คงปลอมครับ
– เรื่องราคา คงต่ำเกินไป ขนาดราคาเครื่อง demo ยังแพงกว่านี้เลยครับ
– อีกจุดคือ เลขรุ่นครับ S3 ที่ใช้ Android เลขรุ่น 4.1.9 นั้นไม่มีอยู่จริงครับ
อันที่จริง S3 ที่เพิ่งอัพเดทกันไปก็แค่ 4.1.2 เองครับ
แถม Nexus เองก็ไม่มีรุ่น 4.1.9 แน่นอน
ถ้าเอาจริงๆ ลองทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน ก็คงบอกอะไรได้ชัดขึ้นครับ
เพราะลง custom rom, kernel ครับ เลยโหลดผ่าน OTA ไม่ได้
ถ้าจะโหลดผ่าน OTA ต้องเป็นรอมศูนย์แท้ๆจากโรงงานเท่านั้นครับ
ไม่งั้นก็ต้องใช้ odin โหลดเฟิร์มแวร์รุ่นก่อนหน้ามาลงทับไปก่อน (รูทหลุดแน่ๆ รูปกับแอพน่าจะอยู่ ถ้าใช้รอมศูนย์ ) และค่อยอัพเดทผ่าน OTA
หรือไม่ก็รอรอมตัวเต็มหลุดมา ก็โหลดและติดตั้งผ่าน odin (เช่นกัน รูทหลุด รูปกับแอพน่าจะอยู่ ถ้าใช้รอมศูนย์)
ซึ่งรอมก็หาได้จาก samfirmware ครับ
กรณีนั้นต้องรุ่นล่าสุดเลยครับ v1.8.8 และต้อง Philz_touch รุ่นล่าสุด v4.00-b04 ด้วยนะครับ
ผมใช้รอมศูนย์ + Siyah kernel ก็ว่าโอเคนะครับ
ถ้าจะลง kernel ผมว่า Siyah ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ
ฮาร์ดแวร์ถ้าเหมือนกัน (GT-I9300 หรือ GT-9300T) ก็ไม่ต่างกันในเชิงฮาร์ดแวร์ พวกนี้จะต่างกันในด้านซอฟท์แวร์เสริมหรือการปรับแต่งให้เข้ากับเครื่องข่ายประเทศนั้นๆ (APN) รวมถึงภาษาในเมนูต่างๆ
ตามทฤษฏีก็สามารถแฟลชรอมข้ามโซนเพื่อให้ทำงานได้ครับ
แต่ข้อเสียที่สำคัญคือเวลาฮาร์ดแวร์มีปัญหา ไม่สามารถรับบริการจากศูนย์ในเมืองไทยได้ (หรืออาจจะโดนชาร์ตค่าบริการพิเศษ)
ส่วน S3 ปัญหาชื่อดังตอนนี้ก็ sudden death ครับ คือมีความเสี่ยงที่เครื่องจะเดี้ยงได้ตลอดเวลา ประเภทที่ว่าชาร์ตทิ้งไว้ก่อนนอน พอตื่นขึ้นมา ถึงขั้นเครื่องเปิดไม่ติด หรือเปิดได้แต่ไม่สามารถกู้เครื่องให้กลับมาใช้งานได้ ต้องส่งศูนย์เปลี่ยนบอร์ดสถานเดียว แม้จะใช้รอมศูนย์แท้ๆไม่รูทก็ตาม
ซึ่งโดยทั่วๆไปจะไม่แนะนำให้ซื้อเครื่องหิ้ว ถ้าไม่พร้อมที่จะรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจ โดยสนใจแต่ว่าถูกเข้าว่าเพียงอย่างเดียว
ตั้งรหัสผ่านล็อคเครื่องให้มี 6 ตัวอักษรและต้องมีตัวเลข 1 ตัวรึยัง !!
ต้องทำสองอย่างดังรูปครับ (อ่านสองประโยคสุดท้ายครับ) ซึ่งคุณยังไม่ได้ทำ
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ มันจะเน้นสองประโยคที่คุณต้องทำเป็นตัวหนาครับ
– เสียบชาร์ต
– ตั้งรหัสผ่านให้มีเงื่อนไขตามนั้น
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ไม่มีทางครับ
ครั้งต่อไปก็น่าจะระบุตำแหน่งรูปถ่ายให้ลงที่ external sdcard นะครับ เพราะถ้ายามฉุกเฉินจริง เช่น เครื่องตายแบบไม่ฟื้น ที่เป็นข่าวกันอยู่น่ะ จะได้โดน factory reset ก็ไม่เป็นไร
ปล. คุณใช้ Google Photos รึเปล่า ถ้ามี มันอาจจะโดน sync ขึ้นไป (https://plus.google.com/photos/) แล้วก็ได้นะครับ โชคดีครับ
ซัมซุงสัญญาว่า_จะ_ปล่อยซอฟท์แวร์มาแก้ปัญหาชื่อกระฉ่อน (Sudden Death) แต่ก็ยังไม่มีตัวไหนที่ซัมซุงออกมาฟันธงว่าแก้แล้วแน่ๆครับ
ส่วนตัวคิดว่า ไม่น่าใช่ show stopper เพราะส่วนใหญ่ถ้าเรื่องนี้จริง มันเกิดในหนึ่งปีครับ(ประกันน่าจะครอบคลุม) และซัมซุงน่าจะออกเฟิร์มแวร์หลีกเลี่ยง/แก้ปัญหานี้ได้ก่อนที่คุณจะเกิดปัญหาครับ
“Outdoor visibility” หรือในภาษาไทย “ถ่ายกลางแจ้ง” ตามคู่มือการใช้งานภาษาไทยอธิบายไว้ว่า
“ตั้งค่าเพื่อปรับปรุงความเข้มของหน้าจอภายใต้แสงอาทิตย์จ้า”
นั้นเป็นตัวเลือกเพื่อเร่งแสงสว่างในหน้าจอครับเพื่อให้เห็นปุ่มต่างๆกลางแดดจ้าได้ (ให้สู้แสงได้) ไม่ใช่ Shooting mode ใดๆครับ
เท่าที่ฟังวิธีการทดสอบก็ยังไม่ชัด อยากให้ลองชาร์ตจนเต็ม 100% แล้วปลดสายทันที แล้วดูบนจอ ถ้าเหลือ 99-100% นี่โอเค แต่ถ้าวูบเลยนี่มีปัญหาแล้วครับ
เอาจริงๆ ก็มีหลายปัจจัย มีเรื่องระบบการตัดไฟของเครื่องเอง ปกติเพื่อป้องกันความร้อนและยืดอายุแบต เมื่อชาร์ตเต็มปุ๊บ เครื่องจะตัดไฟชาร์ตทันที (ป้องกัน overcharge) และแจ้งสถานะเป็น 100% ไว้ แต่ระหว่างที่ยังไม่ได้ถอด แบตก็อาจมีการคลายประจุ หรือมีการใช้งานแบต ทำให้ความจุเมื่อถอดอาจจะไม่ใช่ 100% ซึ่งถ้าลงไม่เกิน 1% ก็ถือว่าพอเป็นไปได้
ก็เอางี้ ลอง calibrate battery level ดูครับ ง่ายก็ ปิดเครื่องถอดแบต ทิ้งไว้สักพัก (เช่น ห้านาที) แล้วเสียบกลับเข้าไปแล้วบู๊ตใหม่ อาการน่าจะดีขึ้น
คือเครื่องมันไม่รู้หรอกว่าแบตมันเท่าไร มันจะเอาระดับ voltage สูงสุดตั้ง แล้วก็วัดระดับความดันแบตฯ (voltage) ปัจจุบัน แล้วเอาไปเทียบกับมาตรฐาน ก็จะพอบอกได้คร่าวๆว่าแบตเหลือเท่าไร ทีนี้ก็ถ้าแบตใช้ไป มันก็เริ่มเสื่อม ระดับ voltage สูงสุดก็จะลดลงเรื่อยๆ ดังนั้น ก็อาจจะเจอประเภท ถอดปลั๊กปุ๊บ จาก 100% (plugged) กลายเป็น 98% เป็นต้น เพราะระดับ voltage สูงสุด มันสูงไปแล้ว
วิธีดังกล่าวจะทำให้เครื่องลืมระดับ voltage สูงสุดเดิม แล้ววัดใหม่จากค่าจริงๆ ก็น่าจะทำให้มันตรงขึ้น
คุณลองเข้า flight mode ก่อนนอนสิ แล้วปิด WiFi, Data แล้วมันยังลงแบบนี้อีกไหม
หรือโหดกว่านั้น ชาร์ตเต็ม ปิดเครื่อง ถอดแบต แล้วนอน ตื่นมา เสียบแบตแล้วบู๊ตเครื่อง แบตเหลือประมาณ 99-98% รึเปล่า ถ้าใช่แบตไม่เสื่อม มันจะกลายเป็นที่สภาพแวดล้อมกับการใช้งานแทน
มันมีปัจจัยเยอะมากที่ทำให้แบตมันร่วง
– คุณภาพสัญญาณโทรศัพท์ 3G/2G: 3G ใช้พลังงานมากกว่าในการส่งข้อมูล แต่ส่งแต่ละครั้งได้เร็วกว่า 2G ใช้พลังงานในการ standby น้อยกว่า แต่รับส่งข้อมูลได้ช้ากว่า อาจจะทำให้ซีพียูตื่นนานกว่า แล้วถ้าห้องนอนอยู่ในจุดอับสัญญาณ 3G แล้วต่อแบบ 3G อันนี้อนาถสุด เพราะเครื่องต้องเร่งสัญญาณส่งให้แรงกว่าเดิมเพื่อชดเชย
– หลายคนไม่รู้ว่า WiFi ก็มีปัญหา จริงๆตัว router เป็นสาเหตุหนึ่งได้เหมือนกัน เพราะหลายเครื่องที่ใช้ DHCP ตัว router ส่ง packet มาเป็นระยะเพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์ยังอยู่ ซึ่งเครื่องจะตื่นขึ้นมาราวๆ 3-6 วินาทีต่อครั้ง (wlan_rx kernel wakelock) ซึ่งถ้าส่งถี่ๆก็ไม่รอด ลองใช้ “Better Wifi On/Off” ที่มันจะปิดระบบ WiFi เมื่อปิดหน้าจอ
– แอพตัวแสบๆ เช่น Google Now ที่เปิด Background location services/location history, LINE มันตื่นเพื่อ sync ข้อมูลเยอะมาก แม้กระทั่ง Flight mode มันยังตื่น!, ฯลฯ
จริงๆ ถ้ามันปรับแต่งดีๆ จะเหลือประมาณ 0.8-1.0%/hr ได้
น่าจะต้อง calibrate ใหม่ ง่ายๆก็ลองปิดเครื่อง ถอดแบตทิ้งไว้สักห้านาทีค่อยใส่กลับเข้าไปใหม่ครับ
แล้วค่อยดูผล
ถ้าคุณ backup ที่ Recovery Console ก็เป็นอย่างนั้นแหล่ะครับ
เปรียบกับพีซี มันเหมือนแบ็คอัพทั้งดิสก์ พวกโกสท์ หรือทำอิมเมจไว้ ดังนั้นแม้จะอัพเกรดวินโดว์สรุ่นใหม่ ถ้าเอาโกสท์อิมเมจมาคืนทับครับ
แต่ถ้าเครื่องรูทแล้วคุณสามารถใช้โปรแกรมพวก Titanium Backup มาแบ็คอัพรายโปรแกรมครับ
ลอง clear data/cache ดูครับ
Settings > Application manager > Google Play Store > [Clear data]
Settings > Application manager > Google Play Store > [Clear cache]
