สุด และตัดการชาร์จได้ถูกต้องเมื่อแบตเต็ม พยายามเลี่ยงการเสียบชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน เพราะถึงจะมีวงจรตัด แต่พอแบตลดลงถึงระดับนึง มันก็จะชาร์จจนเต็มอีก
หลีกเลี่ยงการใช้ที่ชาร์จมั่ว ถึงจะไฟ5 Voltเท่ากัน ที่ชาร์จบางอันไม่ได้ออกแบบมาสำหรับแบต Li-ion อาจไม่ตัดเวลาแบตชาร์จเต็มแล้ว เกิดโอเวอร์ชาร์จ ทำให้แบตเสื่อม หรือระเบิดได้
้
ถ้าไม่จำเป็น อย่าชาร์จผ่านสายUSBจากเครื่องคอม คอมแต่ละเครื่องจ่ายแอมป์ที่พอร์ตUSBไม่เท่ากัน ตามSpec USB2 จ่ายไฟแค่500mA (0.5A) ที่ชาร์จมาตรฐานของGalaxy Noteจ่ายไฟ 1,000mA (1A) ขนาดที่ชาร์จของSamsungเอง บางรุ่นก็จ่ายไฟแค่ 700mA (0.7A) ใช้ให้ตรงรุ่นเป็นดีครับ
้
-อย่าเก็บแบตไว้โดยไม่ได้ใช้นานๆ แบตมันself-dischargeเรื่อยๆ ในตัวแบตมีวงจรหยุดการใช้งาน ถ้าไฟลดโดยไม่ใช้งานถึงจุดที่กำหนด ซึ่งต้องกระตุ้นแบตถึงจะใช้งานได้่อีกที ถ้าจำเป็นต้องเก็บนานจริงๆ ให้ชาร์จไว้50% (ชาร์จเต็มแล้วเก็บนานๆก็ทำให้แบตเสื่อมเร็วกว่าปรกติ) แล้วเก็บในที่ไม่ร้อน ไม่ชื้น หรือบรรจุให้มิดชิดเก็บในตู้เย็น
เท่าที่หาข้อมูลไว้ ก็สรุปได้เท่านี้ครับ น่าจะช่วยยืดอายุแบต หรืออย่างน้อย ก็ทำให้มันไม่เสื่อมสภาพไปก่อนเวลาที่ควร แต่ถ้าตรงไหนทำลำบากมาก ก็ข้ามๆไปได้ เพราะยังไงแบตมันก็มีอายุของมัน ถึงจะถนอมรักษาดียังไงอายุมันก็อยู่ที่ 3-5ปี ใช้งานให้คุ้มค่าครับ
หมายเหตุ: ข้อความทั้งหมด พิมพ์และโพสบนGalaxy Note อาจมีพิมพ์ผิดพลาดไปบ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
-อย่าชาร์จบ่อยจนเกินไป ประมาณใช้งานจนแบตเหลือซัก 20-30% ก็ชาร์จให้เต็มทีนึง ไม่ใช่แบตยังเหลือ 80-90% ก็เสียบชาร์จแล้ว หรือถอดสายชาร์จเอาเครื่องไปเล่นที่อื่น ห้านาทีกลับมาเสียบชาร์จต่อ การชาร์จไฟน้อยๆ่ชาร์จบ่อยๆ จะทำให้แบตเสื่อมเร็ว และเก็บไฟได้น้อยลง
ไม่ถูกสักทีเดียวนะครับ
การชาติที่ แบตต่ำมากๆๆ แบตจะถูกชาตในสถานะ C1 ซึ่งดึงกำลังไฟสูง สงผลให้ เกิดความร้อน ครับ
หาก 80% ขึ้นไป แล้ว แบตจะชาต ที่สถานะ C2 คือการดึงกระแสไฟช้าๆ จนกว่าจะเต็ม ช่วงนี้ จะทำให้เกิดความร้อนน้อยกว่า
อีกอย่างแบต lithium นั้น สามารถนับรอบได้เองอยู่แล้วครับ และควรคาริบท แบตเตอรี่ เดือนละ ครั้ง เพื่อให้สามารถแสดงสถานะคงเหลือของแบตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ยิ่งขึ้นครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มครับ
ก่อนโพสผมก็ลังเลอยู่ เพราะถึงเป็นแบต Li-ion เหมือนกัน
แต่เทคโนโลยีกับวรจรที่ใช้อาจต่างกัน
แล้วก็หาข้อมูลของแบตของ Galaxy Note ไม่ได้มาก
ในเว็บที่หาข้อมูล หลายๆแหล่งจะบอกว่าไม่ควรชาร์จบ่อยๆ
ผมก็เลยสรุปเป็นข้อมูลรวมๆไว้ตามนั้นน่ะครับ
ผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยครับ
สำหรับผม ชาร์ททุกครั้งที่มีโอกาสครับ ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ขอเพียงที่ชาร์ทมีกำลังมากกว่า 1A และจ่ายไฟ DC 5V ในรูปแบบกสรเชื่อมต่อหัว USBผมใส่หมดครับ ดีกว่า มีเครื่องแต่ไม่มีแบตใช้ แบตรองก็พกไปชาร์ทไป เพราะถึงคราวเราหยิบมาใช้จริงๆ มันจะลงเร็วมากกกกก
ส่วนตัวคิดว่า แบตก้อนละ 800 กว่า แลกกับการใช้งานอย่างคุ้มค่า ประมาณปรหน้า เดวก็ได้เแลี่ยนเครื่องใหม่ เลยใช้ให้คุ้มครัย
ถามว่า กลัวเครื่องพังไหม? ปกติในตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่แทบทุกรุ่น มีวงจรป้องกันตัวเองอยู่แล้วครัย ถ้าการชาร์ทผิดปกติ เช่นปลั๊กหลวมทำใก้ไฟไม่เรียย มาๆขาดๆ เครื่องจะตัดไปสถ่นะจะหยุดชาร์ทเอง หรือแรงดันไฟต่ำมากๆ ก็จะหยุดชาร์ทครับ
ปล. จากประสบการณ์ ผมใช้ที่ชาร์ทของ note (1A) กะ ที่ชาร์ท Tab (2A) ไฟเข้าช้าพอๆกัน ครับ ผมคิดว่ามันน่าจะ limit กระแสไว้
เพราะเคยลองกับ อะแด๊ปเตอร์ที่จ่ายไฟได้ 3.1A ก็ไม่รู้สึกว่าไฟจะชาร์ทได้เร็วกว่าเดิม ครับ
ปล. ปัจจุบันใช้ที่ชารท์ในรถของ อมร 25 .- ชาร์ททุกครั้ง ทุกวันที่ขึ้นรถ จ่ายกนะแสได้ดีครับ
ดีกว่า asaki ตัว 700mA ที่ขยายใน 7-11 เพราะดูจากโปรแกรมอล้ว กระแสเข้าได้ดีกว่า
แนะนำ โปรอกรมนี้ไปลองใช้ดูกันนะครับ เผื่อมีประโยชน์ในการเลือกที่ชาร์ท
https://play.google.com/store/apps/details?id=ccc71.bmw
ผมชอบที่มันวิเคราะห์ออกมาว่า มันชาร์ทเข้า กี่ mA
เท่าที่สาเหตุ จะไม่สามารถชมรมได้เกิน 1A. เพราะเวลาเราเล่น ไฟบ้างเข้าได้น้อย เพราะส่วนหนึ่งมันต้องไปใช้ในการทำงานครับ ยิ่งเราเล่นหนักๆ จะเข้าได้น้อยมาก ถ้าที่ชมรมมชาร์ทกำลังไม่พอจริงๆ ไฟจะเข้าไม่ทัน และค่ากระแสเข้าจะยังติดลบ ทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลา
ขอบคุณมากคับ … แต่โดยส่วนตัวแล้วแบตฯยังไม่เสื่อมก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ก่อนแล้วคับ …
นั่นดิ..ครับ ผมนี่แหละตัวดี..อิอิ
เหมือนกันคับ
แปปเดวก็เปลี่ยน
เปลี่ยนรุ่นไปเรื่อยๆๆสนุกดี
ลองพิจารณาตามความเหมาะสมตามการใช้งานของแต่ละท่านกันนะครับ
สำหรับผม ขอแค่ได้เล่น แบตอย่าหมดพอครับ อิอิ
http://upicy.com/share-80A4_4F643D4E.html http://upicy.com/share-F6A2_4F643D4E.html http://upicy.com/share-306A_4F643D4E.html http://upicy.com/share-6114_4F643D4E.html http://upicy.com/share-C58A_4F643D4E.html
ชาร์ทในรถซื้อที่ อมร ราคา 250.- ครับ
ตามสเป็ตที่แจงไว้คือ output ไฟได้ 3.1A(อาจมีโม้) ตามประสา
DC5V output 2.1A x 1 , 1A x 1
สามารถชาร์ทได้พร้อมๆกัน แต่จากการทดล่องพบว่า สามานย์ชาร์ท Galaxy Note กับ Ipad2. ได้พร้อมๆกันครับ
โดยใีข้อแม้ว่า ขณะชาร์ทห้ามเล่น Ipad เพราะไฟมันจะไม่พอ ด้วยราคา 250.-, ผทว่าคุ้มอล้ว
ส่วนแบตพกพา ของ powerock ขยาด 7800mA. ในขณะชาร์จ สามารถเล่น galaxy note และ ipad ไปไดเพร้อมๆ กันไม่มีปัญฆาอะไรครับ ตัวนี้จ่ายไฟแรงจริงครับ ซื้อที่ Hardware House. ราคาประมาณ 1990.- ครับผม
ผมก็พึ่งซื้อตัว go power 7800mA ราคา 699 บาท ชาจได้เล่นได้พร้อมเลย อึดดีจริงๆ
ชาร์ทไปด้วยเล่นไปด้วย ได้รึป่าวคับ
ชาร์จไป+เล่นไปด้วยไม่สมควรค่ะ (แต่ก็ทำอยู่เหมือนกัน เพราะขาดมันไม่ได้ -*-)
อย่าคิดมากครับ แค่อย่าให้แบทหมดก็พอ กว่าจะเสื่อมก็เกือบสองปี เงิน 900 บาท กับแบทก้อนใหม่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรืออาจจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ไปแล้วก็ไม่รู้นะครับ ใช้ให้คุ้มดีที่สุดครับ อย่าคิดมากเพราะแบทมันเปลี่ยนได้ครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
ส่วนตัว ซื้อมาใช้ อย่าซีเรียส สมัยนี้เปลี่ยนเครื่องเร็วกกว่าเปลี่ยนแบต
อิอิ
ดีจังครับสำหรับข้อมูลดีๆ… ส่วนตัวผม เมื่อใดที่มีมือถือรุ่นไหนที่ให้แบตมากกว่า Note ตอนนี้ 2500 mAh ผมก็คงเปลี่ยนไปใช้รุ่นนั้นเหมือนกัน จะได้ใช้งานนานๆไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ…^^
ขอถามหน่อยครับ ” เพราะถึงจะมีวงจรตัด แต่พอแบตลดลงถึงระดับนึง มันก็จะชาร์จจนเต็มอีก” มันไม่ดียังไง แบตจะเสี่ยมเร็วหรอ แล้วทำไมเวลาได้ดูโทรศัทพ์ที่ตั้งโชว์อยู่เค้าก็เสียบแบตชาตไว้ทั้งวัน?? ช่วยอธิบายด้วยครับ
เขาเสียบไว้โดยไม่สนว่ามันจะพังเพราะมันคือเครื่องโชว์ครับ และต้องให้ลูกค้าได้ลองใช้งาน ลองผ่านไปเดือนแล้วกลับไปดูอาจจะดับไปแล้วก็ได้ มีหลายรุ่นที่ไปดูเรื่อยๆหลังๆคือเล่นไม่ได้แล้วแบตดับไม่ก็ที่ชาร์ตพัง
ส่วนตัวว่าแบตลิเที่ยมตอนนี้ ไม่น่าห่วงเรื่องการชาร์ตให้วุ่นวายแบบ Ni-mh แบบรุ่นเก่าแล้วคือในการทดสอบเชื่อว่าเขาจะทดลองมาจนรับประกันได้ว่าแบตอาจจะไม่เสียในเวลา สมมุติว่า 1 ปี อาจจะเสื่อมเฉลียแล้ว 60-70% ไม่ว่าจะใช้การชาร์ตแบบไหน(พูดถึงใช้ 1 แอมป์ชาร์ตมาตราฐานนะ) ซึ่งมันก็คือมาตราฐานการผลิตที่ทดลองมาแล้ว รอบไซเคิลต่างๆการชาร์ตที่ระดับไฟหมดแบบต่างๆ ถ้าจะมีข้อผิดพลาดก็แบบที่ใช้กันสุดโต่ง ใช้เยอะสุดๆกับวางสแตนบายไว้สุดๆ ผมก็ยังเชื่อว่ามันผิดพลาดกันไม่เกิน 6 เดือนอย่างมาก อารมมันเหมือนอายุคนถึงเวลา 60 ยังไงก็ต้องเหี่ยว แบตเองตั้งแต่เสร็จสิ้นกระบวนการผลิตมาก็เริ่มเสื่อมแล้ว ยกตัวอย่างแบตอัลคาไลน์หรือแบตแบบอื่นๆจะระบุ best before ไว้ เพราะพวกนี้มันก็คือกรด ซึ่งหมายถึงกัดกร่อนได้นั่นเอง
ถ้าย้อนไปในแบตแบบ Ni-mh Ni-cd ในสมัยนั้นเทคโนโลยีมันไม่เท่าลิเที่ยม ทำให้ปัจจัยการชาต อุณหภูมิ สภาพแวดล้อมอื่นๆ มีผลในการเสื่อมของมันมาก
ในแบตลิเที่ยมเองจิงๆที่ได้ตามข่าวสารถ้าชาร์ตกันแบบเกินๆอัดไฟเข้าให้เต็มๆ อย่างพวกรถบังคับ มันก็เหมือนระเบิดนี่เองลุกไหม้ทีก็ต้นเพลิงง่ายๆได้เลยครับ การชาร์ตลิเที่ยมจึงต้องมีการวัดอุณหภูมิ การปรับระดับไฟที่เข้าแต่ละเซลอีกด้วยครับ
ลองไปหาอ่านเรื่องของแบตลิเที่ยมจะได้เข้าใจเพิ่มนะครับ จะได้ใส่ใจมันน้อยลงหน่อยจะได้ไม่ซีเรียส ส่วนตัวทุกวันนี้คือ ชาร์ตจะไม่เล่นเพราะทุกอย่างจะร้อนมากรวมถึงอะแดปเตอร์รอไปทำนู่นนี่กลับมาก็เกือบร้อยแล้ว ถ้าเครื่องอยู่ในสภาวะ sleep จิงจะเข้าไวมาก
แล้วที่ว่าไม่ให้ชาตไว้ทั้งคืนนี้ มันยังไงครับ มีผลยังไงต่อแบต แบตจะเป็นไงหรอครับ ถ้าชาตไว้ทั้งคืน! เพราะวงจรมันจะตัดพลังงานอยู่แล้วนิครับถ้าแบตเต็ม
แบตมีวงจรตัดครับแต่ถ้าลดลงถึงจุดนึงก็จะชาร์ตอีกไงครับ คิดเหมือนถังน้ำรั่วอ่ะครับเราเติมเต็มก็รั่วออกแล้วถ้าเรามีระบบลุกลอยวาล์วคอยเติมให้ ถึงน้ำรั่วลดลงไป ณ. จุดนึงมันก็จะปล่อยน้ำให้เต็มอีก วงจรนี้ก็ทำงานคล้ายๆกัน อยู่ที่ว่าการออกแบบวงจรมาดีแค่ไหนของมือถือแต่ละเครื่อง อย่างรุ่นเก่าๆพวกแบตเสื่อมๆแบตจะลดลงไวตอนที่เราชาตมันก็จะเต็มแล้วก็ชาตอีกหลายรอบจนแบตร้อนเกินทำให้เสื่อมได้ไวเข้าไปอีก
ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นเสมอไปนะครับ
เท่าที่ใช้โน๊ตบุ๊คมายี่ห้อหนึ่ง แบตลดนิดๆ หน่อยๆ มันจะไม่ชาจต์ครับ
ค่าจากโรงงานรู้สึกจะประมาณ 97-98% จะยังไม่ชาจต์
หลังจากชาจต์เสร็จ เครื่องจะตัดการชาจต์เข้าแบต แต่จะใช้ไฟจากวงจรจ่ายไฟโดยตรง
จริงอยู่ที่แบตวางเฉยๆ กระแสก็ลดลงบ้าง แต่แค่ 1 คืนกระแสไม่น่าจะลดจาก 100% จนเหลือตำกว่า 98% นะครับ
เขาก็มีป้องกันมาอีกระดับหนึ่งแล้ว
ปล. อันนี้ทดสอบกับ Notebook Lenovo T400 นะครับ ตอนแบตเหลือ 99% ชาจเท่าไหร่ก็ไม่เต็มเพราะมันไม่ชาจต์ครับ
เป็นความรู้อย่างมาก
ข้อมูลดี .. ดันไป
คาริเบท แบตเตอรี่
ทำยังไงล่ะครับบอกที