เมืองโทโยอะเกะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เตรียมยื่นเสนอร่างกฎหมายให้ประชาชนสามารถใช้สมาร์ทโฟนได้ไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อลดปัญหาการเสพติดอินเทอร์เน็ตจนส่งผลต่อสุขภาพการนอนหลับ ฝั่งชาวเมืองบางส่วนมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลขั้นรุนแรง

โฆษกของเมืองโทโยอะเกะกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อบังคับใช้กับทั้งชาวเมืองที่เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมากังวลว่าพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนมากจนเกินไปของประชาชน อาจส่งผลผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาการนอนหลับที่ไม่เพียงพออีกด้วย

สภาเทศบาลโทโยอะเกะได้เริ่มพิจารณาร่างข้อบัญญัติไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะมีการลงมติอีกครั้งในช่วงปลายเดือนกันยายน และถ้ามีมติเห็นชอบก็จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่ถึงแม้จะถูกเรียกว่า ‘มาตรการ’ ก็จะไม่มีบทลงโทษสำหรับคนที่ใช้สมาร์ทโฟนเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน

ร่างข้อบัญญัติดังกล่าวกำหนดเอาไว้ว่า เด็กประถมอายุ 6–12 ปี และเด็กเล็ก ไม่ควรใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตหลังเวลา 21.00 น. ส่วนวัยรุ่นและผู้ใหญ่จะต้องเลิกใช้สมาร์ทโฟนหลังเวลา 22.00 น. เป็นต้นไป

แน่นอนว่าเมื่อมีรายละเอียดของมาตรการนี้ออกมา ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตหลายคนมองว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล ทางด้านชาวเมืองโทโยอะเกะที่ไม่เห็นด้วยก็แสดงความไม่พอใจ และทำการโทรศัพท์ถึง 83 สาย และอีเมลมากกว่า 44 ฉบับ ไปยังสภาเทศบาลเมือง

“เข้าใจเจตนาว่าหวังดี แต่ให้เล่นแค่วันละ 2 ชั่วโมงยังไงก็เป็นไปไม่ได้”“สองชั่วโมงยังไม่พอจะอ่านนิยาย หรือดูซีรีส์ให้จบสักซีซั่นด้วยซ้ำ”

ข้อมูลจากหน่วยงาน Children and Families Agency เผยว่า เด็กและวัยรุ่นญี่ปุ่นใช้เวลากับสมาร์ทโฟนหรือแพลตฟอร์มออนไลน์เฉลี่ยมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา

ที่มา : The Guardian