Digital Revolution ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโลก…ทำลายล้างวิธีคิดและความเชื่อเดิมๆ
Digital Revolution ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโลก…ทำลายล้างวิธีคิดและความเชื่อเดิมๆ
โดย พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม และรองประธาน กสทช.
ขณะที่ผมกำลังตื่นตาตื่นใจกับความก้าวหน้าในด้านวิศวกรรมสื่อสารโทรคมนาคมที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนขณะนี้เริ่มมีการพูดถึงว่าจะมีการนำเอาเทคโนโลยี 5G มาใช้อย่างสมบูรณ์แบบภายในปี 2563 ซึ่งจะทำให้การ Download ข้อมูลด้วยความเร็วอย่างน้อย 1Gbps ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ในการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ก็มีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งในช่วงเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าวการล่มสลายของเทคโนโลยี และธุรกิจมากมายที่เคยรุ่งเรืองเป็นผู้นำมาแล้วเป็นเวลาหลายทศวรรษ
ตัวอย่างเช่น ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2558 ข่าวการระเบิดทำลายโรงงาน “โกดัก” ผู้ผลิตฟิล์มชั้นนำของโลก ในเมืองโรเชสเตอร์ ในรัฐนิวยอร์ก เพื่อสร้างอาคารใหม่ขึ้น และถือเป็นการปิดตำนานโรงงานของบริษัทชื่อดังแห่งนี้ ซึ่งตั้งตระหง่านมากว่า 90 ปี ไปจนถึงข่าวช่วงต้นปีนี้ บริษัทร้านหนังสือยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาชื่อ Barnes & Noble กำลังปิดตัว และดิ้นรนเปลี่ยนแปลงรูปแบบบริษัทเป็นธุรกิจ e-commerce ซึ่งเป็นร้านหนังสือที่เคยมีอยู่ทั่วสหรัฐฯ ธุรกิจค้าปลีก Walmart ทยอยปิดตัวในอเมริกา ตามมาด้วยข่าวการยกเลิกการใช้เงินสดในประเทศนอร์เวย์ โดยเริ่มต้นด้วยการเลิกใช้ธนบัตรในระบบธนาคารหลายธนาคารในนอร์เวย์ และในหลายภาคธุรกิจก็ประกาศเลิกใช้เงินสดแล้ว
และคาดว่าในอนาคตอันใกล้ในหลายประเทศทั่วโลกจะมีข่าวสถาบันทางการเงินรูปแบบเดิมๆ ระบบธุรกิจเช่า และจำหน่ายภาพยนต์ วงการโทรทัศน์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ธุรกิจค้าปลีก ไปจนถึงระบบการศึกษาแบบเดิมๆ จะถูกเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจนตั้งตัวไม่ทัน และอาจถูกแทนที่ด้วยบริการรูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิง
ทุกวันนี้ เราอยู่ในช่วงเวลาที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สินค้า ทุน และแรงงานสามารถเคลื่อนย้ายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีการที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในอดีต นวัตกรรมของเทคโนโลยีดิจิตอลกำลังเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่ทุกอุตสาหกรรม การหลอมรวมระหว่างสังคมมนุษย์, เทคโนโลยี mobile, Cloud, Big data และการเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรที่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในรูปแบบ anywhere anytime anyone กำลังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกอุตสาหกรรม ในทุกธุรกิจ และในทุกแห่งทั่วโลก
โอกาสอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจดิจิตอลรูปแบบใหม่กำลังเกิดขึ้นทุกวินาที ด้วยการหาโอกาส และวิธีการในการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่เพื่อใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาลให้เป็นประโยชน์ หาโอกาสในการเข้าสู่ตลาดใหม่ หาวิธีการอันแยบยลในการเปลี่ยนรูปแบบสินค้า และบริการให้สามารถเข้าถึงความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง จนทำให้เกิดตัวแบบธุรกิจใหม่ (New business and delivery models) มากมายจนมีผลกระทบต่อธุรกิจที่มีอยู่เดิม รวมไปถึงกฎหมายที่มีใช้บังคับในธุรกิจเดิมอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่มีระยะเวลาอันสั้นภายในระยะหนึ่งทศวรรษ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งถือได้ว่ากำลังจะเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ของโลกอีกครั้งหนึ่งที่รวดเร็วเกินกว่าที่เราจะคาดคิด และจินตนาการได้ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งนี้มีการวิเคราะห์และวิจัยจากสถาบันที่มีชื่อเสียงหลายสถาบัน ด้วยผลที่ตรงกันว่า จะเกิดความท้าทายระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมรูปแบบดิจิตอล ต่ออุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ด้วยรูปแบบการแข่งขันที่แปลกใหม่ การจัดการต่อลูกค้าด้วยวิธีการใหม่ พร้อมกับความกังวลต่อความเป็นส่วนตัว และภัยคุกคามด้านไซเบอร์
การหลอมรวมเทคโนโลยีจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนวิธีการคิด และการทำงานของผู้คน และจะมีการใช้งานเครื่องจักรกลอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์ เข้าแทนที่การใช้มนุษย์ ธุรกิจใหม่และปัจเจกบุคคลที่สามารถคิดค้นโอกาสใหม่จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิตอลจะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว และเข้าแทนที่ธุรกิจแบบดั้งเดิม ส่วนธุรกิจดั้งเดิมที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมใหม่ก็จะล้มหายตายจากไปอย่างรวดเร็ว หรือยืนงงต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง
ธุรกิจรูปแบบเดิมที่ไม่ปรับตัว และไม่มีขีดความสามารถในการใช้เครื่องมือ social media จะประสบต่อช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรักษาฐานลูกค้า การควบคุมภาพลักษณ์ขององค์กร และหากพลาดพลั้งในการให้บริการที่มีคุณภาพ หรือไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อสาธารณะ ก็อาจจะไม่สามารถกู้สถานการณ์ให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่แข่งขันได้อีกต่อไป
ธุรกิจที่เกิดใหม่จากนวัตกรรมการผลิต และการให้บริการใหม่ในรูปแบบดิจิตอลดังกล่าว กำลังจะมีอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และกำลังจะทำให้ value chain ของธุรกิจดั้งเดิมถูกทำลายหายไป ซึ่งธุรกิจที่เกิดใหม่ด้วยรูปแบบดังกล่าวที่มีผลกระทบทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับอุตสาหกรรมของทุกประเทศทั่วโลก เราเรียกพวกเขาเหล่านั้นว่า “high-impact” entrepreneurs
ผู้ประกอบกิจการในธุรกิจรูปแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่เติบโตมาพร้อมกันกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีดิจิตอล พวกเขาได้เกิดมาเพื่อเปลี่ยนระบบนิเวศ (ecosystems) ของทุกอุตสาหกรรมโดยแท้ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลง ecosystems ของทุกอุตสาหกรรมกำลังถูกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวินาทีด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีวิธีคิด และเครื่องมือที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับนักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่เหล่านี้กำลังเข้ามาวัดรอยเท้า และเข้ามาโค่นระบบธุรกิจดั้งเดิมที่ไม่คิดปรับตัวอย่างไม่ปรานี
แนวโน้ม และปรากฏการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปคือ ผลประโยชน์และนโยบายระดับชาติและระดับท้องถิ่นกำลังจะล่มสลาย เพราะการเชื่อมโยงของประชาคมโลกและนานาชาติกำลังจะเข้ามามีอำนาจอย่างสมบูรณ์จากการที่การเข้าถึงข้อมูล ความรู้ ข่าวสารของประชากร พร้อมกับพลังของประชาชนในประเทศต่างๆ มีพลังในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพได้อย่างเสรีผ่าน social media วัฒนธรรมสากลจะเริ่มมีบทบาท อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนในประเทศต่างๆ ก็จะมีการต่อต้านอย่างรุนแรงในประเด็น Globalization ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านการย้ายถิ่นฐาน การรณรงค์เกี่ยวกับชาตินิยมอยู่ระยะหนึ่งจนไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป
ดังนั้น คนในชาติควรจะทำความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในเรื่องนี้ ต้องรู้ว่าสิ่งใดที่ไม่สามารถต้านทานได้ แต่สามารถชนะได้ด้วยความรู้ และปัญญา การปรับตัวเข้ากับดิจิตอลในระดับนโยบายของประเทศ ไม่ใช่เพียงแต่การสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) เท่านั้น แต่ยังต้องคิดสร้างงานที่รองรับประชากรที่ไม่มีขีดความสามารถทั้งความรู้ และประสบการณ์ด้านดิจิตอลอีกด้วย เพราะหากประเทศเป็นดิจิตอลแล้ว มีแต่คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้อยู่รอด แต่คนส่วนใหญ่ยังยืนงง และหมดโอกาส ไม่มีที่ยืนในการจ้างงานพวกเขา เราคงจะเห็นปัญหาใหญ่ระดับชาติจากการวิ่งเข้าสู่ดิจิตอลอย่างขาดความเข้าใจอย่างแน่นอน
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/Vi…=9590000059390