เรื่องการชาร์ท มีปัจจัยมากอยู่พอสมควรครับ …
การที่จะชาร์ทได้เร็ว หรือช้า ก็ขึ้นกับตัว Power Supply ที่จ่าย ถ้าจ่ายกระแสได้มาก ก็ชาร์ทได้เร็วกว่า แต่ตัวอุปกรณ์ เช่น Galaxy Tab น่าจะมีการป้องกันการชาร์ทที่กระแสเกินกว่าปกติเอาไว้ เพราะหากชาร์ทด้วยกระแสที่สูงมาก วงจรภายในก็จะร้อนจัด จนทำให้เกิดความเสียหายได้
และตัว Power Supply เอง ถ้าเราใช้ Power Supply ตัวเล็กๆ จ่ายกระแสได้น้อย มาชาร์ทตัวอุปกรณ์ที่สามารถรับกระแสได้สูง ตัว Power Suypply เองก็อาจจะเกิดปัญหาได้
ตัว Power Supply อาจจะมีวงจรป้องกัน โดยอาจจะหยุดการทำงานเมื่อประแสเกิน หรือแผงวงจรร้อนเกินไป หรือสามารถจำกัดกระแสที่จ่ายออกมาได้ ซึ่งส่วนนี้ขึ้นกับการออกแบบ แต่ถ้าเราใช้งาน กระแสเกินกว่าการใช้งานปกติบ่อยๆแล้ว ในระยะยาวมันก็มีโอกาสทำให้ Power Supply เสียหายได้ เนื่องจากมีความร้อนสูงมาก เกิดขึ้นบ่อยๆ
ยกตัวอย่าง …
ตัว Power Supply ของ Samsung Galaxy Tab ตาม Spec. ที่ตัวบอกว่าจ่ายได้ 2A ถ้าเราเอา Galaxy Tab ไปชาร์ท ด้วย Power Supply ที่มี Spec. บอกว่า 1A โดยไปหลอกให้ Galaxy Tab ไม่จำกัดกระแสชาร์ท
ตัว Galaxy Tab ก็จะดึงกระแสมากเท่าที่จะมากได้ โดยไม่เกิน 2A (ถ้า Galaxy Tab มีวงจรจำกัดกระแสชาร์ทให้ไม่เกิน 2A) ทำให้ตัว Power Supply 1A ที่เราเอามาใช้งาน แม้ว่าจะดูเหมือนชาร์ทได้เร็วพอๆกัน แต่เราใช้งานเกินกว่ามาตราฐานที่ควรจะเป็น ทำให้อาจจะเกิดความเสียหายกับตัว Power Supply ได้ (หรืออาจจะเห็นว่าชาร์ทได้ช้ากว่า ถ้า Power Supply มีการจำกัดกระแสที่ออกมา)
และการวัดอัตราการชาร์ทด้วยการจับเวลา ต้องพยายามทำให้ตัว Galaxy Tab กินไฟเท่าๆกันด้วย เพราะถ้า Galaxy Tab กินไฟมาก เช่นเล่นเกมส์ และปรับความสว่างหน้าจอสูงสุด ก็จะเห็นว่าชาร์ทได้ช้ากว่า เมื่อชาร์ทขณะที่ใช้ Galaxy Tab แค่ดู Web และปรับความสว่างหน้าจอปานกลาง