ในที่สุด Asus Zenfone 2 ก็บินลัดฟ้าจากไต้หวันมาถึงมือของทีมงาน droidsans แล้ว ซึ่ง Zenfone 2 นั้นก็มีการแบ่งแยกจำแนกออกมาเป็นหลายๆ รุ่นและวางขายพร้อมกันในคราวเดียว วันนี้เราเลยจะเริ่มต้นด้วยการแกะกล่องเช็คอุปกรณ์ภายใน รวมถึงบอกวิธีดู Zenfone 2 ว่ารุ่นไหนเป็นรุ่นไหน ใช้ CPU อะไร มีความจุเท่าไหร่

สำหรับ Zenfone 2 ที่ทางเราสอยมารีวิวนั้นเป็นรุ่นรหัส ZE550ML หรือรุ่นสเปคต่ำสุดของหน้าจอ 5.5 นิ้ว ที่ใช้ชิพ Intel Z3560, RAM 2GB, ROM 16GB, กล้องหน้า 5MP, กล้องหลัง 13MP และเปิดราคาที่ไต้หวันที่ 5,990 ไต้หวันดอลล่าร์ ส่วนราคาไทยแน่นอนว่ายังไม่ทราบ 😀 (แต่ก็คาดว่าราวๆ 6,xxx บาท)

จากกล่อง Zenfone รุ่นแรกที่มาในรูปแบบแนวตั้ง รอบนี้ Asus จับ Zenfone 2 หมุนมาเป็นแนวนอนแทน ซึ่งมีผลอะไรไหมก็ไม่มี และจะอธิบายทำไมก็ไม่รู้ งั้นข้ามไป~ 

ด้านข้างของกล่องก็ยังมีรูๆ พร้อมสัญลักษณ์อธิบายสเปคและจุดเด่นของ Zenfone 2 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ BoostMaster ชาร์จแบตไว, รองรับ 4G LTE, มี Wi-Fi ใช้เป็น Hotspot ได้, หน้าจอ HD, Bluetooth 4.0, กล้องถ่ายภาพความละเอียด 13MP

เนื่องจากด้านหน้ากล่องมันหน้าตาเหมือนกัน วิธีจำแนกรุ่นนั้นจึงถูกระบุไว้ที่ด้านหลังกล่องครับ ให้สังเกตุใต้แถบบาร์โค้ด จะเห็นว่ามีรหัสรุ่นระบุอยู่ตามนี้

  • ZE550ML – รหัสรุ่นที่มีต่างกัน 3 รุ่น นั่นก็คือ ZE500CL, ZE550ML และ ZE551ML
  • RED – บอกสีของเครื่องในกล่อง จริงๆ อันนี้ดูจากด้านหน้ากล่องก็รู้ละ
  • LTE – เป็นรุ่นรองรับ 4G LTE
  • D – ย่อมาจาก Dual SIM หรือรองรับการใช้งาน 2 ซิม
  • INTEL MRF Z3560 – รหัสของชิพประมวลผล Intel มีทั้ง Z2560, Z3560 และ Z3580
  • 2G – บอกขนาดของ RAM มีแบบ 2GB และ 4GB
  • 16G EMMC – บอกความจุของหน่วยความจำ มี 16GB, 32GB และ 64GB
  • ANDROID TW – บอกระบบปฏิบัติการ และแจ้งว่าเป็นรุ่นที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไหน
  • 5.5 – ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว (ถ้าเป็นรุ่น ZE500CL จะเป็น 5 นิ้ว)
  • 13MP – ความละเอียดกล้องหลัง 13MP (ถ้าเป็นรุ่น ZE500CL จะเป็น 8MP)
  • W/HEADSET – แจ้งว่าในกล่องมีหูฟังแถมมาด้วย

ที่ด้านล่างของกล่องจะมีลิ้นพลาสติกแลบออกมา ให้เราสามารถดึงเอากล่องและตัวเครื่องเลื่อนออกมาได้ ผมไม่กล้าดึงแรง กลัวพลาสติกขาด จริงๆ เลื่อนเอากล่องด้านล่างออกมาจะปลอดภัยกว่าเยอะ

ชะวิ้ง~ มาแล้วจ้า Asus Zenfone 2 ที่รอคอย ขนาดตัวเครื่องใหญ่กว่า Zenfone 5 นิดหน่อย เรื่อง CPU 64-bit นั้นก็ยังเป็นคำถามกันต่อไป 

พักตัวเครื่องไว้ก่อน มาดูอุปกรณ์ในกล่องกันดีกว่า 

อย่างแรกที่เปิดมาเจอคือใบเตือนว่าให้ใช้ micro SIM เท่านั้น ห้ามใช้ nano SIM เพราะมันอาจจะไปติดขัดในช่องซิมแล้วจะแกะไม่ออก ที่น่าสนใจคือมีการเตือนว่าห้ามใช้ nano SIM + ตัวแปลงเป็น micro ด้วยเพราะเครื่องจะมองไม่เห็นซิมและไม่สามารถใช้งานได้

ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แล้วซิมที่มีตอนนั้นก็มี nano + micro Adaptor เท่านั้น คือเครื่องไหนๆ มันก็มองเห็นและใช้งานได้ แต่พอเสียบเข้าไปใน Zenfone 2 เท่านั้นแหละ ผลปรากฏว่าไม่สามารถใช้งานได้ ตัวเครื่องมองไม่เห็นซิมการ์ด สุดท้ายผมต้องไปหา micro SIM แท้มาใส่ถึงจะใช้ได้ อันนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ ผมลองมา 4-5 รอบ ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ ต้อง micro SIM แท้เท่านั้นเลย 

ต่อมาคือหม้อแปลงที่จ่ายไฟ 5.2V แรงดัน 1.35A อันนี้ผมแอบแปลกใจนิดนึงคือทำไมมันจ่ายไฟปกติ แรงดันก็ไม่ได้เยอะ แล้วมันจะใช้ BoostMaster ชาร์จแบตไวได้จริงๆ เหรอ เช็คไปเช็คมาก็พบว่า รุ่น ZE550ML ไม่มีระบบนี้ และระบบ BoostMaster จะมีในรุ่นรหัส ZE551ML เท่านั้น 😐  

อุปกรณ์อื่นๆ ในกล่องก็ตามปกติ หูฟังแบบ in-ear พร้อมจุกหลายขนาด, สาย micro USB

กล้องหน้าของรุ่น ZE550ML ความละเอียด 5MP ช่องลำโพงสนทนาอยู่ลึกลงไปจากหน้าจอเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า

ปุ่ม power on/off/sleep/wake ถูกย้านจากด้านข้างมาไว้ด้านบนแทน บอกเลยว่ากดไม่ถนัด แต่ยังดีที่หน้าจอของ Zenfone 2 รองรับการ tap tap เคาะเพื่อเปิดและปิดแล้ว ปุ่มด้านบนเลยไม่ต้องเอื้อมมากดบ่อยนัก

ตำแหน่งของช่อง micro USB และไมโครโฟนนั้นไม่ได้ย้ายไปไหนจากรุ่นก่อน อยู่ที่เดิมเลย และที่เหมือนเดิมอีกคือ 3 ปุ่ม navigation ด้านล่างทั้งปุ่ม back, home, recent apps นั้นไม่มีไฟเช่นเคย 🙁  

พลิกมาด้านหลัง ตำแหน่งของลำโพงอยู่ที่ด้านล่างเหมือนเดิม 

กล้องหลักความละเอียด 13MP มาพร้อมแฟลช dual-color 2 ดวง 2 สี ปุ่มปรับเสียงถูกย้ายมาไว้ด้านหลังแบบเดียวกับ LG ที่เป็นผู้เริ่มใช้งานมาหลายรุ่น 

สำหรับวิธีการแกะฝาหลังนั้น ให้แกะจากมุมด้านล่างของตัวเครื่องนะครับ มันจะมีช่องให้แกะอยู่ พอแงะออกแล้วก็ต้องเอาเล็บไล่ขึ้นไปตามขอบจนไปถึงด้านบนของตัวเครื่องค่อยเปิดฝาหลังออก

อย่าแงะจากช่อง micro USB เด็ดขาด เพราะนอกจากจะปวดเล็บแงะไม่ออกแล้ว ถ้าไปฝืนมากๆ อาจจะทำเขี้ยวล็อคฝาหลังแตกหักได้ คราวนี้มันจะปิดไม่สนิทต้องไปหาซื้ออันใหม่อีก

Zenfone 2 รุ่น ZE550ML นั้นไม่มี NFC นะครับ ต้องรุ่น ZE551ML เท่านั้นถึงจะมี เพราะฉะนั้นฝาหลังเลยออกมาโล่งๆ แบบนี้ ไม่มีแผงวงจรใดๆ 

เรียงจากด้านบนลงล่างเริ่มจากช่อง micro SD รองรับความจุ 64GB ถัดลงมาคือช่องซิม 1 ช่องนี้รองรับ 2G/3G/4G ส่วนช่องซิมที่ 2 ด้านล่างนั้นรองรับแค่ 2G เท่านั้น

ได้เวลาเปิดเครื่องมาเจอหน้า Lockscreen แบบ Zen UI ที่คุ้นเคย 

ไหนบอก Zen UI ใหม่ไง ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยจะแตกต่างจากเดิมสักเท่าไหร่เลย เรื่องความแตกต่างนี่เดี๋ยวผมขอยกยอดเอาไปเขียนในตอนพรีวิวเทียบ Zenfone 2 กับ Zenfone 5 ละกันนะครับ  :bigsmile:

แต่ที่เห็นได้ชัดคือส่วนของแถบ notification bar ที่เป็นแบบ Lollipop นั่นคือดึงลงมาครั้งแรกโชว์ข้อมูลแจ้งเตือนต่างๆ ดึงลงมาอีกครั้งจะเป็นการเปิดปิด toggle swicth พวก bluetooth, GPS, Wi-Fi, การหมุนหน้าจอ และอื่นๆ อีกเพียบ 

เปิดเข้ามาดูในส่วนของการตั้งค่าเพื่อยืนยันว่ามันเป็น Android 5.0 Lollipop จริงๆ นะ 

อ้าว! เล่นยังไม่ทันไรมี Update มาอีกแล้ว ตามสไตล์ Asus ครับ ช่วงออกขายแรกๆ software จะไม่ค่อยนิ่งและออกอัพเดทบ่อยมาก ถ้าใครที่ใช้ Zenfone รุ่นที่แล้วจะเห็นว่ามีอัพเดทร่วม 10 ครั้งได้ บางอันออกมาติดๆ แบบไม่ถึงสัปดาห์ก้มี เพราะต้องออกมาแก้บั๊กรุ่นก่อนหน้า 

อัพเดทแก้ปัญหาเรื่อง Wi-Fi กับ Mobile data เรื่องไฟ Flash เรียบร้อยก็ reboot ใหม่ สังเกตุเห็นว่า software มันโชว์ว่าเป้นเวอร์ชั่น WW หรือ World Wide Edition ทั้งที่เครื่องนี้เป็นเครื่องไต้หวัน ปกติน่าจะโชว์เป็น TW แท้ๆ

ก็แอบสงสัยว่าหรือ Asus จะไม่แยก software เป็นรายประเทศหรือรายทวีปแล้วหรือเปล่า? 

ก่อนจะจบการแกะกล่อง Asus Zenfone 2 นั้น ขอปิดท้ายด้วยการทดสอบกันนิดนึง เมื่อ BoostMaster ชาร์จแบตไวนั้นมีให้ใช้งานเฉพาะในรุ่น ZE551ML แล้วละก็ รุ่น ZE550ML ที่ไม่มีระบบชาร์จแบตไวต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการชาร์จแบต 3,000 มิลลิแอมป์ของ Zenfone 2 ให้เต็ม เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะรำคาญ Zenfone 5 ที่ชาร์จแบตนานค่อดๆ อยู่เหมือนกัน

เริ่มต้นที่เวลา 21:45 แบตเตอรี่เหลืออยู่ 9% ผมแกะเอา Adaptor และสาย micro USB เรียกว่าเอาของแท้ในกล่องออกมาเสียบชาร์จเลย จะได้รู้ว่าถ้าใช้ของที่มากับกล่องนั้นต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเต็ม

ผลปรากฏว่าผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง เพิ่งจะได้แบตมา 53%  -“- แถมระบบตรวจสอบเวลาชาร์จแบตของ Lollipop ยังบอกอีกว่าต้องใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงถึงจะเต็ม 100%

สรุป Zenfone 2 รหัส ZE550ML ต้องใช้เวลาชาร์จแบตราวๆ 2 ชั่วโมงถึงจะเต็มครับ > < ซึ่งผมเองก็ได้ลองเอาหม้อแปลงที่จ่ายไฟสูงขึ้นเป็น 2A มาทดสอบด้วยในการชาร์จครั้งที่ 2 ผลก็ออกมาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ยังอยู่ที่ราวๆ เกือบ 2 ชั่วโมง

 

ปิดการแกะกล่อง Asus Zenfone 2 ด้วยสรุปสั้นๆ จากสิ่งที่ผมเจอตามนี้ละกันนะครับ

  1. Zenfone 2 เหมือนจะไม่รองรับ nano SIM + Adaptor แปลงเป็น micro SIM จากการทดสอบพบว่าตัวเครื่องจะมองไม่เห็น SIM และไม่สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าใช้ micro SIM ปกติไม่มีปัญหานี้แต่อย่างใด
  2. ตัว Software ลื่นไหลดี แต่ยังไม่ลื่นมาก ยังมีบั้กในบางส่วนเช่นปุ่มปรับความสว่างไม่เลื่อนตามนิ้วที่เราลาก
  3. การ Tap to wake หรือเคาะหน้าจอให้ติดนั้นหลายๆ ครั้งต้องเคาะ 2-3 ครั้งถึงจะติด ส่วนการเคาะปิดนั้นแทบจะ 100% เคาะเคาะปุ๊บ ดับปั๊บ
  4. Zenfone 2 รหัส ZE550ML ไม่รองรับการชาร์จแบตเร็ว BoostMaster และใช้เวลาในการชาร์จแบตจาก 0% – 100% ประมาณ 2 ชั่วโมง

 

สำหรับตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนครับ ตี 3 ไว้เจอกันอีกทีตอนพรีวิว Zenfone 2 เทียบกับ Zenfone 5 ครับ  😀