รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่มี พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. เป็นประธาน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำที่ 3172/2556 โดยมีนางเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) เป็นจำเลยโดยคำบรรยายฟ้องระบุว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2556 นางเดือนเด่น ได้ใส่ความอันเป็นเท็จ กล่าวโจมตีการทำหน้าที่ของ กสทช. และกรรมการ กทค. รวมถึงสำนักงาน กสทช. ต่อสื่อต่างๆ กรณีที่ กทค. ได้ออกร่างประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. …. หรือ ร่างประกาศห้ามซิมดับ เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่คงค้างอยู่ในระบบในกรณีสัญญาสัมปทานที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน 2556 โดยนางเดือนเด่น ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์คัดค้านและไม่เห็นด้วยต่อร่างประกาศดังกล่าวนอกจากนี้ หลังจากที่ กทค. มีมติเห็นชอบประกาศห้ามซิมดับและเห็นชอบให้สำนักงาน กสทช. จัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศห้ามซิมดับดังกล่าว กทค. ก็ได้มีการชี้แจงต่อสื่อต่างๆ ต่อข้อตำหนิของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ กทค.ดังกล่าวและกล่าวหา กสทช. ว่าไม่ได้ดำเนินการอะไรในการเตรียมการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz โดยเมื่อสำนักงาน กสทช. ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศห้ามซิมดับในวันที่ 25 กรกฎาคม 2556 หลังจากนั้น นางเดือนเด่นก็ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างๆ โดยบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า กสทช. และ กทค. ทำให้ประเทศและประชาชนเสียหายเบื้องต้น 1.6 แสนล้านบาท ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง กทค. ยังไม่เคยมีมติกำหนดวันประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHZ แต่อย่างใด โดย กทค. เพิ่งมีมติในการประชุมครั้งที่ 26/2556 เมื่อวันที่ 31กรกฎาคม 2556 อนุมัติกรอบระยะเวลาของกระบวนการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ในช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนกันยายน 2557 เป็นครั้งแรกที่มีความแน่นอนและเป็นทางการ จึงไม่ใช่เป็นกรณีที่มีเลื่อนการประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวออกไปแต่อย่างใด ทั้งนี้โจทก์ได้ฟ้องขอให้ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 (ความผิดฐานหมิ่นประมาท) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 328 (ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา) ซึ่งเป็นโทษที่หนักขึ้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378118182&grpid=03&catid=03