เห็นใครๆก็ชอบบอกกันว่า “สั้นๆจะเสร็จไว ยาวๆจะเสร็จช้า” ไอ้ผมก็ขี้สงสัยด้วยสิว่าขนาดสั้นยาวมันมีผลต่อการเสร็จช้าหรือไวด้วยหรือ หรือว่าจะสั้นยาวแค่ไหนก็ไม่เกี่ยว อาจจะเสร็จพร้อมๆกันก็เป็นได้? ดังนั้นผมจึงขอทำหน้าที่ทดสอบหน่อยดีกว่า
อ๊ะๆ อย่าพึ่งคิดลึกและไปไกลยิ่งกว่านี้ ที่ผมพูดถึงเรื่องสั้นๆยาวๆ ผมหมายถึงสาย USB นะเออ เพราะใครๆก็บอกกันว่าสาย USB สั้นๆจะช่วยให้ชาร์จได้ไวกว่าสาย USB ยาวๆ ดังนั้นผมจึงลองทดสอบดูว่าระยะสาย USB ที่ต่างกันเนี่ย มันมีผลจริงๆหรือไม่ และมีผลต่างกันมากน้อยแค่ไหน?
หมายเหตุ – ในการทดสอบการชาร์จ USB ตรงนี้ ผมจะทดสอบเพียงแค่ระยะห่างของสายเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงประสิทธิภาพในการชาร์จไฟของสาย USB จะมีปัจจัยหลักๆอยู่ 3 ปัจจัยคือ ระยะสาย ขนาดหน้าตัดของเส้นทองแดงในสายไฟ และคุณภาพของทองแดงที่ใช้ ซึ่งผมทดสอบแค่เรื่องของระยะสายเท่านั้น ส่วนขนาดของเส้นทองแดงและคุณภาพของสายไฟไม่สามารถทดสอบได้เนื่องจากสาย USB ที่มีนั้นมีบางเส้นที่ไม่ได้ระบุสเปคของสายไฟไว้ จึงทำให้ผลลัพธ์จากการทดสอบนั้นไม่ได้มาตรฐาน แต่ทว่าต้องการชี้ให้เห็นเรื่องของระยะสาย USB ที่ใช้กัน
ในการทดสอบผมจะใช้เจ้า Doctor Charger ซึ่งเป็นอุปกรณ์วัดแรงดันและกระแสไฟฟ้าจาก USB อย่างง่ายๆ
และอะแดปเตอร์ที่ใช้จะเป็นอะแดปเตอร์ที่มากับ Moto X โดยมีสเปคคือจ่ายแรงดันได้ 5V กระแส 1.2A (~1,150 mA)
เวลาใช้งานก็จะเสียบแบบนี้เลย
สาย USB ที่ใช้ทดสอบ
สำหรับสาย USB ที่ใช้ทดสอบจะมีด้วยกันสามขนาดด้วยกันคือ
สาย USB แบบสั้น (30cm)
สาย USB แบบกลาง (1m)
สาย USB แบบยาว (1.5m)
และเวลาถ่ายภาพตอนทดสอบอาจจะไม่ได้เห็นระยะสายทั้งหมด ดังนั้นให้สังเกตจากหัวของสาย USB นะครับ เพราะว่าทั้ง 3 เส้นที่ผมนำมาทดสอบจะมีลักษณะแตกต่างกัน
เครื่องที่ใช้ทำการทดสอบ
เครื่องที่ใช้ทดสอบจะเป็น Nexus 6 ที่มีแบตอยู่ 50% กำลังพอดี ไม่ต่ำและไม่สูงเกินไป
เริ่มการทดสอบ
เริ่มจากสายแบบสั้นก่อนเลย
ตามด้วยสายแบบกลาง
และจบท้ายด้วยสายแบบยาว
จะเห็นว่าสายแบบสั้นกับแบบกลางไม่ต่างกันซักเท่าไร เพราะชาร์จได้เต็มๆทั้งคู่ ในขณะที่สายแบบยาวนั้นชาร์จได้ต่ำจนเห็นได้ชัด
เนื่องจากบทความมันสั้นเกินไป ไม่ถูกโฉลกกับผมซักเท่าไร ผมก็เลยลองเอาสายพ่วง USB ยาว 1 เมตรมาต่อพ่วงให้มันยาวขึ้นอีกดีกว่า
ลองวัดดูใหม่อีกครั้ง
สายแบบสั้น+สายพ่วง
สายแบบกลาง+สายพ่วง
สายแบบยาว+สายพ่วง
ผลสรุป
เมื่อทดลองเสร็จแล้ว ลองสรุปค่าที่วัดได้ก็จะออกมาเป็นแบบนี้
จะเห็นว่ายิ่งยาวก็ยิ่งเสร็จช้า เอ้ย ใช้เวลาชาร์จแบตนานขึ้นจริงๆนั่นแหละ เพราะกระแสไหลได้น้อย ทั้งนี้ก็เพราะว่าทองแดงที่อยู่ในสายไฟนั้นไม่ได้เป็นตัวนำไฟฟ้าที่บริสุทธิ์ผุดผ่องมานัก แต่จะมีความต้านทานไฟฟ้าอยู่เล็กน้อยด้วย ซึ่งสายระยะสั้นๆก็ไม่ได้มีปัญหาซักเท่าไรเนื่องจากมีผลค่อนข้างน้อย แต่เมื่อสายมีระยะที่ยาวมากขึ้นก็จะส่งผลให้ทองแดงยาวขึ้นด้วย จึงทำให้มีความต้านทานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ผลที่เกิดขึ่้นก็คือกระแสไหลได้น้อยลงนั่นเอง~
แต่ทว่าสายสั้นก็ใช่ว่าจะต้องชาร์จไวกว่าสายยาวเสมอไป เพราะอย่างที่ผมบอกในตอนแรกว่าผมไม่ได้ทดสอบเรื่องขนาดและคุณภาพของทองแดงในสาย USB เพราะถ้าสาย USB ที่คุณภาพดีขนาดของทองแดงจะมีขนาดใหญ่กว่าและมีคุณภาพในการนำไฟฟ้าได้ดีกว่า
ดังนั้นสาย USB ที่มีขนาดทองแดงเล็กและคุณภาพต่ำแต่มีระยะสั้น ก็อาจจะชาร์จไวสู้สาย USB ที่มีขนาดทองแดงใหญ่กว่าและมีคุณภาพสูงกว่าไม่ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะของสายทั้งสองด้วยเช่นกัน
สุดท้ายนี้ผมเพียงแค่อยากจะแสดงให้เห็นว่าการใช้สาย USB ยาวๆมันมีผลทำให้ชาร์จไฟได้ช้าขึ้นแต่ว่าช้ามากน้อยขนาดไหนนั่นเอง แต่ต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถทดสอบเรื่องคุณภาพและขนาดของทองแดงได้
ปล.จะเสร็จเร็วหรือเสร็จช้ามันอยู่ที่เทคนิคต่างหากล่ะ #ผิด
ผมว่า แล้วแต่ท่านะ ไม่ใช่!!
ดูจะออกทะเล 😛
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้
จากสมการ V=IR โดยที่ R=p(โลว์)l/A
ซึ่ง p คือค่าคงที่ในตัวนำนั้นๆ และ l คือความยาวของตัวนำ A คือพื้นที่หน้าตัดนะครับ
ถ้าให้ V คงที่ R ซึ่งแปรผันตาม l จะเห็นได้ว่าถ้า l มาก R ก็มากตามไปด้วย
และเมื่อ R มาก I ก็จะน้อยลงครับ
ทั้งนี้ I ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆเกี่ยวข้องอีกมากมายในชีวิตจริง แม้กระทั่งความจุแบตที่ต่างกัน
ก็ส่งผลให้ชาร์จเร็จช้าต่างกันเช่นเดียวกันครับ
สังเกตุได้จากชาร์จแบตตอนใกล้หมดจะชาร์จเสร็จไวกว่าช่วงใกล้เต็มครับ
แบตก็เหมือน C(ตัวเก็บประจุ) ตอนแรกจะปล่อยให้กระแสไหลผ่านมาเต็มที่
พอใกล้เต็มก็เริ่มจะทำตัวเป็น R ที่มีค่าอนันท์(ทำให้วงจรเปิดโดยปริยาย)
แต่มันก็ไม่ได้เห็นได้ชัดขนาดที่ว่าเป็นเท่าตัวหรอกนะครับ 555
สรุปง่ายๆ ก็คือ ความยาวสายก็มีผล และ ขนาดหน้าตัดสายทองแดงก็มีผลด้วย (จริงๆมีเรื่องคุณภาพทองแดงอีก) แต่บทความนี้ดูแต่ความยาวสายอย่างเดียว ไม่ได้ดูอย่างอื่นเลย ข้อมูลที่ได้เลยผิดๆไปหน่อย
ขนาดหน้าตัดทองแดงและคุณภาพ สาย USB หลายๆตัวมันไม่ได้สกรีนบอกไว้บนสายน่ะสิครับ ผมเลยรวบรัดจัดเฉพาะความยาวของเส้นเป็นหลักครับ เพื่อให้เห็นภาพแบบง่ายๆ
ปล.ตัว Charger Doctor ก็มีส่วนที่ทำให้คลาดเคลื่อนเช่นกันครับ แต่อยากให้มันเป็นการวัดแบบ่งายๆน่ะแหละครับ
เห็นด้วยครับ
สายเท่ากันของจีนหรือของศูนย์บางยีห้อ
ยังไม่เท่าสาย99บาทจาก Lotus หรือ60 บาทจากDaisoเลย
(ผมกับเพื่อนใช้ app Galaxy currentในการทดสอบประสิทธิภาพสาย)
ปล.สายบางอันจากร้านทุกอย่าง20 ไฟวิงดีมากแต่ใช้2เดือนพังละ
ผมนี่ search > install เลย
สำหรับผมวิ่ง 1600-1800 กำลังดีนะครับ
ถ้าต่ำกว่า1000 ดปลี่ยนสาย/Adapter ด่วน
ขอบคุณครับที่ทำให้หาย"ข้องใจ"สักที
ฮะ!!! อะไรนะ สั้นเสร็จไวยาวเสร็จช้า
จริงครับ สาย 3 เมตร ชาร์จทั้งคืนยังไม่เต็ม…
เอามาเล่นไปชาร์จไปนี่มีแต่ลดลง !!
ฉนั้นเวลาจะcharge ด้วย powerbank 10cm. น่าจะเป็นผลดีที่สุดสินะครับ
ของผมก็ไม่ยาวมากนะครับ ขนาดมาตรฐาน แต่ว่าเสร็จเร็วมาก ต้องแก้ไขอะไรมั๊ยครับ
สงสัยว่าไอ้นั่นของท่านจะเป็นรุ่นใหม่นะครับ ไม่ต้องพบแพทย์นะครับ ใช้งานต่อไปอย่างมีความสุขครับ …. กร้ากกก
จริงๆขึ้นกับคุณภาพและลีลาเฮยไม่ใช คุณภาพของสายของสายด้วยนะฮาฟสายชาตร์จอย ps4 ที่แถมมายาวมากๆแต่ชาตร์เต็มเร็วมากๆเหมือนกัน
ถ้าใช้สายยาวก้อใช้ adapter ของ Tap Amp เยอะเต็มไวแน่นอนครับ(ใช้อยู่ 2 เมตร)
หัวเล็ก หัวใหญ่ก็มีผลอีก 2.0 เต็มช้ากว่า 3.0
ยาวแล้วเสร็จช้า แต่มีท่าเยอะกว่านะ
ช๊าตไปเล่นไป ได้คล่องกว่าแบบสั้น
จะว่าไป สายทั้งสามเส้นไม่ใช่แบบเดียวกันทั้งสามเส้น ดังนั้นคุณภาพของทั้งสามเส้นก็ไม่น่าจะเหมือนกันนี่ครับ
ถูกต้องครับ แต่ผมก็ไม่อยากเอาสายมาตัดน่ะสิท่าน = =
เลยชี้ไปแค่เรื่องระยะสายแทนครับ
+1 เห็นด้วยเลยครับ
ต้องใช้สายแบบเดียวกันทั้ง 3 เส้น ผู้ผลิตเดียวกัน จะได้มีคุณภาพเหมือนกัน
เพื่อให้ ผลที่ตัวแปรต้นเป็นความยาว อย่างเดียว
ประเด็นคือ ไม่มีใครผลิตแบบเดียวกันมาหลายขนาดนี่แหละ
แต่ยังไงผลการคำนวนตามหลักฟิสิกมันก็ชัดเจนอยู่แล้วครับว่า ค่าความต้านทานมีผลต่อความยาวและเส้นรอบวงของทองแดง
ดังนั้น ถ้าอยากได้ยาวๆ ก็ต้องเอาใหญ่ๆ !!
ปัจจัยหลักในการทดลองนี้คือ ใหญ่และสั้น ดีกว่า เล็กแต่ยาว
สายเส้นใหญ่ มีความต้านทานต่ำกว่า กระแสไหลได้มากกว่า
เช่นเดียวกับสายสั้น มีความต้านทานต่ำกว่า กระแสไหลได้ดีกว่า
(สายใหญ่ คือสายตัวนำข้างใน ไม่ใช่เห็นข้างนอกใหญ่ แต่ข้างในนิดเดียว)
ปัจจัยอื่นอีก เช่น
แหล่งกำเนิด คือ adapter ต่างๆ ปล่อยกระแสสูงสุดเท่าไหร่
ตัวรับ คืออุปกรณ์ต่างๆ วงจรนั้นใช้กระแสชาร์ตแบตเท่าไหร่
แบตเตอรี่ ขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน มีความจุต่างกัน ใช้เวลาชาร์ตต่างกัน
วงจรพิเศษ เช่น VOOC , Qualcomm Quick Charge
….
….
ลองเอาสายทองแดงใหญ่ๆ AWG 18-22 มาช๊าตดิครับดีกว่าสายบ้านๆ 26-28 AWG
สายที่เอามาทดสอบมันคนละแบบกันเลย ทองแดงข้างในมันไม่เหมือนกัน ถ้าจะเอาแบบชัวร์ต้องสายแบบเดียวกันต่างกันแค่ความยาวมาทดสอบน่าจะได้ผลที่ดีกว่านี้ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าความยาวมีส่วนแต่มันก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของส่ยด้วย สายยาวๆดีๆทำไมมันถึงแพง
ผมเคยขอสเปกสาย usb 2 ยี่ห้อ กับผู้ผลิต
avantee กับ pisen
avantee ยาว 1.8m ราคา 180 บาท
24AWG for charging
30AWG for data sync
Pisen ยาว 1.5m ราคา 160 บาท
26AWG for charging
26AWG for data sync
ซ้ำ
ซ้ำ
ซ้ำ
สายห่วยๆ สั้นๆ ชาร์จช้าก็มี ถ้ายี่ห้อเดียวกัน ซีรีย์เดียวกัน น่าจะได้ผลที่ชัดเจนหน่อย
คือผลมันอาจไม่แน่นอน 100% เพราะสายไม่เหมือนกัน
แต่ผมก็เห็นว่า ผู้รีวิว ก็นำตัวแปรที่เหมือนกัน เป็นสายพ่วง Logitech
มาใช้พ่วงก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ยาวขึ้น มันช้าลงจริงๆ
ก็น่าจะอนุมานได้ว่า "สั้นเร็ว ยาวช้า" จริงๆ นะครับ
ของผมก็ยาว ก็เสร็จช้าบางครั้ง จนเมือยอะ
ของผมสายยาวบางเส้นชาร์จได้ดีพอ ๆ กับสายสั้นคืบเดียวด้วยซ้ำครับ
ผมก็ใช้ตัวทดสอบแบบเดียวกับ จขกท. เลยครับ ลองสายหลาย ๆ แบบ อะแดปเตอร์หลาย ๆ ตัว
วันนั้นลองใช้เครื่องชาร์จจากเสือป่า ในสเปคบอกว่า 2.1 A
ใช้สาย 3rd party ยาวเท่า ๆ กับสายแท้มาชาร์จ Note 2 ผลปรากฎว่าขึ้นที่ 1.58 A
พอสลับไปใช้สายที่ซื้อมาจากร้าน 20 บาท กระแสมาแค่ 0.8 A
เลยลองไปหยิบสายแท้มาชาร์จปรากฎว่า มาแค่ 1.0 A =_="
สุดท้ายก็เลยลองใช้สายสั้น ๆ ที่แถมมากับ Powerbank ก็ได้กระแสที่ 1.50 A
ผมนี่เกาหัวเลย สาย 3rd party ยังดีกว่าสายแท้ที่แถมมาอีก
แต่ที่น่าสนใจก็คือ ใช้ช่อง 2.1A ชาร์จ iPad mini
ไม่ว่าจะสายไหนก็ตามกระแสจะโดนจำกัดเหลือแค่ 1.0 A เท่านั้น
ถ้าใช้ adapter ที่ output ได้เยอะกว่านี้มันก็ลดไปอยุ่ระดับที่เครื่องต้องการได้ไงครับ ใช่ไหมครับ?
เคยเอาสายซัมซุงที่เสียแล้ว (สายเจ้านี้เสียโคตรบ่อย) มาแงะเอาหัวไมโคร usb กับหัว usb ธรรมดา มาเดินสายเอง เส้นที่เป็น V+กับ Gnd ใช้สายเงินเบอร์ 22AWG ส่วน data +- ใช้ 24 AWG ความยาว 1 ฟุต ผลที่ได้คือ ชาร์ตเร็วมาก ตกนาทีละ 1% (note2) เอามาเทียบกะสายแท้ซัมซุงอีกเส้นที่สภาพยังดีอยู่ ไอ้ตัวที่ทำเองก็ยังชาร์ตเร็วกว่า ตอนนี้เลยกลายเป็นสายชารต์คู่ใจเลย ใครที่มีสายชาร์ตซัมซุงเสียๆ อย่าทิ้งนะ ลองแงะดู ซนๆกับมัน อาจได้ของดี
เจ๋งเลยครับ เดี๋ยวผมไปลองเอาสายไฟเครื่องเสียงแพงๆมาลองทำสายชาร์จดูมั่งดีกว่า
ไม่ว่าจะสายสั้นสายยาว สุดท้ายค่าที่มีผลต่อการนำกระแสจริงๆ คือความต้านทานครับ (สายดีๆ ต่อให้ยาว แต่ความต้านทานต่ำ ก็ชาร์จได้เร็ว)
แต่ผมเห็นด้วยกับการวัดแบบง่ายๆของบทความนี้นะครับ เพราะสาย USB มันไม่มีระบุเสป็คสายไว้ เหมือนกับสายไฟบ้าน วิธีดูแบบง่ายๆก็แบบที่ จขกท. ทำ
เพียงแค่กลัวคนจะเข้าใจผิด ว่า "สายสั้นดีกว่าสายยาว ทุกกรณี"
ฮ๊ะ ๆ อะไร สั้นๆ ยาวๆ
ความคิดผมคิดว่า อุปกรณ์ Tester มันไม่ค่อยดีเท่าไรครับ
เพราะได้ค่า กระแส แรงดัน ไม่ละเอียดพอ
ในรูปอุปกรณ์ตัวนี้ซื้อมานานแล้วล่ะ 2 ตัว ราคาไม่แพงมากนัก US $4.80
http://www.aliexpress.com/item/LCD-USB-Mini-Voltage-and-Current-Detector-Mobile-Power-USB-Charger-Tester-Meter/2038654819.html
ปัจจุบันก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ เพราะจะดูว่า mi3w และ oneplus one ว่าตัวไหนอัดไฟเข้าเครื่องได้เร็วกว่ากัน
การทดลองนี้ผมว่าอย่าเอาเป็นมาตราฐานเลยว่า สายสั้น หรือ สายยาว ดีกว่ากันเอาแค่พออนุมาน เพราะเดี๋ยวคนที่ไม่รู้จะเอาไปจำกันแบบผิดๆ เพราะสายทั้ง 3 เส้นเรียกว่าคนละสเปกแค่ดูคุณภาพสายก็บอกได้เลยว่าตัวไหนจ่ายไฟได้ดีกว่า มาจากคนละแหล่งคนและแบบกันเลย แถมไม่พอยังเอาสายสำหรับต่อเพิ่มระยะของ Logitech มาทดลองอีก สายนี้มันออกแบบมาแค่ส่งดาต้า ให้เอามาไว้บนโต๊ะเพื่อให้ตัวส่งสัญญาณระหว่างเมาส์กับตัวส่งมันใกล้กันขึ้นแค่นั้น ถ้าอ่านในคู่มือดีๆ จะมีเขียนไว้ชัดเจน การทดลองนี้สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวสายต้องสเปกเดียวกันเพราะเป็นการทดลองเรื่องระยะของสายส่งผลต่อความไวในการชาร์จ
ยังสรุปอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
ก่อนอื่นคือยังไม่มีการควบคุมตัวแปรและสภาพแวดล้อมในทดลอง หลักๆ ก็คุณภาพของสายที่นำมาทดสอบ ต่างยี่ห้อ ต่างรุ่น เปรีัยบเทียบกันไม่ได้ หรือแม้กระทั่งยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ในแต่ละ lot การผลิตยังมีค่าเบี่ยงเบนของค่าต่างๆ ในสายแต่ละเส้น รวมถึงความเสถียรของกระแสไฟระหว่างการทดสอบ
ถ้าควบคุมเรื่องข้างต้นได้แล้ว ต่อมาก็คือต้องอาศัยจำนวนหน่วยตัวอย่างที่เพียงพอ ยิ่งมากยิ่งดีในทางสถิติ เอาแบบบ้านๆ ก็ต้องอย่างน้อย 30 ตัวอย่างต่อหัวต่อ 1 แบบ
ทดลองซ้ำๆ แล้วเก็บค่าที่วัดได้มาคำนวณตามหลักวิธีทางสถิติ เพื่อเปรียบเทียบดูว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่
อย่าลืมปริ้นรูปเล่มส่งด้วยละ….ล้อเล่นนะ
…คือถ้าลงลึกขนาดนั้น เราว่าเนื้อหามันจะดูน่าเบื่อไปนะ
คนที่รู้แล้วก็อ่านขำ ๆ ส่วนคนไม่รู้ อย่างน้อยก็รู้ว่า ยาวกว่าจะอึดกว่า
ไม่สิ …ถ้าซื้อสายจีน ควรเอาแบบสั้น ๆ แบบยาว ๆ มีไฟแยงตา มันจะช๊าตเต็มช้า..
ขอบคุณสำหรับบทความครับ ค่อนข้างจะมีประโยชน์มากเลยทีเดียว
คุณเอกเปลี่ยนไปใช้ nexus 6 แล้วเหรอครับ?
การทดลองนี้พลาดมากๆครับ ตรงตัวแปรที่สมควรจะควบคุมก็คือคุณภาพสายทั้ง 3 ควรเป็นสายยี่ห้อเดียวกันหรือมาจากแหล่งผลิตเดียวกันครับ
ไม่เช่นนั้นการทดลองนี้จะไม่สามารถสรุปอะไรได้เลยครับ
ความรู้ใหม่เลยทีเดียว
ยาวเสร็จไวกว่าสั้นต้อง
High Grade Micro USB Cable นี่เลยครับ http://www.arduino.in.th/product/327/high-grade-micro-usb-cable
แต่ละคน … เล่นฮาเสียสาวๆไม่กล้ามาร่วมสนธนาเลยนะครัชชช
กลัวออกทะเล แชร์ ความรู้พื้นฐานนิดนึงครับ
สมมุติว่าตวามยาวของสาย คือ ความต้านทานการนำกระแสไฟฟ้านะครับ
V=IR —>
นำกระแสได้ดีรึเปล่า I= V/R ampere
ทีนี้มาเข้าเรื่องตรงที่ สายสั้นยาว แบบไหนชาร์ตเร็วหรือนำกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่ากัน
R= ค่าความต้านทานหรือนำกระแส โดยที่
R=P*l/A
p= สัมประสิทธิ์ ของตัวนำ ง่ายๆคือ สายทำมาจากวัสดุอะไร นำกระแสดีแค่ไหน
l= ความยาวของสาย ตามโจทย์ คือ สั้นยาว ต่างกัน
A=พื้นที่ คือ ขนาดของสายตัวนำใหญ่หรือเล็ก ถ้าใหญ่นำกระแสได้ดีกว่า แต่ข้อเสียคือแพงเล็กนำกระแสได้น้อยกว่า
สรุปคือ คือการทดสอบทำแค่วัดค่าแรงดันตกคร่อมพอครับ ถ้านำกระแสดี แรงดันตกน้อย คือชาร์ตไฟได้ไว หรือเช็คว่าสายไหนมีค่าความต้านทานต่ำสุด สายเส้นนั้นเอามาชาร์ตไฟได้ไวสุดประมาณนี้ครับ
ใครอยากได้สายความต้านทานต่ำๆเอาไว้ช๊าค Search ใน eBay ว่า" 18 AWG micro USB " แต่สายที่จะเจอมัน Sync ไม่ได้มั้ง ผมซื้อเส้น 2 เมตร มายังช๊าตเร็วพอๆกับสาย HTC ที่ยาว 1 เมตร เส้น 30 เซน อีกอันเอามาช๊าตกับคอม
แบบ Sync ได้ผมเจอของ LG 20 AWG(power)/28 AWG(data)
จริงๆ ผลการทดลองมันก็บอกแล้วนะครับว่า "จากการทดสอบ" สมมติฐานนี้ผิด
ดูที่ระยะ 30 ซม. กับ 1 เมตร ระยะห่างกันมากที่สุดในแต่ละช่วงทดสอบ(70 ซม.)แค่กระแสไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย แต่พอขยับเพิ่มอีกแค่ 30 ซม. กระแสก็ลดลงฮวบ
ว่าด้วย Maximum Transfer ใช้ทฤษฎี ของเทวินินและนอร์ตันมาคำนวนได้ ขอแค่ให้รู้ความต้านทานภายในสาย ใช้Nexus5 อยู่เวลาเสียบมันจะขึ้นว่าจะชาร์ทอีกกี่น่าที่เต็มเครื่องก็ใช้หลักการนี้ครับ แต่ใช้ว่าสายสั้นจะเสร็จเร็วถ้าใช้วัสดุตัวนำไม่ดี คงต้องไปศึกษาวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดีเรืองสายและการสูญเสียภายในสายก็ต้องดูฉนวนของสายอีกล่ะครับ
สาย USB ยิ่งใช้นาน คุณภาพยิ่งตกด้วยสิ (ไม่รู้เพราะผมพกไปไหนมาไหนหรือเปล่านะ) ตอนนี้สาย USB ที่ใช้อยู่ของ Samsung ตอนนี้ชาร์จเข้าแค่ 800 mAh (จากกระแส 1,800 mAh)
ขึ้นอยู่กับ Spec ของสาย ดูข้างกล่อง หรือถามคนขายครับว่ารองรับได้กี่ Amp
เคยซื้อของ Commy มีทั้งแบบ 1 A และ 2 A สายยาว 1 m เท่ากัน
อันที่จริงมันเป็นเพราะกระแสตรง (DC) มันไปได้น้อยกว่ากระแสสลับ (AC) เยอะครับ (นี่เป็นเหตุผลที่ทุกวันนี้เราส่งกระแสไฟเป็นกระแสสลับ เพราะถ้าเป็นกระแสตรง จะส่งไปได้ไม่ไกล อาจจะต้องมีสถานีปรับความต่างศักย์กันทุกๆ 1-2 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว) แถมถ้ายิ่งความต่างศักย์น้อย กระแสที่ได้ก็ยิ่งน้อยลงถ้าสายยาวขึ้น (นี่เป็นเหตุผลที่ต้องส่งกระแสไฟความต่างศักย์สูงๆ เพื่อให้ไม่สูญเสียพลังงานไปมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสม อย่างเช่น ถ้าส่งผ่านสายไฟฟ้าแรงสูงที่ต้องเดินทางไกลๆ จะต้องใช้ความต่างศักย์หลายแสนโวลต์ แล้วก็จะถูกแปลงลดความต่างศักย์มาเรื่อยๆจนถึง ความต่างศักย์ 220 โวลต์ตามบ้านน่ะแหละ)
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้สายชาร์จยาวๆ ผมแนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงต่อกับ adapter อีกที สายต่อนี้จะยาวซักแค่ไหนก็ได้ เพราะเห็นผลต่างน้อยมากๆ และสายชาร์จที่ต่อกับมือถือก็ไม่จะเป็นต้องยาวมากครับ ซัก 1 เมตรพอครับ
ดูดหัวปุ๊บตกใจ ออกทะเลไปไกล แต่ก็เข้ามาดู อยากรู้เหมือนกัน
ลองทดลองใหม่แบบควบคุมตัวแปรก็ดีนะครับ ข้อสรุปจะได้ชัดเจนครับ เห็นหลายคนท้วงใน comment เยอะ นะครับ
แต่ผมชอบนะมันเป็นการช่วยกันวิเคราะห์เหตุและผล เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่ดีและถูกต้องที่สุด ควรทดสอบใหม่แบบควบคุมตัวแปรด้วยจะดีมากและใช้อ้างอิงได้ในคราวต่อไปด้วยครับ
ขอเป็นกำลังใจครับ
ค้นหามาเจอ ขอเม้น หน่อยล่ะกัน เห็นคอมเม้นใส่ความรู้กันซะเยอะ
– ก็อย่างที่บทความว่าไว้แหละครับ ว่าสายแต่ละยี่ห้อ นั้นมีองค์ประกอบที่เราไม่รู้หลายตัว
เช่น ความบริสุทธิ์ของทองแดง ขนาดจริงของ หน้าตัดสายทองแดง อะไรทำนองนั้น
ถ้าเอาแค่ที่จะใช้งาน ไม่ต้องทฤษฏีจัดก็ได้ เน้นๆเลย
"ไปซื้อตัววัดกระแสมาใช้ซะ"
ผมเป็นช่างอิเล็กยังไม่คิดจะ มาคำนวนให้ลำบากเลย เรื่องมันง่ายๆ แค่ วัดจากการใช้จริง นั่นแหละค่าจริงที่ได้ ชัวน์ๆ เพราะจริงๆแล้วเราไม่รู้หรอกว่า ที่เราซื้อมาน่ะ จะได้ อย่างที่ถลากบอกรึเปล่า