ศาลรัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ Google รอดจากมาตรการเยียวยาตลาด (remedies) ที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้เสนอไว้ก่อนหน้านี้จากคดีผูกขาดธุรกิจ Search Engine และไม่จำเป็นต้องขายธุรกิจ Chrome ออกจากบริษัทแม่อย่าง Alphabet ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นมากถึง 8% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังจาก Google ถูกตัดสินให้มีความผิดในคดี ผูกขาดธุรกิจ Search Engine ไปเมื่อปี 2024 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ก็ได้เสนอให้มีบทลงโทษต่อ Google เพื่อเป็นการเยียวยาตลาดด้วยการให้ศาลออกคำสั่ง บังคับขายธุรกิจเบราว์เซอร์ Chrome ออกจากบริษัทแม่อย่าง Alphabet เป็นสาเหตุให้บริษัทต่างๆ สนใจจะยื่นข้อเสนอขอซื้อ Chrome โดยทันทีหากคำสั่งศาลออกมาเป็นไปตามที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ต้องการ

ผู้พิพากษา Amit Mehta ได้ตัดสินว่า Google ไม่จำเป็นจะต้องขายธุรกิจ Chrome พร้อมให้เหตุผลว่าทางบริษัทไม่ได้ใช้เบราว์เซอร์ดังกล่าวในทางที่ผิดต่อกฎหมายโดยตรง อย่างไรก็ตาม Google ก็ยังต้องเจอกับข้อจำกัดอยู่ทั้งหมด 2 ส่วนหลักๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก

  • Google สามารถจ่ายเงินให้บริษัทอื่นๆ เพื่อทำข้อตกลงให้ Google Search เป็นระบบค้นหาเริ่มต้นบนอุปกรณ์ต่างๆ ได้เหมือนเดิม แต่การทำสัญญาห้ามเป็นสัญญาแบบผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Contracts) ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้คู่แข่งหรือบริษัทอื่นในตลาดที่เกี่ยวข้องได้ด้วย
  • Google จะต้องแชร์หรือเปิดให้เข้าถึงข้อมูลดัชนีบางส่วนได้ เช่น ข้อมูลดัชนีการค้นหาของผู้ใช้งาน (Search Index Data) แต่ ไม่รวมถึงข้อมูลโฆษณา (Ads Data) โดยการแชร์ข้อมูลดังกล่าวจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางการค้าที่เป็นธรรม

Google ออกแถลงการณ์พร้อมแสดงความกังวลว่า ข้อกำหนดเรื่องการแชร์ข้อมูลดัชนี อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่ก็รู้สึกยินดีที่ศาลเล็งเห็นว่าการบังคับขายธุรกิจ Chrome กับ Android จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและบริษัทที่เกี่ยวข้องมากกว่า และยอมรับกับคำตัดสินของศาล

ทางฝั่งของกระทรวงยุติธรรม (DOJ) กล่าวว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้จะช่วยให้ตลาดการค้นหา (search market) ที่แช่แข็งมานานหลายปีนั้นมีโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นกว่าเดิมกับบริษัทต่างๆ และจะช่วยป้องกันไม่ให้ Google ใช้วิธีการเดิมๆ เพื่อสร้างสถานะให้ตนเองเป็นผู้ผูกขาดตลาดได้อีกด้วย

ที่มา : CNBC