สวัสดีครับ ต้องขอบอกก่อนว่าบทความนี้ผมไม่ได้เขียนขึ้นมาเองครับเขียนโดยคุณ Nat lsud (https://www.facebook.com/nat.isud) ต้องขอชื่นชมครับที่มีน้ำใจเขียนเรื่องราวที่มีประโยชน์มาแบ่งปันให้กับสมาชิกในนเพจครับ ขอตบมือดังๆ Like ซัก 200 Like ให้กับคุณ Nat lsud (https://www.facebook.com/nat.isud (https://www.facebook.com/nat.isud)) จริงครับ เอาละมาเริ่มกันเลยครับ
บทความนี่มาจาก
http://www.facebook.com/droidth
สวัสดีครับ วันนี้จะมาแนะนำคำศัพท์ต่างๆเกี่ยวกับการถ่ายภาพ, แนะนำแอพกล้องที่มากับเครื่องนิดหน่อยครับ แต่ขอบอกก่อนเลยว่าผมไม่ได้มีความรู้อะไรมากนะครับ ไม่เคยซื้อหนังสือมาอ่านไม่ได้มีกล้องอยู่ในครอบครอง แค่เคยสนใจจะซื้อกล้อง(แต่ไม่ได้ซื้อ) เลยศึกษาหาอ่านมาตามเว็บนิดหน่อยครับและค่าต่างๆในกล้อง ส่วนมากมันจะสัมพันธ์กัน เช่นค่า EV สัมพันธ์กับ Shutter Speed และค่า f เป็นต้นแต่ผมจะไปลงลึกถึงตรงนั้น เพราะแอพกล้องต่างๆทั้งที่มากับเครื่อง และตาม PlayStore มันปรับไม่ได้ขนาดนั้นครับ (จริงๆตัวกล้องมันทำได้ แต่ซอร์ฟแวร์มันไม่อำนวย พูดง่ายๆคือยังดึงประสิทธิภาพของกล้องออกมาไม่หมดนั่นเอง)
เริ่มจากแอพที่มากับเครื่องก่อนเลยหากกดเข้ามาที่รูปเฟืองด้านล่าง(Settings) จะขึ้นเมนูดังรูป โดยผมจะอธิบายเฉพาะข้อที่สำคัญ หรือน่าสนใจนะครับ บางข้อง่ายๆก็ขอข้ามไป
# Cheeese Shutter
เป็นการสั่งถ่ายภาพด้วยคำสั่งเสียง เหมาะไว้สำหรับถ่าย Selfie หรือตั้งกล้องถ่ายรูปตัวเองครับ โดยคำสั่งสำหรับ Cheese Shutter มีทั้งหมด 5 คำสั่ง ดังนี้
Cheese, Whiskey, LG, Smile, Kimchi
# Brightness
โดยทั่วไปตัวนี้จะถูกเรียกว่า EV ย่อมากจาก Exposure Value อธิบาย ค่าการวัดแสงนั่นเองครับซึ่งแอพที่มากับเครื่อง จะเป็นการวัดแสงแบบ “เฉลี่ยกันทั้งภาพ” คือถ้าสว่าง ก็สว่างหมดเลย, ถ้ามืดก็มืดหมดเลย
# Focus
โดยหลักๆทั่วไปจะมี 2 อย่างคือ Manual Focus และ Auto Focus ครับ แต่ในกล้องสมัยใหม่ส่วนมาก จะมีเพิ่มมาอีกอย่างคือ Face Focus คือมันจะติดตามใบหน้านั่นเอง
-ข้อดีของ Auto Focus คือสะดวกครับ และใช้ง่าย และมี Option เสริมคือสามารถ Touch Focus ได้ด้วย
ส่วนข้อเสียคือ หากอยู่ในที่แสงน้อย, หากถ่ายรูปที่มีพื้นผิวเป็นสีโล่งๆ เช่นถ่ายกำแพง หรือโต๊
หรือหากถ่ายวัตถุที่อยู่ใกล้มากๆ(การถ่ายแบบ Macro) มันจะโฟกัสไม่ค่อยติดครับ
-ส่วนข้อดีของ Manual Focus คือมันจะแม่นกว่าครับ โฟกัสไม่วืด จะใกล้ จะไกลแค่ไหน เราเป็นคนกำหนดด้วยตัวเอง
ข้อเสียคือช้า และไม่สะดวกครับ จะถ่ายอะไรก็ต้องคอยมานั่งปรับ และต้องใช้ความละเอียดในการปรับนิดนึง ถ้าปรับไม่ตรงก็เบลอเลย
# ISO
การวัดค่าความไวแสง โดย ISO ที่ต่ำๆจะใช้ในสวาวะแสงปรกติ และยิ่งมืดยิ่งต้องเร่ง ISO ให้สูง เพื่อจะได้ภาพที่ไม่มืดตามสภาพแสงรอบๆแต่ช้าก่อน.. การดัน ISO ขึ้นสูง ถึงเราจะได้ภาพที่สว่าง แต่เราต้องแลกมาด้วย Noiseดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรดัน ISO ขึ้นสูงครับโดย ISO นั้นจะสัมพันธ์กับ Shutter Speed แต่ผมขอไม่ลงลึกนะครับ
# W/B หรือ White Balance
ค่าสมดุลแสงขาว ตัวนี้ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันมากก็ได้ครับ เพราะ W/B ของ G2 นั้น ถือว่าแม่นมากๆอยู่แล้ว
แต่หากเจอภาพแสงที่ปนๆกันมั่ว ไฟม่วง ไฟเขียว ไฟเหลืองสาดมาพร้อมๆกันจนกล้องจับ W/B ไม่ได้ เช่นตามในผับ หรืองาน Event อะไรต่างๆ เราก็ค่อยมาปรับก็ได้ครับ
แต่ยืนยันคำเดิมว่า W/B ของ G2 มันแม่นมากๆอยู่แล้วครับ
ต่อมาเป็น Mode การถ่ายภาพครับ
# Magic Focus
คล้ายๆกับ UFocus ของ Htc One M8 หรือ Refocus ของทาง Nokia Lumia ครับง่ายๆคือถ่ายก่อน แล้วมาเลือกจุด Focus ทีหลังนั่นเอง ซึ่ง Mode นี้ผมลองแล้วยังสู้ Lens Blur ของทาง Google Camera ไม่ได้ครับ
# Dydamic Tone หรือ HDR
เอาไว้สำหรับถ่ายย้อนแสงครับ
# Burst Shot
ตามชื่อเลยครับ ถ่ายโดยการกด Shutter ค้างไว้ มันจะรัวให้ 20 ภาพเลยครับเหมาะสำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง จะได้ไม่พลาดช็อตสำคัญที่เราต้องการจะเก็บ
# Shot & Clear
หลังจากถ่ายเสร็จแล้ว เราสามารถลบวัตถุเคลื่อนไหว ที่ไม่พึงประสงค์ออกไปจากภาพทีหลังได้ครับเช่น กำลังจะถ่ายรูปตึกอยู่ดีๆ ก็มีสามล้อมาวิ่งตัดหน้า
หากใช้ Mode นี้เราสามารถลบสามล้อออกไปทีหลังได้ครับ (ส่วนตัวผมว่าใช้ยากไปหน่อย จะถ่ายก็ต้องถือกล้องค้างนานๆให้มัน Process สู้ถ่ายธรรมดาหลายๆรูปน่าจะเวิร์คกว่า)
# Night Mode
โหมดสำหรับถ่ายกลางคืน หรือในที่ที่มีแสงน้อย
บางคนถ่ายรูปออกมาในที่แสงน้อย แล้วบ่นว่า เฮ้ย ทำไมภาพไม่คม ทำไม่ Noise มันเยอะจัง?
ลองเปิด Mode นี้ดูครับ ช่วยได้ระดับนึงเลย
____________________________
ส่วนคำศัพท์พื้นฐานต่างๆมีดังนี้
– f-(Number) = ค่ารูรับแสง เช่น f 2.0, f1.8 ย่อมาจาก Full Stop โดยค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดีครับ เพราะจะสามารถรับแสงได้เยอะ (ยิ่ง f น้อย รูรับแสงยิ่งกว้าง) รูรับแสงกว้างแล้วดียังไง? เอาง่ายๆ ก็คือถ่ายภาพหน้าชัด-หลังเบลอ ออกมาสวยครับ ยิ่ง f น้อย หลังยิ่งเบลอได้เยอะครับ จริงๆมันปรับใช้แล้วแต่สถานการณ์และภาพที่เราต้องการว่าต้องการให้ภาพออกมาเป็นแบบไหน แต่ขอละไว้เท่านี้ เพราะแอพที่มากับเครื่องมันปรับเพิ่ม-ลด ค่า f ไม่ได้ครับ
– OIS = ระบบกันสั่น ย่อมาจาก Optical Image Stabilization ลองเขย่าๆเครื่อง LG G2 ดูครับ เราจะได้ยินเสียง กร่อกๆแกร่กๆ นั่นล่ะครับ เลนส์กล้องมันสั่นตามการเคลื่อนไหวของเราครับ โดยมันจะมีมอเตอร์เล็กๆคอยควบคุมอยู่ด้านใน
– Shutter Speed = ความเร็วในการลั่น Shutter ยิ่ง Shutter ปิดเร็วเท่าไหร่ ยิ่งหยุดการเคลื่อนไหวได้มากเท่านั้น เช่น Shutter Speed 1/8 sec เหมาะสำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหว ถ่ายภาพนักกีฬา ที่ต้องการให้ดูเหมือนหยุดอยู่กับที่ ในทางกลับกันหาก Shutter Speed สูง รูรับแสงจะเปิดไว้นาน เหมาะสำหรับถ่ายภาพที่จะสื่อถึงการเคลื่อนไหว เช่นถ่ายน้ำตก หรือถ่ายไฟท้ายรถตามถนน(จะเห็นเป็นไฟวิ่งเป็นเส้น) โดยยิ่งยิ่ง Shutter Speed สูงเท่าไหร่ ยิ่งถ่ายยากครับ มือต้องนิ่งครับแต่บอกเลยว่าเกิน 1/5 sec นี่ยากมากครับ ต่อให้มี OIS(ระบบกันสั่น)ช่วย ภาพก็เบลออยู่ดีครับดังนั้นหากจะดัน Shutter Speed ขึ้นสูงๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ‘ขาตั้งกล้อง” ครับ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องหาอะไรไว้วางตั้งเป็นฐานครับและแอพกล้องที่ติดมากับเครื่อง หรือส่วนใหญ่ที่มีให้โหลดตอนนี้ ยังไม่สามารถปรับ Shutter Speed ได้ครับผมพึ่งเห็นอยูแอพเดียวที่ปรับได้คือแอพ Camera FV-5 เอาไว้คราวต่อไปจะมาแนะนำตัวนี้ครับ
– Mode การถ่ายรูปต่างๆ โดยเราจะเห็นได้ในกล้อง(กล้องจริงๆ)ต่างๆ แต่ในสมาร์ทโฟนจะไม่ค่อยมีให้เห็นครับ แต่รู้สึกใน Nokia Lumia ตระกูล Pureview จะมีให้ปรับนะครับ ไม่แน่ใจ ไม่ได้เล่นนานแล้ว
# Mode P = Program Mode ก็คือ Mode อัตโนมัตินั่นเอง โดย Program จะเป็นคนคิดแทนเรา
# Mode M = Manual Mode ก็คือ Mode ปรับเอง โดยเราเป็นคนตั้งค่าต่างๆด้วยตัวเอง เช่น ISO, EV, Shutter Speed เป็นต้น
# Mode S = Shutter Speed โดย Mode นี้เราจะเป็นคนกำหนดค่า Shutter Speed กับค่า EV เองที่เหลือ Program จะจัดการให้ครับโดย Mode นี้เกี่ยวโยงกับแอพ Camera FV-5 ที่ผมจะแนะนำในคราวต่อไปด้วย
# Mode A = Aperture Priority โดย Mode นี้เกี่ยวกับค่ารูรับแสงครับ เราต้องเป็นคนปรับเองและทาง Program จะเป็นตัวปรับ Shutter Speed ให้ครับ(ตรงข้ามกับ Mode S)
-ส่วนพวก ISO, W/B, EV, HDR อะไรต่างๆ คำพวกนี้อธิบายไว้ในด้านบนแล้วนะครับ ไปย้อนอ่านได้และ ISO อย่าจำสลับกับ iOS และ OIS นะครับ
ISO ก็ตามที่อธิบายไว้ด้านบน ส่วนมันย่อมาจากอะไร อันนี้ไม่ทราบครับ
OIS อันนี้คือระบบกันสั่นของกล้องครับ ย่อมากจาก Optical Image Stabilization
iOS อันนี้ของ Apple ครับ ย่อมาจาก i(Phone, Pad, Pod) Operating System และมีอีกอันที่ทำให้งงไปใหญ่คือ SIO+ ครับ อันนี้คือเทคโนโลยีเกี่ยวกับแบตเตอรี่แบบใหม่ ที่ว่ากันว่าจะทำให้ชาร์จได้ไวขึ้น ซึ่งมันก็อยู่ใน LG G2 ด้วยนั่นเอง
ละไว้เท่านี้ก่อนครับ คราวหน้าจะมาแนะนำแอพ Camera FV-5 และนึกอะไรออกจะมาเพิ่มให้ครับถ้าผมเขียนตกหล่น หรือผิดไปตรงไหนก็แย้งได้นะครับ ไม่ใช่เซียนกล้องครับ ฮ่าๆและอยากทิ้งท้ายนิดนึงว่า การถ่ายภาพนั้น ทฤษฎีมันก็ส่วนนึงครับ แต่ปฏิบัตินั้นสำคัญกว่าต่อให้เราท่องค่าต่างๆ การปรับค่าต่างๆ เราจำได้หมด แต่เราไม่เคยถ่ายจริง ไม่เคยลองถ่าย มันก็ไม่มีประโยชน์ครับอยากได้ภาพสวยๆต้องหัดถ่ายเยอะๆครับ
ทำไมเครื่องผมไม่มี magic focus?
เป็น function ของ G pro2 ครับ port มาลง G2