กระทรวง ICT ได้ออกมาเปิดเผยข่าวแล้วครับ ว่าตอนนี้ได้ส่งตัวแทนไปเจรจากับ Facebook และ LINE เพื่อขอตรวจสอบและสั่งปิดกลุ่มคนที่ละเมิดประกาศของ คสช. โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปิด Facebpook Pages ไปกว่า 100 เพจแล้ว ส่วน LINE นั้นกำลังหาทางประสานเพื่ิอขอปิด LINE Group ที่ทำผิดประกาสของ คสช. คาดว่าอาจต้องถึงขั้นส่งตัวแทนบินไปเจรจาถึงประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวโดยก่อนหน้านี้ก้ได้มีการส่งตัวแทนไปเจรจาที่สิงคโปร์แล้ว 5 ครั้ง และส่งไปเจรจาที่ญี่ปุ่น 3 ครั้งด้วยกัน แต่ไปในนามของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แต่คราวนี้จะส่งไปในนามของกระทรวง ICT เป็นครั้งแรก ซึ่งดำเนินตามมาตรการของ คสช.ที่มา : posttoday

ต้องบอกว่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ Sony เองยังไม่เคยเอาระบบการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายหรือ Wireless charging มาใช้งานบนมือถือ Xperia เลยแม้แต่รุ่นเดียว ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะว่าทาง Sony เลือกที่จะผลิต Magnetic docking หรือแท่นแม่เหล็กสำหรับชาร์จแบตมากกว่าแต่มาวันนี้ Sony ก็ได้ทำเปิดตัว Wireless Charging Cover (WCR12) ซึ่งเป็นเคสฝาฟลิปที่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ qi wireless charger ของยี่ห้อไหนๆ ก็ได้

ในที่สุด Apple ก็เข้าทำการซื้อ beats audio อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วในราคา 3 พันล้านเหรียญ (ประมาณหนึ่งแสนล้านบาท) นับเป็นการซื้อกิจการที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple เลยทีเดียวการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ถูกมองว่า Apple นั้นสนใจบริการสตรีมมิ่งอย่าง beats music ที่ลูกค้าสามารถฟังเพลงแบบไม่อั้นและจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน ซึ่งทาง Apple เองก็มีแผนที่จะเปิดบริการสตรีมมิ่งแทนการจ่ายเงินซื้อเป็นเพลง แต่น่าจะติดปัญหาในเรื่องของลิขสิทธิ์หรือกฏข้อบังคับบางอย่าง เลยยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ การเข้าซื้อ beats audio เพื่อเข้าถึงบริการ beats music จึงเป็นทางลัดที่เร็วกว่า ถึงแม้ว่าตอนนี้ยอดสมาชิกของ beats music จะไม่สูงมากนัก อยู่ที่ราวๆ แสนกว่าคน

มาเป็นชุดเลยทีเดียวกับ HTC One M8 Ace ลูกพี่ลูกน้องของ One M8 ในร่างพลาสติก ซึ่งต้องบอกว่าข้อมูลและภาพที่หลุดมาในครั้งนี้นั้นเยอะและละเอียดมาก เหมือนเอาใบโบรชัวร์หรือใบข้อมูลสินค้ามาให้ดูกันแบบเต็มๆโดยจากลักษณะภายนอกนั้นผมมองแล้วมันเหมือนกับเอา One M7 มารวมร่างกับพลาสติกของ Butterfly ในสไตล์ Unibody แต่ภายในนั้นใส่เครื่องยนตร์ของ One M8 นั่นก็คือ Snapdragon 801 มาด้วยนั่นเอง 

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเรียบร้อยสำหรับ LG G3 ถึงแม้บรรยากาศในงานจะไม่ค่อยอลังการสักเท่าไหร่ แถมการพรีเซนต์ก็แอบยืดๆ ไปนิด (หรือผมง่วงก็ไม่รู้) แต่ทั้งหมดนี้ให้อภัยได้ เพราะเท่าที่ดูแล้ว LG G3 ถือว่ามีของ!ทาง LG เองได้นิยาม G3 ใหม่ โดยให้สโลแกนว่า "Simple is the New Smart" สมาร์ทโฟนที่ดีต้องใช้งานง่าย ไม่ต้องการคู่มือเพื่อเรียนรู้ที่จะใช้งาน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมารวมกัน และเตรียมพบกับประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุด ตั้งแต่ LG เคยทำมาไหนๆ ก็พูดถึงเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแล้ว งั้นเรามาดูสเปคของ LG G3 กันก่อนเลยดีกว่า ว่าดีที่สุดจริงหรือเปล่า

ติดตามถ่ายทอดสดงานเปิดตัว LG G3 จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษได้คืนนี้ เวลา 23:30 น.สามารถร่วมรับชมไปพร้อมๆ กันได้ที่ Blog นี้

ยอดขายมือถือของ LG ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2014 นั้นพุ่งกระฉูด จนล่าสุดทำให้บริษัททะยานขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ของผู้ทำรายได้จากมือถือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ LG เดินเข้าสู่วางการมือถือโดยยอดขายรวมของ LG ในช่วง 3 เดือนแรกนั้นอยู่ที่ 3.18 พันล้านเหรียญ (ราว 1 แสนล้านบาท) ส่วนอันดับ 1 และ อันดับ 2 ยังไม่เปลี่ยนแปลง ต้องยกให้ Samsung และ Apple ตามลำดับ

หลังจากที่ vivo(วีโว่) ได้วางขาย vivo X3S เมื่อเดือนที่แล้วในราคา 12,990 บาท แต่หาซื้อยากเพราะเห็นขายแต่ที่ MBK จนเมื่อวานนี้ผมไปเดินเล่นที่ฟอร์จูน ก็เลยได้เห็นว่าตอนนี้ vivo เริ่มมีวางจำหน่ายตามร้าน IT เพิ่มขึ้นแล้วครับ และก็ได้ไปเห็น vivo Y15 และ vivo Y22 เพิ่มอีก 2 รุ่นทั้งสองรุ่นมั้นมีสเปคหลายอย่างเหมือนกันครับ จะต่างกันที่เรื่องของ หน้าตา, RAM, และกล้องเท่านั้น สำหรับ vivo Y15 นั้นตั้งราคาไว้ที่ 5,990 บาท ส่วนราคาของ vivo Y22 นั้นอยู่ที่ 6,990 บาท 

HTC One M7 ได้รับอัพเดทเป็น Android KitKat 4.4.2 พร้อม Sense UI 6 แล้วจ้า~วันนี้ผู้ใช้งาน HTC One M7 ในบ้านเราน่าจะได้รับการแจ้งอัพเดทซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ 5.12.707.104 ซึ่งมีขนาด 670.63MB ครับ โดยในไฟล์อัพเดทชุดนี้ก็จะมาพร้อม Android KitKat 4.4.2 พร้อมกับ Sense UI เวอร์ชั่น 6 ซึ่งหลังจากอัพเดทแล้ว หน้าตาก็จะละม้ายคล้ายกับ UI ของ One M8 นั่นเอง

ไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็น Apple และ Google นั้นโดนฟ้องพร้อมๆ กัน และคนที่ฟ้องคือพนักงานของพวกเขาเองในกรณี "สมคบคิดเรื่องการจ้างงาน" ซึ่งไม่เพียงแต่ Apple และ Google เท่านั้น แต่ยังมี Intel, Adobe, Pixar, Lucafilm และ Intuit ร่วมอยู่ด้วย โดยมีพนักงานจากบริษัททั้งหมดนี้รวมกันถึง 64,000 คนร่วมฟ้องบริษัทของพวกเขาเองเรื่องราวเป็นมายังไงนั้น ก็ต้องขอบอกว่าในช่วงปี 2005-2009 นั้น เหล่าบริษัทไอทีใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริกานั้นเหมือนจะมีการตกลงกันอย่างลับๆ ว่าจะไม่มีการซื้อตัวพนักงานของอีกบริษัทหนึ่ง พูดง่ายๆ ว่าจะไม่มีการล้วงลูกนั่นเอง ซึ่งข้อตกลงนี้ช่วยให้บริษัทยักษ์ใหญ่ สามารถกดค่าแรงและเงินเดือนของหนักงานเก่งๆ ไม่ต้องจ่ายค่าแรงแพงๆ ได้ เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครมาเสนอซื้อตัวหรือจ้างให้ออกจากงานไปนั่นเอง