Homeland Security (กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ประเทศสหรัฐอเมริกา) ได้หารือกับ Transportation Security Administration (หน่วยงานรักษาความปลอดภัยสนามบินของสหรัฐอเมริกา) ออกกฎห้ามนำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน เข้าห้องโดยสารเครื่องบินขาเข้าประเทศอเมริกา โดยกฎใหม่นี้มีผลกับเครื่องบินที่เดินทางจากกลุ่มประเทศในทวีปตะวันออกกลาง, แอฟริกาเหนือ และประเทศตุรกี โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการป้องกันการก่อการร้าย ว่าแต่กฎที่ประกาศออกมานี้มีผลกับอุปกรณ์อิเลคโทรนิคประเภทไหนบ้าง และสายการบินต่างๆ ออกมาตอบรับหรือคัดค้านอย่างไร ลองมาดูกันครับ

โดยกฎใหม่นี้ครอบคลุมเที่ยวบินขาเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 9 สายการบิน จาก 10 สนามบินต้นทางด้วยกัน ส่วนประเทศอังกฤษก็เห็นดีเห็นงามด้วยและเริ่มใช้กฎเดียวกันนี้ หลังจากสหรัฐออกกฎนี้ได้เพียง 1 ชม.

สนามบินที่โดนกฎใหม่จาก DHS และ TSA รวม 10 สนามบิน 

  1. Mohammed V International, เมืองคาซาบลังกา ประเทศโมร็อคโค
  2. Ataturk Airport, เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
  3. Cairo International Airport, ประเทศอียิปต์
  4. Queen Alia International, เมืองอัมมาน ประเทศจอร์แดน
  5. King Abdulaziz International, เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาราเบีย
  6. King Khalid International, เมืองริยาด ประเทศซาอุดิอาราเบีย
  7. สนามบินนานาชาติ ประเทศคูเวต
  8. Hamad International, เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์
  9. Abu Dhabi International, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  10. Dubai International, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โดยผู้โดยสารทุกคนที่มีการบินออกจากสนามบินข้างต้นเพื่อเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นสายการบินไหน จะบินตรงหรือไปต่อเครื่องที่นั่น ก็ไม่สามารถนำอุปกรณ์อิเลคโทรนิคต่างๆ ขึ้นไปไว้ในห้องโดยสารได้ ต้องโหลดใต้เครื่องเพียงอย่างเดียว

อุปกรณ์อิเลคโทรนิคที่ว่า ครอบคลุมอะไรบ้าง?

กฏนี้กินรวบอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน เช่น แท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ค, E-book, เครื่องเกม (อย่าง Nintendo Switch), เครื่องเล่น DVD แบบพกพา, กล้องถ่ายรูป, กล้องวิดีโอ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า 16 x 9.3 ซม. ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องในห้องโดยสารได้ ให้ทำการโหลดใต้เครื่องแทน

นั่นทำให้กฎนี้ครอบคลุมไปถึงมือถือหรือสมาร์ทโฟนที่ขนาดใหญ่หรือ Phablet ด้วย คร่าวๆ คือมือถือที่หน้าจอ 6 นิ้วขึ้นไปน่าจะโดนหางเลขไปด้วยแน่นอน ใครที่ชอบพกมือถือหรือแฟ็บเล็ตใหญ่ๆ เพราะมันอ่านง่ายอาจจะโดนสั่งให้โหลดใต้เครื่องแทนนะครับ

สายการบินต่างๆ มีการตอบรับกับกฏใหม่นี้อย่างไร?

จากในตอนแรกที่กฎนี้ประกาศออกมา หลายคนยังสงสัยอยู่ว่ามันเป็นข่าวจริงหรือไม่? ล่าสุดตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าจริงแท้แน่นอน เพราะสายการบินที่โดนผลกระทบได้ออกมาประกาศแจ้งลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ประกาศจากสายการบิน Qatar

ประกาศจากสายการบิน Etihad

ประกาศจากสายการบิน Emirate

รวมทุกสายการบินที่โดนกฎห้ามพกอุปกรณ์อิเลคโทรนิคขึ้นเครื่องในการบินไป

สายการบินขาเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา

  1. Royal Jordanian
  2. EgyptAir
  3. Turkish Airlines
  4. Saudi Arabian Airlines
  5. Kuwait Airways
  6. Royal Air Maroc
  7. Qatar Airways
  8. Emirates Airways
  9. Etihad Airways

สายการบินขาเข้าประเทศอังกฤษ

  1. British Airways
  2. EasyJet
  3. Jet2
  4. Monarch
  5. Thomas Cook
  6. Thomson
  7. Turkish Airlines
  8. Pegasus Airlines
  9. Atlas Global
  10. Middle East
  11. Egypt Air
  12. Royal Jordanian
  13. Saudia
  14. Tunisian

 

ทำไมถึงห้ามนำอุปกรณ์ที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนเข้าห้องโดยสาร?

อเมริกาและอังกฤษมักตกเป็นเป้าโจมตีของพวกผู้ก่อการร้ายอยู่บ่อยๆ แต่ทางการของทั้ง 2 ประเทศนั้นสามารถสกัดเอาไว้ได้ก่อนก่อเหตุ ทำให้ทางการของทั้ง 2 ประเทศต้องออกกฎระเบียบให้เคร่งครัดมากยิ่งขึ้นในช่วงหลังๆ อย่างเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2016 บนเครื่องบินขาออกจากประเทศโซมาเลีย ได้เกิดเหตุผู้ก่อการร้ายดัดแปลงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คให้เป็นที่ซุกระเบิดและนำขึ้นไปบนห้องโดยสารเครื่องบิน และเกิดการระเบิดขึ้น ทำให้เครื่องบินลำนั้นเป็นรูโหว่บริเวณด้านข้างของเครื่อง แต่โชคดีที่เครื่องยังบินขึ้นไม่สูงมาก ทำให้นักบินเอาเครื่องลงจอดที่สนามบินโมกาดิชูได้อย่างปลอดภัย

รูโหว่ที่เกิดจากการระเบิด…ส่วนมือระเบิดก็ปลิวออกไปจากรูนี้เช่นกัน

ทำไมต้องโหลดใต้เครื่อง ถ้ากลัวว่าอาจมีระเบิดซุกซ่อนอยู่?

จริงๆ แล้วก่อนที่เราจะขึ้นเครื่องก็ต้องผ่านช่อง X-ray กันทุกคนอยู่แล้ว ถ้าคิดว่าโน้ตบุ๊คจะมีระเบิดอยู่ข้างในจริงๆ ก็น่าจะตรวจเจอตั้งแต่ขั้นตอนการ X-ray แล้วนะ เพราะเครื่อง X-ray สามารถมองทะลุทะลวงโน้ตบุ๊คได้ถึงไส้ในอยู่แล้ว ถ้าพบเครื่องที่น่าสงสัยก็สามารถขอค้นได้เลย ส่วนเหตุการณ์ระเบิดยัดโน้ตบุ๊คที่เกิดขึ้นที่โซมาเลียนั้นก็เป็นเพราะมีเจ้าหน้าที่ในสนามบินรู้เห็นเป็นใจโดยการเอาโน้ตบุ๊คยัดระเบิดมาให้กับผู้ก่อการร้ายหลังจากที่ผ่านจุดเช็คเข้ามาแล้ว ซึ่งถ้ามีคนในเป็นผู้ก่อการร้าย การแบนไม่ให้นำสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้นเครื่องก็ไม่น่าจะทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นซักเท่าไหร่ จริงๆ แล้วควรจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยจากภาคพื้นดินให้มากกว่านี้หรือเปล่า?

พนักงานสนามบินในเสื้อกั๊กสีส้มตอนกำลังส่งมอบโน้ตบุ๊คระเบิดให้กับมือระเบิด

กฎที่ร่วมกันออกโดย Homeland Security และ TSA ขัดกับกฎของ ICAO หรือเปล่า?

มีอีกประเด็นนึงที่น่าสนใจก็คือกฎที่ห้ามนำโน้ตบุุ๊คหรืออุปกรณ์อิเลคโทรนิคเข้าไปในห้องโดยสารแต่ให้โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องนั้น น่าจะขัดกับกฎของ ICAO หรือองค์กรณ์การบินระหว่างประเทศหรือไม่ เพราะเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ICAO ก็พึ่งจะออกกฎห้ามนำแบตเตอรี-โน้ตบุ๊คโหลดลงใต้ท้องเครื่องบินไปเอง ซึ่งทำให้กฎที่ออกโดย TSA ที่ให้โหลดอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนลงใต้เครื่อง ย้อนแย้งกับกฎของ ICAO ที่ห้ามนำอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ อย่างโน้ตบุ๊คและแทบเล็ตโหลดไว้ใต้เครื่องบินโดยสาร งานนี้ก็เลยไม่รู้ว่าถ้าจะโหลดอุปกรณ์เหล่านั้นไว้ใต้ท้องเครื่องจะโอเคหรือเปล่า?

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ใครที่กำลังจะเดินทางไปสหรัฐหรือังกฤษภายแล้วต้องผ่าน 10 สนามบินข้างต้น ก็ต้องทำการโหลดของทุกสิ่งอย่างลงใต้เครื่องแน่นอนครับ และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ด้วยว่ากฎนี้จะมีบังคับใช้ไปจนถึงเมื่อไหร่

ที่มา : BBC, Manager, Manager 2