440x270

สวัสดีครับพี่ๆ น้องๆ ชาว Droidsans ทุกคน วันนี้ผมจะมารีวิวกันแบบถึงพริกถึงขิงกันไปเลยกับเทคโนโลยี DLNA หรือ Digital Living Network Alliance นั่นเอง

มาทำความรู้จักกับ DLNA กันสักนิดก่อนนะครับว่ามันคืออะไร เจ้า DLNA หรือ  Digital Living Network Alliance ถ้าแปลตามตัวแล้วมันหมายความว่า พันธมิตรเครื่อข่ายระบบดิจิตอลภายในที่พักอาศัย งงมั๊ยหล่ะ งงหล่ะสิ ผมก็งง

ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ DLNA ก็คือ เทคโนโลยีที่รองรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีเครื่องหมาย DLNA ติดอยู่สามารถเชื่อมต่อถึงกันและทำงานร่วมกันได้โดยสร้างเป็นเครือข่ายย่อมๆ ขึ้นมาภายในบ้านเพื่อใช้แชร์ไฟล์หรือดึงไฟล์มาใช้งานภายในเครือข่ายย่อมๆ นั้นนั่นเอง เช่นการแชร์ไฟล์จากโทรศัพท์ไปแสดงบนทีวี หรือทีวีทำการรีโมทแล้วดึงไฟล์มาจากโทรศัพท์มาแสดงบนตัวเอง เป็นต้น

อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยี DLNA นั้นจะทำงานอยู่ 2 สถานะหลักๆ ที่ใช้เป็นประจำคือเป็น ผู้แชร์ไฟล์ให้คนอื่น(DMS) หรือเป็นผู้เล่นไฟล์จากเครื่องอื่น(DMP) แต่ที่น่าสนใจคืออุปกรณ์นั้นสามารถที่จะอยู่ใน 2 สถานะนี้ได้ในเวลาเดียวกัน คือทั้งแชร์ให้คนอื่นและดึงคนอื่นมาเล่นได้ในเวลาเดียวกันว่างั้นเถอะ 

แต่สุดท้ายแล้วตามทฤษฎีที่เค้าว่าไว้ จริงๆ แล้วเจ้า DLNA เนี่ยมันมีอยู่ 4 โหมดหลักๆ ก็คือ
Digital media servers (DMS) – ทำตัวเองเป็น Server ที่แชร์ให้ชาวบ้านมาดึงไฟล์ไป
Digital media players (DMP) – ทำตัวเองเป็น Player ที่ไปดึงไฟล์ชาวบ้านเค้ามา
Digital media controllers (DMC) – ทำตัวเองเป็นนายคน ดึงไฟล์จากเครื่องนึง แล้วไปแสดงผลอีกเครื่องนึง
Digital media renderers (DMR) – ทำตัวเป็นนักแสดงที่ดี DMS โยนอะไรไปให้หรือ DMC ดึงอะไรจาก DMS มาให้ ก็จะแสดงไปตามนั้น (โหมดที่ตัวเองกลายเป็นผู้แสดงผลภาพ, เสียงหรือวีดีโอจากเครื่องอื่น)

DLNA ไม่ใช่มีเฉพาะใน Smartphone ของ Samsung และใช้ได้เฉพาะ Smasung เท่านั้นนะครับ HTC LG Sony ก็สามารถใช้ความสามารถนี้ได้เช่นกันเพราะอุปกรณ์ต่างๆ ของผู้ผลิตเหล่านั้นก็มีเทคโนโลยี DLNA รวมอยู่ด้วยเช่นกัน แต่อาจจะเรียกด้วยชื่อที่แตกต่างกันออกไป หรือถ้าเป็น Android ก็สามารถใช้งานผ่านโปรแกรม iMediaShare หรือ skifta แทนก็ได้ครับ (ขอบคุณข้อมูลจากคุณ e-a-k และคุณ wanball ครับ)

ตัวอย่างเช่น มือถือจะส่งไฟล์ไปยังทีวี ให้ทีวีแสดงผล แสดงว่ามือถือเป็น DMS และ TV เป็น DMR หรือ ทีวีทำการดึงไฟล์จากมือถือมาเพื่อเล่นบนทีวีเอง แบบนี้มือถือก็จะกลายเป็น DMS และ TV ก็จะกลายเป็น DMP แทน เป็นต้น
จบกันไปแล้วสำหรับทฤษฎี(ต้องบอกว่าพอกันทีมากกว่า) ต่อไปมาถึง Review จริงๆ สักที ถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว DLNA สามารถทำได้ทั้งมือถือกับคอม, มือถือกับทีวี และคอมกับทีวี แต่ครั้งนี้เราจะมาเน้นไปที่ มือถือกับทีวี นะครับ เพราะเราจะเอามาใช้งานคู่กับ Samsung Galaxy SII และคิดว่าคงได้ใช้กับทีวีมากกว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการ Review ในครั้งนี้มีดังนี้ครับ
1. Samsung LED TV 42″ Series 7 (เริ่มตั้งแต่ Sereis 5 แต่ไม่ทุกรุ่นนะครับ ถ้าตั้งแต่ Series 7 ขึ้นไปจะมี DLNA มาด้วยทุกรุ่นครับ)
2. Samsung Galaxy SII GT-i9100
3. Samsung Galaxy SII GT-i9100T
4. Samsung Galaxy S GT-i9000
5. Speaker Creative Gigaworks T40
6. Router TP-Link + RJ45[/P]

ขอขยายความและแจกแจงหน้าที่ของอุปกรณ์เพื่อความเข้าใจตรงกันเวลาอ่าน Review และดู Video นะครับ
– Samsung LED TV 42″ Series 7 ตัวนี้ทำหน้าที่เป็น DMP และ DMR ครับ
– Samsung Galaxy Series ทั้งหมดทำหน้าที่เป็น DMS, DMC และ DMP ครับ

ก่อนอื่นใดต้องให้มือถือของเราทำการเชื่อมต่อ WiFi เข้ากับ Router ที่บ้านก่อนนะครับ รวมถึง TV ก็ต้องเสียบสายแลนที่หลังเครื่องด้วยนะ มาถึงขั้นตอนแรกกันเลย ให้เราเข้าไปที่หน้าเมนูของเราก่อน แล้วหาเจ้า All Share ให้เจอ เพราะในมือถือเรา เจ้า All Share นี่แหละครับคือโปรแกรมในการเชื่อมต่อ DLNA ในบ้านเข้ากับมือถือเรา

เมื่อหาเจอแล้วก็กดเข้าไปเลยครับ ตัวเครื่องจะทำการอ่านไฟล์ในเครื่องเราสักพักหนึ่ง โดยจะขึ้นเป็นรูปวงกลม และเมื่ออ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะขึ้นเป็นรูปลูกศรครับ

จากนั้นก็อยู่ที่เราเลือกแล้วว่าต้องการที่จะทำอะไร เริ่มที่อย่างแรกก่อนเลยคือการแชร์ไฟล์จากเครื่องเราเอง(ทำตัวเป็น DMS) ไปแสดงบนทีวี(ทำตัวเป็น DMR) เราก็กดเลือกโหมดที่ต้องการ ในที่นี่ผมเลือก Video นะครับ

จากนั้นก็จะปรากฎไฟล์วีดีโอในเครื่องของเราขึ้นมา อยากดูไฟล์ไหนก็จิ้มลงไปเลยครับ แล้วมันจะเด้งหน้าจอขึ้นมาถามว่าต้องการไปแสดงบน DMR ตัวไหน ก็เลือกที่ TV ไปเลยครับ แล้วรอสักครู่มันจะทำการ Buffer ไฟล์ของเรา เมื่อเสร็จแล้วเราก็จะได้ดูหนังสมใจหล่ะครับ

ถ้าเราเข้ามาในไฟล์ของเครื่องเราแล้วเราสามารถที่จะเลือก Upload ไฟล์นั้นไปยังเครื่องอื่นได้ด้วยนะครับ โดยกดค้างที่ไฟล์แล้วจะมีเมนูเด้งขึ้นมาให้เลือกระหว่าง Upload กับดูรายละเอียดไฟล์ครับ 😉

หรือถ้าต้องการที่จะดูไฟล์ของเครื่องอื่น(ทำตัวเป็น DMS) โดยการรีโมทเข้าไปเครื่องอื่นแล้วเลือกมาดูบนเครื่องของเรา(ทำตัวเป็น DMP) ก็สามารถทำได้ครับโดยการเลือกเข้าไปที่ Remote Device ในหน้าแรกของ All Share นั่นเอง

หลังจากนั้นก็เลือก Device ที่ต้องการดึงไฟล์มาเลยครับ ซึ่งเราสามารถดูรายละเอียดเครื่องนั้นพร้อม IP ได้โดยการกดค้างแล้วเลือก Detail ครับ B-)

จากนั้นก็เหมือนเดิมครับ เลือกประเทภของไฟล์ แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการจะดูได้เลย แต่พอกดเลือกปุ๊บคราวนี้มันจะถามเลยครับว่าจะเล่นบนเครื่องเราเอง(ทำตัวเป็น DMP) หรือจะไปเล่นบนอุปกรณ์อื่นซึ่งในที่นี้คือ TV (ตัวเครื่องเราจะกลายเป็นย DMC ทันที และ TV ก็จะกลายเป็น DMR ไปโดยปริยาย) อยากดูบนเครื่องหรือทีวีก็เลือกเอาได้เลยครับ

หรือถ้าอยาก Download ไฟล์นั้นมาเก็บไว้ที่เครื่องเราเลยก็ได้นะครับ เผื่อติดใจอยากเอาไว้ดูทีหลังก็กดค้างที่ไฟล์ที่ต้องการแล้วกดเลือก Download ครับผม 🙂

ก็จบไปเรียบร้อยนะครับสำหรับการรีวิวเข้าใช้งานง่ายๆ ต่อไปก็จะมาถึง Review Video

Video Review ครั้งนี้ผมถ่ายทำด้วย iPhone4 ความละเอียดระดับ 720p โดยถ่ายด้วยตัวเองแล้วก็ Review ไปด้วย เพราะฉะนั้นภาพอาจจะสั่นไหวและไม่นิ่งนะครับ ก็ขออภัยด้วย แต่ช่วงจังหวะไหนที่บังคับให้นิ่งได้ก็พยายามให้นิ่งมากที่สุดครับ

ใน Video ผมจะพูดไว้ค่อยข้างจะละเอียดมาก จะเน้นปฏิบัติ ไม่พูดเน้นทฤษฎีนะครับ อะไรม่มีในรีวิวที่เขียนก็หาดูได้ในวีดีโอเลย ซึ่งหลักๆ แล้วจะรีวิว 3 เรื่องหลักๆ คือ ดึงไฟล์ แชร์ไฟล์ และควบคุม แต่ผมจะทำการรีวิวแบ่งย่อยให้เห็นลักษณะเด่นชัดเจนขึ้นเป็น 5 รูปแบบคือ
1. ให้ TV ทำการดึงไฟล์มาจากมือถือขึ้นมาแสดงบนตัวเครื่อง (TV เป็น DMP และมือถือเป็น DMS)
2. ให้ Galaxy S เป็น DMS แค่ตัวเดียว แล้วให้ TV แลพ Samsaung Galaxy S2 ที่เหลืออีก 2 ตัวรวมเป็น 3 ตัว ทำตัวเป็น DMP พร้อมๆ กันทั้ง 3 เครื่อง
3. ทำการแชร์ไฟล์และดึงไฟล์กันเป็นแบบลูกโซ่ ดึงไฟล์ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ คือให้ TV อยู่ในสถานะของ DMP ไปดึงไฟล์จากมือถือ และมือถือที่เหลือทั้ง 3 เครื่องก็ดึงไฟล์ต่อกันไปตามลำดับ ที่ทำแบบนี้เนื่องจากอยากจะให้เห็นการทำงานของตัว Galaxy ที่ทำทำตัวเป็น DMS และ DMP ไปในเวลาเดียวกันพร้อมกันทั้ง 3 เครื่อง

ทั้ง 3 ข้ออยู่ในวีดีโอช่วงแรก Part 1-1 และ Part 1-2 ด้านล่างนี้แล้ว เป็น 720p นะครับ ชัดสะใจ

4. ให้ตัวเครื่งมือถือทำการแชร์ข้อมูลในเครื่องตัวเองไปแสดงผลบนจอทีวี (มือถือทำตัวเป็น DMS และให้ TV ทำตัวเป็น DMR เพื่อแสดงผล)
5. สุดท้าย ให้มือถือเครื่องนึง ทำการดึงไฟล์จากมือถืออีกเครื่องนึงแล้วไปแสดงผลบน TV (มือถือเครื่องแรกทำตัวเป็น DMC มือถือตัวที่สองทำตัวเป็น DMS และ TV ทำตัวเป็น DMR)

2 ข้อสุดท้ายอยู่ในวีดีโอ Part 2 นี้แล้วจ้า 720p เหมือนกันจ้า 

ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับรีวิว DLNA ในครั้งนี้ ตัวอู๋เองก็ขออภัยด้วยสำหรับ
– Video ที่มือไม่นิ่งนักซึ่งอาจจะทำให้บางท่านปวดตาได้ (แต่ผมอยากให้ดูให้จบนะ )
– คำพูดทับศัพท์และการเปรียบเทียบที่อาจจะยากเกินความเข้าใจเกินไป อาจจะทำให้บางท่านต้องอ่านหลายรอบจึงจะเข้าใจ แต่ผมอยากจะอธิบายให้ละเอียดเพื่อทุกท่านจะได้เข้าใจถึงระบบ DLNA แต่ละโหมดและการทำงานอย่างแท้จริง ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนถามผมได้เลยทันทีครับ

สุดท้ายอู๋ขอขอบคุณ
–  เว็บ droidsans ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการรีวิวและสิงสู่ของอู๋ในครั้งนี้ครับ
– ข้อมูล DLNA จาก http://ikaew.com/what-is-dlna/ และ http://nb-today.blogspot.com/2010/05/dlna.html (http://ikaew.com/what-is-dlna/) ครับ
– ขอบคุณพี่ไม, พี่เรย์และพี่โค้กที่เขี่ยวเข็ญ(ให้ทำ)จนอู๋คลอดรีวิวอันนี้ออกมาได้ครับ
– ขอบคุณเจ้จิ๊ด แม่บ้านผู้น่ารักที่คอยดูแลชาวคลับและยังคอยแก้ไขบทความให้ครับ
– และสุดท้าย ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ชาว Droidsans ทุกคนที่คอยให้กำลังใจผมจากรีวิวที่แล้วและหวังว่ารีวิวนี้คงทำให้ชาว Droidsans มีความสุขและได้ประโยชน์กันไปไม่มากก็น้อย

ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ