สำหรับไอแพดมินิ ทั้งตัวwifi และ Cellular 4gLTE ในฐานะที่ผมถือมาแล้วเปลี่ยนไป นับแล้วจนขณะนี้ก็ 8 ตัวพอดี(ไม่รู้บ้าหรือเปล่า) ขอเสนอแนะ ประเด็นที่ควรนำมาพิจารณา ดังนี้

1)เนื่องจากวางขายในไทยในราวเดือนตุลา55เป็นต้นมา ดังนั้น ทุกตัวที่เป็นModel TH จะอยู่ในประกันทุกตัว ดังนั้น หลักเบื้องต้นคือ ยิ่งประกันยาวไปถึงปีหน้ามากเท่าไรก็น่าจะยิ่งดีเท่านั้น (ภายใต้เงื่อนไขว่าสภาพเครื่องโดยรวมยัง “เป็นปกติดี”)

2)ควรมีกล่องและอุปกรณ์ครบ เลขเครื่องนอกกล่องตรงกันกับเลขเครื่องที่เช็คโดยการเปิดเครื่อง ไปที่ General แล้วไปที่ aboutแล้วดูที่ serial number จากนั้นก็เอาเลขนี้ข้ามไปเช็คประกันด้วยเลย(ที่เว็บapple) อุปกรณืในกล่องไม่มีอะไรมาก wifiก็มีแค่charger สายชาร์ท(ที่ใช้เป็นสายซิงค์PCด้วย) เอกสารแบบย่อบางๆ กับสติกเกอร์รูปApple ส่วน Cellular ก็มีเข็มจิ้มซิมมาให้อีกอัน อย่าได้ไปถามหาสายหูฟัง เพราะมันไม่มีมาให้ ข้อนี้เป็นเครื่อง”บ่งชี้”ถึงอุปนิสัยและการใช้งานของเจ้าของเดิม ยิ่งดูสภาพโดยรวมใสปิ๊งปั๊งวาววับเท่าไร ก็ยิ่งแสดงลักษณะการใช้งานและการถนอมรักษาเครื่อง

3)เครื่องนอก/เครื่องไทย ส่วนใหญ่มีต่างกันเฉพาะchargerที่มีขาเสียบ2ขา/3ขา(ขึ้นกับว่าเป็นModelประเทศใด) เรื่องนี้ไม่สำคัญนัก เพราะiPadทุกแบบประกันทั่วโลกเหมือนกันหมด แต่ราคาเครื่องนอก(มือสอง)จะต่ำกว่าเครื่องไทยราว 500 บาท(แค่ความนิยม เพราะเชื่อมั่นว่าเครื่องศูนย์ไทย ยังไงคงดูแลให้ดีกว่าเครื่องจากนอกบ้าน จริงๆแล้วคิดแบบนี้ผิด เพราะยังไงiPadสามารถส่งศูนย์บริการได้ทุกแห่งในโลกเหมือนกันหมด)

4)การเช็คสภาพ ภายนอกดูรอยขีดข่วนบริเวณขอบรอบเครื่องซึ่งเป็นรอยง่ายมาก รอยบุบไมควรซื้อเด็ดขาด(เพราะย่อมแสดงให้เห็นว่าตกกระแทกมา อาจมีผลระยะยาวกับส่วนประกอบภายในของDevice) หน้าจอตรวจดูว่าหากเป็นรอยขีดข่วน เป็นรอยที่ฟิล์มหรือว่าที่กระจกหน้าจอ(ถ้าคนขายยอมให้คุณแงะฟิล์มหน้าจอตรวจดู)

5)***สำคัญสุดๆ อุปกรณ์ที่มาในกล่อง ต้องเช็ค/ตรวจสอบ ว่าเป็นของแท้หรือไม่ กรณีนี้ผมโดนมาแล้ว คือผู้ขายเอาสายชาร์ท(สายซิ๊งค์)ของแท้ออกไป เอาสายจีนราคาเส้นละไม่ถึง100มาสับเปลี่ยน (หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ ไม่มีข้อแตกต่างเลย) พอดี ต้องนำเครื่องไปซิงค์กับPC เพื่อRestore ผ่านiTune ปรากฏว่า ในiTuneบนเครื่องPC มองไม่เห็น iPad Mini (แต่ใช้ชาร์ทไฟได้เป็นปกติ) ผมว่าวิธีตรวจสอบง่ายๆ คือ เอาโน็ตบุคส์ไปด้วย ลองซิ๊งค์เข้าiTuneดูเลย แต่นั่นแหละ สายก๊อปจีนเส้นละร้อยกว่าบาทบางเส้น ก็ซิ๊งค์ได้/ชาร์ทได้เป็นปกติเหมือนของแท้ ข้อนี้จนปัญญา ไม่รู้จะเสนอแนะยังไง (สายชาร์ทแท้ของApple เส้นละ 690บาท !) การซื้อของใช้แล้วย่อมมีความเสี่ยง วัดดวงกันไปในประเด็นนี้(มีบางท่านนำสายแท้กับสายเทียม มาเปรียบเทียบข้อแตกต่าง อาจมีบ้างบางจุดที่เห็นชัดเจน แต่ขณะนี้ของก๊อปได้Copyทุกสิ่งอย่างเหมือนสายแท้ แม้แต่กล่อง เรียบร้อยแล้ว)

6)การใช้ Wifi หรือ Cellular4g LTE รวมถึงสภาพแบต ผมว่าไม่มีอะไรน่าห่วงเลยสำหรับผลิตภัณฑ์Appleทุกชนิด ขนาด iPad 1 แบตยังใช้ได้ดีเต็มวันเหมือนใหม่เฉยเลย คุณอยากทดสอบ ก็แค่ถือมือถือไปใช้เป็นHot spotทดสอบ หรือ ไปนัดเจอคนขายตามห้าง แล้วทดสอบเชื่อมwifiดู รับรองขึ้นเต็มพรึด ไม่มีอะไรน่าห่วง(สำหรับเครื่องปกติๆ)ใน Apple deviceทุกแบบ

7)เรื่องราคา เหมือนรถยนต์มือสอง คือมันมี”ราคากลาง” ร้านจำนำ/รับซื้อ จะให้Mini Wifiในสภาพปกติสุดๆไม่เกิน 7 พัน(เครื่องศูนย์ไทย เครื่องนอกลบไปอีก500) ดังนั้นราคาขายต่อจึงไม่ควรเกิน 8,500 และเครื่องนอกไม่ควรเกิน 8,000 ส่วน 4g LTE น่าจะอยู่ที่ 11,500(กลับรุ่นแรกที่เปิดตัวปี55) ถึง 12,500 เป็นอย่างสูง (ประเภทที่บอกว่าใหม่เอี่ยมเพิ่งได้มาไม่กี่วัน อาจให้ถึงไม่เกิน 13,000) นี่คือวิธีคิดการกำหนดราคาที่ควรรับซื้อในตอนนี้(ข่าวว่า ตุลานี้ New iPad mini จะออกแล้ว ถึงตอนนั้นราคามินิรุ่นแรกคงจะลดลงมาอีก แต่คิดว่าลดลงมาไม่มากนักจากราคากลางดังกล่าว iPadก็คือiPad เหมือนรถโตโยต้า/กระบะisuzu ราคาดีไม่ค่อยตก)

8)หากเป็นเครื่องสภาพทั่วไปเป็นปกติ คุณจะมีความสุขกับการใช้ IOS จากผลิตภัณฑ์Appleที่ “ลื่นเสถียรติดปลายนิ้วอย่างต่อเนื่องยาวนาน” แล้วคุณจะไม่อยากกลับไปใช้ดรอยส์ที่ยังไงไม่ว่าจะแบรนด์ไหน ในบางลีลามันยังมีอาการ”งึกๆงักๆ”ให้รำคาญจนหลายๆครั้งกลายเป็นเบื่อหน่าย ยอมรับว่าตั้งแต่ใช้IOSมากับDeviceหลายต่อหลายเครื่อง ยังไม่เคยเจอกับอาการเครื่องแฮ๊งค์เครื่องนิ่งค้าง หรือเกิดอาการ”รวน”ทุกรูปแบบเลยสักครั้งเดียว (ผมมันศิษย์เก่า Motorola Xoom3g Samsung Tab 7.7 8.9 7plus กับAcer Iconia รุ่นอะไรจำไม่ได้แล้ว จึงพอสรุปเปรียบเทียบลักษณะประสิทธิภาพแบบ”องค์รวม”จากการใช้จริงได้บ้าง)

ขอให้ทุกท่านโชคดี….