รีวิว Softbank 007SH J by Sharp ฝาพับ Android 3D รุ่นแรก และรุ่นเดียวของโลก
http://image.ohozaa.com/view2/x2cw15FYUxPY8wKC
(ภาพจาก softbank.jp)
สวัสดีครับ วันนี้ขออนุญาตมารีวิว Softbank 007SH by Sharp หลังจากที่เล็งไว้นานมากแล้ว ก็ได้มีโอกาสได้ครอบครองเสียที
เท่าที่ผมหาดูใน Internet ทั้งช่วงก่อนซื้อและหลังซื้อ แทบจะไม่เจอรีวิวการใช้งานรุ่นนี้เป็นเรื่องเป็นราวเลย ทั้งๆที่ออกขายมานานพอสมควรแล้ว จึงอยากจะมาแชร์ให้ทุกๆท่านในที่นี้ได้อ่านกันครับ ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่อยากได้ รวมถึงท่านที่แค่อยากรู้ว่ารุ่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง
Sharp 007SH เปิดตัวเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2011 ซึ่งเป็นปีที่โทรศัพท์มือถือในระบบ Android ได้เริ่มเข้ามาครองตลาดมือถือแทนที่Feature Phone หรือโทรศัพท์ธรรมดาๆ ที่ไม่ใช่ Smart Phone แบบจอสัมผัส โดยในบ้านเรา Android Phone ที่เป็นผู้นำตลาดในตอนนั้นก็คือ Galaxy S2 จากซัมซุงนั่นเอง
http://image.ohozaa.com/view2/x2cw3dy4BQOWXj7B
(เจ้าหน้าที่แนะนำ 007SH ในงานเปิดตัว, ภาพจาก mynavi.jp)
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นๆในโลกเท่าไหร่ในเรื่องนี้ หลังจากที่ iPhone 3G เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2008 โดย Softbank ตลาดโทรศัพท์มือถือญี่ปุ่นเองก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลง จากมือถือฝาพับที่เป็นปุ่มกด มาเป็น Smart Phone จอใหญ่ ไม่มีปุ่มกดตัวเลขเหมือนเดิมอีกต่อไป
การเปลี่ยนผ่านนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งหัวเรือใหญ่ที่เป็นผู้ผลักดัน Android ในญี่ปุ่นก็คือ ntt Docomo ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุด ซึ่งไม่ยอมขาย iPhone (สาเหตุมาจากการที่ระบบโทรศัพท์มือถือในญี่ปุนนั้นต่างจากที่ใดๆในโลก ผู้ให้บริการโทรศัพท์ จะทำการ Service ทุกอย่างด้วยตัวเอง Content ทุกอย่างต้องโหลดจาก Operator เท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่หนัง หรือเพลง ซึ่ง โทรศัพท์มือถือที่ออกขายในญี่ปุ่น จะเป็นการสั่งผลิตเฉพาะเพื่อให้เข้ากับบริการที่ Operator มีอยู่ การขาย iPhone เท่ากับเอาลูกค้าออกนอกระบบอย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีก ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ล่าสุดของผู้บริหารในปี 2013 Docomo ก็ยังไม่ขาย iPhone ด้วยเหตุผลในทำนองเดียวกัน)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cw4DsNKgMz7F9H
(Android รุ่นแรกที่ขายในญี่ปุ่นคือ HTC Magic ช่วงกลางปี 2009 ตามมาด้วย Sony Ericsson Xperia X10 ในปี 2010 จากเครือข่าย Docomo ส่วนในรูปคือ Sharp IS01 จากเครื่อข่าย au ซึ่งเป็น Android รุ่นแรกที่วางขายเฉพาะในญี่ปุ่น, ภาพจาก Wikipedia Japan)
Softbank เอง ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ นำ Android Phone มาขายแข่งกับ Docomo เช่นกัน ซึ่งที่ต่างออกไปคือ Docomo เลือกที่จะไม่เดินหน้าโครงการ Android ด้วยมือถือฝาพับ (มีที่เป็นแบบสไลด์ปุ่มตัวเลขออกมาได้) แต่ Softbank เลือกที่จะทำ โดย 007SH ได้คลอดออกมาเป็นมือถือ Android ฝาพับรุ่นแรกของญี่ปุ่น ) โดยเลือกใช้ Spec กลางๆ เป็น Single Core 1GHz (ก็ถือว่าค่อนไปทาง Spec กลางๆค่อนไปทางบนๆแล้ว สำหรับตอนนั้น) สิ่งที่ให้มาทดแทน CPU ซึ่งไม่ใข่รุ่น สูงสุดในตอนนั้น ก็คือกล้องที่ให้มา 16 ล้านพิกเซล ซึ่งถ้าดูกันในปี 2013 นี้ ก็มี Android อยู่ไม่กี่รุ่นเท่านั้น ที่มีกล้องขนาดนี้ (ส่วนใหญ่จะเป็น Android ญี่ปุ่น) กับจอ 3มิติ ซึ่งเป็นลูกเล่นที่ค่อนข้างฮิตในช่วงปี 2011
http://image.ohozaa.com/view2/x2cw6LkTrFKRxnCz
(SH-02D Android แบบ Slide จาก ntt Docomo ผลิตโดย Sharp, ภาพจาก ipshop.ru)
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
Android ฝาพับรุ่นแรกของโลก ผลิตโดย Sharp เช่นกัน ในรุ่น SH7128U และ SH7228U ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายในประเทศจีนเท่านั้น เป็นร่างอวตารของ SH-01B ที่ขายในญี่ปุ่น (แต่ตัวนี้ไม่ใช่แอนดรอยด์) อย่างไรก็ดี ในเว็บของ Sharp ประเทศจีน ทั้งสองรุ่นนี้ ไม่มีส่วนไหนเขียนเลยว่าใช้ Android OS แต่จะเขียนว่าใช้ระบบ Dian Xin ซึ่งจริงๆแล้วก็คือ Android ที่เอามาดัดแปลง (แนวเดียวกับ rom MIUI ที่ผู้ใช้ Android หลายๆท่าน น่าจะรู้จักกันดี)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cw9fbFqVGijU7y
(SH-7128U, ภาพจาก Ebay.com)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwaF6oz7EFXvey
(SH-7228U, ภาพจาก Ebay.com)
ทำไมต้องเป็นฝาพับ
ถึงแม้ Android จะเข้ามามีบทบาทในญี่ปุ่นมากแล้ว แต่คนจำนวนมากก็ยังใช้มือถือฝาพับอยู่ ทางผู้ให้บริการ ถึงแม้จะออก Android มาหลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้เลิกออกมือถือฝาพับเสียทีเดียว การออก Android ฝาพับ จึงอาจะเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่ยังต้องการรูปทรงแบบดั้งเดิม โดยที่ได้ Feature ใหม่ๆ ที่ Smart Phone พึงมี เข้ามาใช้ (ณ ปัจจุบัน ราคามือถือฝาพับใน Yahoo Auction ถือว่าแพง ถ้าเทียบกับ Smart Phone ที่ Spec สูงกว่าอยู่พอสมควร ก็พอจะอนุมานได้ว่า เพราะยังมีความต้องการใช้งานอยู่พอสมควร ถึงสามารถขายกันได้ที่ราคาสูงกว่า Smart Phone )
เล็กน้อยก่อนรีวิว
สำหรับ 007SH ที่ผมซื้อมานั้น ซื้อมาใช้เป็นเครื่องรอง ใส่ซิมของบริษัท โดยทีแรก เล็ง Galaxy Pocket Neo ไว้ เพราะต้องการแค่โทรศัพท์ราคาไม่แพงมากที่สามารถ Sync Contacts กับ Google Account ได้ แต่เนื่องจากอยากได้โทรศัพท์ฝาพับญี่ปุ่นอยู่เป็นทุนเดิม จึงได้ตัดสินใจซื้อมา ซึ่งเป็นรุ่น J หรือรุ่นพิเศษสำหรับผู้หญิง สีชมพู Bitter Pink สาเหตุที่เลือกสีนี้มาเพราะราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับสีอื่น ซึ่งราคาตัวที่ปลดล็อคแล้ว อยู่ที่ 12,xxx (ถึงจะถูกที่สุด แต่ก็เรียกได้ว่าแพงเอาเรื่องเลย สำหรับยุคที่ Android 4คอร์ ราคาเริ่มต้นก็ประมาณนี้) สีฟ้าอ่อน ราคากระโดดไปที่ 16,xxx สำหรับตัวผมนั้น ราคาที่จะต้องจ่ายไปกับมือถือที่ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องหลัก ราคา 12,xxx ก็เต็มกลืนจนเกินมาเยอะแล้ว (จากเดิมที่ตั้งงบไว้ 3xxx) แต่ก็ซื้อมาจนได้
แกะกล่อง
โทรศัพท์มือถือของ Softbank นั้น ตัวกล่องเกือบจะเหมือนกันทุกรุ่น คือเป็นขาว Screen คำว่า Softbank และระบุว่าเป็นรุ่นอะไรเท่านั้น ไม่มีรูปใดๆ ซึ่งในส่วนนี้จะคล้ายกับเครื่องจาก Docomo ซึ่งจะเป็นกล่องสีแดงขาวเกือบทุกรุ่น แต่หลังๆมานี้ แต่ละยี่ห้อ ก็เริ่มที่จะทำกล่องที่ต่างออกไปจากรูปแบบเดิมๆมากขึ้น
อุปกรณ์ในกล่อง มีสายแปลงที่ชาร์จ สาย MicroUSB และ Dock ไม่มีที่ชาร์จ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของญี่ปุ่นมานานมากแล้ว ว่าโทรศัพท์จะไม่แถมสายชาร์จ เพราะมี Port ที่เหมือนกันทุกรุ่น(แต่ก็มีบางรุ่นที่แถมเหมือนกัน) ในยุคก่อน SmartPhone นั้น โทรศัพท์ทั้งจาก Softbank และ Docomo จะใช้port แบบเดียวกันหมด เป็นแบบเดียวกับ Panasonic VS2,3,7 ที่เคยขายในบ้านเราเมื่อนานมาแล้ว เมื่อถึงยุค SmartPhone ที่เปลี่ยน port เป็น MicroUSB จึงมีหัวแปลงสายชาร์จแถมมาให้ด้วย ที่แปลกคือ Dock ที่แถมมาให้ แทนที่จะเป็นช่อง MicroUSB กลับเป็นช่องสำหรับ Port แบบเก่า ใครที่ซื้อรุ่นนี้มา แต่ไม่ซื้อที่ชาร์จแบบญี่ปุ่นมาด้วย ก็อดใช้ Dock กันไปครับ
http://image.ohozaa.com/view2/x2cweyRTGEMrNP8m
รูปลักษณ์ภายนอก
คนที่เห็นโทรศัพท์มือถือญี่ปุ่น ในยุคก่อนที่ Smart Phone จะฮิตนั้น จะมีทั้งประเภทเห็นแล้วชอบ เนื่องมาจาก Design ที่แปลกจากมือถือทั่วๆไป และจอที่ใหญ่มาก (2.8 – 3.5 นิ้ว เมื่อเทียบกับมือถือทั่วๆไปที่จอใหญ่สุดประมาณ 2.4 นิ้ว หรืออาจมากกว่าเล็กน้อย) หรือประเภทที่เห็นแล้วไม่ชอบ เพราะตัวเครื่องใหญ่เกินมาตรฐานยุคนั้นไปมาก (ถ้าเทียบกับโทรศัพท์จอ 6 นิ้วในปี 2013 นี้ คงจะบอกว่ามือถือญี่ปุ่นในยุคนั้นเล็กไปมากทีเดียว)
สำหรับวัสดุเครื่องนั้นเป็นพลาสติกล้วน แต่เป็นพลาสติกอย่างดี ให้ความรู้สึกดีมากเวลาจับ งานประกอบปราณีต ไม่ต่างจากมือถือฝาพับญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ จากยุคที่ผ่านมา หน้าจอสามารถหมุนและพับลงมาเพื่อซ่อน Keypad ได้สำหรับการใช้งาน Smart Phone ในแบบที่คุ้นเคยกัน ข้อดีอีกอย่างของรุ่นนี้คือกันน้ำในระดับ IPX7 ด้วย (ลึก1เมตร ไม่เกิน30นาที)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwfCNWxpJZ9dCa
(หน้า)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwhoHlXnATVwtg
(หลัง)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwjaALn9GlSlEB
(เปิดฝา)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwlisR4vtmvsGf
(พับลงมาสำหรับการถ่ายรูปในแนวนอน และการใช้ On screen keyboard)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwmInAcZJxIxSC
(เสาทีวีก็มี แต่ดูไม่ได้ เพราะใช้เทคโนโลยี One-Seg ใช้ได้แค่ในญี่ปุ่น)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwoQfFUzdvJIMB
(เมื่อเทียบกับมือถือฝาพับแบบญี่ปุ่นด้วยกันแล้วก็ถือว่าไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่นัก, ตัวที่นำมาเทียบ คือ L-02B ซึ่งเป็นของ LG แต่ผลิตขายในญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่มีขายในเกาหลี)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwpUbIL3VyriYN
(เทียบขนาดด้านหลังกัน)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwrk6rTyAmMliJ
(ความหนาเทียบกับ Xperia Z)
หน้าจอ และรูปแบบเมนู
007SH มีหน้าจอความละเอียดที่ 854*480 Pixels ซึ่งดูเหมือนจะไม่เยอะ แต่เมื่อเทียบกับขนาดจอที่เล็กเพียง 3.4 นิ้ว ทำให้มีความหนาแน่น Pixels อยู่ที่ 288 PPI ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างละเอียดแล้ว อย่างไรก็ดี ถ้าเทียบกับจอมือถือญี่ปุ่นด้วยกัน จอจะดูหมองไปทีเดียว (แสดงได้แค่ 6 หมื่นกว่าสี) ถ้าปรับเป็นเมนูแบบสามมิติ ก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าภาพหยาบขึ้น แต่ก็ได้ความน่าตื่นเต้นเล็กน้อยเป็นของแลกเปลี่ยนกลับมา
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwtNXdSDV4AfhN
(หน้าจอเทียบกับ L-02B)
เนื่องจาก 007SH J เป็นรุ่นพิเศษสำหรับผู้หญิง เมนูจึงทำให้ออกแนวคิกขุน่ารักเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย โดย icon เมนูที่ปกติเป็นสี่เหลี่ยมเรียงๆกัน ก็เปลี่ยนมาเป็นรูปสมอเรือ พื้นหลังเมนูเรียบๆก็ใส่ลวดลายลงไปรวมถึง App ที่ที่กับเครื่องก็เพิ่มขึ้นมา เช่น App แสดงร้านรับตกแต่งเล็บ(ในญี่ปุ่น) และโปรแกรมแต่งรูปสำหรับสาวๆ
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwvdRX0OGrzVhx
(หน้า Standby)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwxlK2Ips1ei28
(เมนู พื้นหลัง และ App ต่างๆที่แถมมาสารพัด บางอันลบได้ บางอันไม่ได้)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwBfvxPTPTREwQ
(App หาร้านทำเล็บ)
การใช้งาน
Android ที่อยู่บน 007SH นั้นเป็น Android 2.3 ซึ่งแน่นอนแล้วว่าจะไม่ได้ไปต่อใน Version อื่นๆ เนื่องจากออกมานานมาแล้ว
ก่อนซื้อเครื่องนี้ ผมคิดว่ารุ่นนี้ก็น่าจะเหมือน Android 2.3 รุ่นอื่นๆทั่วไปที่มีการปรับแต่งเล็กน้อยตามแต่ละยี่ห้อครับ แต่พอลองมาใช้แล้วก็ทำให้รู้ว่ามันไม่เหมือนซะทีเดียว
ที่รุ่นนี้ไม่เหมือน Android รุ่นอื่นๆ เพราะมันถูกปรับแต่งมาให้เหมือนมือถือฝาพับญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆครับ หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ ว่ามือถือญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ Smart Phone นั้น มีเมนูที่จัดเรียงได้งง และไม่เป็นไปตามตรรกะของมือถือรุ่นอื่นๆที่ขายในนอกญี่ปุ่น อย่างเช่น SMS ไปอยู่ใน Mail, สมุดโทรศัพท์ที่เรียงรายชื่อแบบแปลกๆ, และการที่ปุ่มโทร ไม่สามารถกดแล้วดูสายที่รับ สายที่โทรออก หรือสายที่ไม่ได้รับ ต้องไปเข้าเมนูย่อยเพิ่มเติม สิ่งเหล่านี้ 007SH ได้มาครบถ้วนทุกประการ สิ่งที่น่ารำคาญใจก็คือ ถ้าเป็น Android รุ่นอื่นๆ คุณสามารถไปหา Dialer และ Phonebook จาก Playstore ได้ แต่สำหรับรุ่นนี้ทำไม่ได้ เพราะจะทำให้ความสามารถในการกดปุ่มผิดเพี้ยนไป เช่นกดเบอร์จากปุ่มแล้วไปเข้า Dialer ตัวเดิม, กดเบอร์ด้วยปุ่มไม่ได้, พิมพ์หารายชื่อในสมุดโทรศัพท์ด้วยตัวหนังสือไม่ได้ การลง App พวก Launcher ก็จะให้ผลแบบเดียวกัน คือทำให้คำสั่งบน Keypad ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwypG5zcBzgYI9
(Phonebook แบบมือถือญี่ปุ่น)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwz7Ds87U950LS
(การเรียงรายชื่อที่แสนจะงง)
ในเรื่องของความเสถียรนั้น ต้องบอกว่ารุ่นนี้ได้รับมรดกจาก Android 1GHz ในปี 2010-2011 มาเต็มๆ นั่นคือยังไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่ มีการ Force Close หรือค้างเล็กน้อยอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมีการปรับแต่งส่วนต่างๆของเครื่อง หรือเมนู แต่เท่าที่ใช้มา 1 อาทิตย์ ยังไม่มีอาการหนักถึงขั้นต้อง Reset ในเรื่องของ Graphic สามารถเล่น Temple Run 2 ได้ลื่นดี เกมอื่นๆยังไม่ได้ลองครับ
ในส่วนของการเล่น Multimedia นั้น โดยทั่วๆไปก็เหมือนกัน Android รุ่นอื่นๆ แต่ก็มีข้อดีที่แตกต่างจาก Android CPU 1GHz ด้วยกัน นั่นคือสามารถเล่นไฟล์ Video MP4 720P ได้สบายๆ ทั้งสองมิติ และสามมิติ (แต่ผมก็ไม่ค่อยเห็นประโยชน์เท่าไหร่ เพราะจอมันแค่ 480P เท่านั้นเอง) ในส่วนของ Video 3D นั้นก็น่าตื่นเต้นดี แต่ด้วยหน้าจอแค่ 3.4 นิ้ว ทำให้ดูแล้วไม่ค่อยเต็มตาซักเท่าไหร่ครับ (ถึงจะเหมือนว่าเล็กกว่า iPhone 1-4 แค่เล็กน้อย (3.5 นิ้ว) แต่จอ 007SH จะดูแคบกว่าพอสมควร เพราะเสียพื้นที่ไปในแนวยาวซะเยอะ)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwD1oXfN1QZyzU
(ขนาดจอเทียบกับ Xperia Z)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cwAbzuZ9gqrW2D
(โหลดเกม Rockman ที่แจกฟรีสำหรับ 005SH มาลง ด้วยความที่เป็น Graphic 8bits แต่ดันเป็น 3D ก็ทำให้รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกัน, ไม่มีตัวอย่างจอแบบ 3D ให้ดูนะครับ เพราะพอ Capture รูปมาลงก็ไม่เห็นความแต่งต่างจาก 2D แต่อย่างใด)
การใช้งานกับภาษาไทย
ตรงส่วนนี้หลายๆท่านอาจจะเห็นว่าไม่น่าจะเป็นประเด็นเลยสำหรับ Android เพราะเมนูก็สามารถใช้ App พวก Locale ในการเปลี่ยนเป็นภาษาไทยได้ และสามารถโหลด Keyboard ไทยจาก Playstore ได้ แต่สำหรับเครื่องรุ่นนี้ ต้องขอยกไว้เป็นข้อยกเว้น เนื่องจากการใช้ Keyboard ที่ไม่ได้ติดมากับเครื่อง จะทำให้การกดปุ่มด้วยแป้นกด เพี้ยนไป เช่นกดปุ่มตรงกลางแล้วไม่ยอมเข้าเมนู โดยวิธีรับมือกับปัญหาตรงนี้ คือต้องเลือกระหว่างจะให้ Keayboard ไทยเป็นค่าเริ่มต้น แล้วยอมเสีย Function บนปุ่มกดบางส่วน หรือจะสลับไปมาเฉพาะเวลาที่ต้องพิมพ์ (ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม จะไม่สามารถพิมพ์ในแนวตั้งได้ ถ้าไม่ได้พับจอเพื่อซ่อนปุ่มกด) สำหรับการอ่านไทย ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
ตัวอย่างรูปถ่าย
ในส่วนนี้จะไม่ขอบรรยายอะไรมากนะครับ แต่จะมีรูปเทียบให้ระหว่าง 007SH, Xperia Z, และ iPad Mini ให้ลองเทียบกันดู ย่ออย่างเดียว ไม่แต่งอะไรเพิ่ม
http://image.ohozaa.com/view2/x2cAk1FwqR6g7h3m
http://image.ohozaa.com/view2/x2cAxQQ7uxdKQ4Wa
(007SH)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cAnVr1ymkg8cCN
http://image.ohozaa.com/view2/x2cAvmZlvyy6eqtN
(Xperia Z)
http://image.ohozaa.com/view2/x2cAr7fa6qcFXNfu
http://image.ohozaa.com/view2/x2cAtf7fO8Pny9oN
(iPad Mini)
สั่งลาก่อนจบ และสรุป
หลายๆท่านอ่านมาถึงบรรทัดนี้ อาจจะรู้สึกเหมือนมาบ่นให้อ่านกันมากกว่า เพราะยังหาข้อดีได้น้อยมาก ซึ่งถ้ามองในแง่ที่ว่า รุ่นนี้เป็น Android 1 Core ที่ราคาเทียบเท่า Android 4 Cores นอกจากลูกเล่น 3D กับกล้อง 16 ล้าน ก็ยังหาข้อดีอื่นๆไม่ได้จริงๆ แต่สำหรับท่านที่ชอบโทรศัพท์ฝาพับญี่ปุ่น รุ่นนี้ก็น่าจะเป็นรุ่นเดียวที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ได้ เล่น App ต่างๆได้บ้าง ตามสมัยนิยม แต่ยังคงดีไซน์แบบญี่ปุ่นไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งจุดนี้ ต้องบอกว่า ผู้ที่เหมาะกับมือถือรุ่นนี้ คงจะต้องนำความชอบ มาอยู่เหนือประสิทธิภาพนี้การใช้งานแล้ว
ขอจบรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ ยินดีน้อมรับคำติชม และคำถาม ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันครับ