ขออนุญาตนะครับ

หวังว่าจะช่วยอะไรได้ไม่มาก ก็น้อยครับ

http://www.geekgok.com/2011/10/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-google-map-%E0%B8%9A%E0%B8%99-android-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-1/

ขออนุญาต นะครับ

ลองดูจากลิงค์ของผมด้านล่างนี้เลยครับ

http://www.geekgok.com/2011/09/android-%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-web-services-json/

ทำไมตอนวนลูป คุณใช้ตัวแปร result แต่พอตอนรับค่าใน loop กลับใช้ result1 ล่ะครับ งง….

อยากเห็น code เต็มๆ กว่านี้น่ะครับ

แบบ App นี้หรือเปล่าครับ ^ ^
https://market.android.com/details?id=com.droidmanga

ของผมมันเป็น Gallery แต่ใช้หลักการเดียวกับ List ครับ
ที่สำคัญ ถ้ามีการเล่นกับรูปเยอะๆ ต้องจัดการให้ดีๆด้วยนะครับ
โค๊ดส่วนหลักๆ จะอยู่ใน geekgok.sample.gallerypack ครับ

ลองดูตัวอย่างโค๊ดบางส่วนครับ
http://www.geekgok.com/file/GalleryGeekgok.rar

ตามนี้ครับ

http://www.geekgok.com/2011/10/android-location-based-services/

ตามความคิด กับประสบการณ์ที่ผมก็ใช้มือถือ มารัน code โดยตลอดนะครับ

1. เครื่องราคาถูก ถ้าเสียไม่ถึงกับนั่งร้องไห้ อดข้าวเพื่อซื้อเครื่อง
เหตุผล เพราะว่าเครื่องต้องถูกเสียบเข้า เสียบออกกับคอมพ์บ่อยมากๆ เจอ app ที่เราเขียนเทสไปพังระบบมันเยอะมากๆ เปิดมือถือค้างไว้ตลอด ปิดเปิดนั่น ลบนี่ตลอด (ว่าง่ายๆ มันคือที่รองมือรองเท้าเลยล่ะครับ หรืออาจจะมีแค่ผมคนเดียวก็ได้ ^ ^)

2. ขนาดหน้าจอ ขอให้อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ถึงกับเล็ก หรือใหญ่สุดแบบ HTC Sensation XL (4.7″) เพราะขนาดหน้าจอที่คุณใช้ทดสอบ app มีผลต่อการเขียนโปรแกรมของคุณเช่นกัน

3. อย่าซื้อ Tablet ถ้าคุณเป็นคนเริ่มต้นเขียนโปรแกรม หรือยังไม่เคยใช้ android มาก่อน ผมแนะนำว่าให้ซื้อเป็นมือถือดีกว่าครับ เหตุผลของผมก็คือ มือถือมีคนใช้เยอะกว่า (รวมถึง app ที่อยู่บนมือถือด้วย) และที่สำคัญ มือถือให้ผลลัพธ์คนละอย่างกับ Tablet (ในการเขียนโปรแกรม)

4. หน้าตามือถือ ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเอาโปรแกรมที่เขียนไปพรีเซนต์ด้วย แนะนำให้หามือถือหน้าตาดีๆครับ เพราะมันมีผลให้โปรแกรมของคุณดูดีขึ้นได้ (เยอะมากทีเดียวครับ)

ที่เหลือก็ งบประมาณ, ความพึงพอใจ, Brand เป็นต้น

ส่วนเรื่องการสั่งงานด้วยเสียง ผมว่ามันก็สามารถทำงานได้คล้ายคลึงกันในเกือบทุกรุ่นครับ

Eclipse มันช้าอย่างนี้แหละครับ

กด Ctrl+Space ช่วยเอาครับ

ถูกต้องเลยคร๊าฟฟฟ

โปรแกรมที่ใช้เขียนก็เหมือนกับเขียนโปรแกรมบน Android เลยครับ
Eclipse + Android SDK

ส่วนถ้าอยากรู้ว่าแนวไหนดี อย่างแรกแนะนำให้ไปดูใน Market ก่อนครับ
https://market.android.com/apps/APP_WALLPAPER

ดูว่าอันไหน คนดาวน์โหลดเยอะ, Editor choice, หรือคนซื้อเยอะ ศึกษาข้อดีข้อเสียของเขา
แล้วปรับมาใช้ในสิ่งที่เรากำลังจะเขียนครับ

ส่วนถ้าอยากดูที่สวยๆงามๆ ดูเว็บนี้เลยครับ
http://mycolorscreen.com/

ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นคนเดียวกันกับที่มาถามผมใน facebook หรือเปล่า? แต่ว่าเดี๋ยวตอบให้อีกทีละกันครับ

Google API จะมี API ในการขอเส้นจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลายทาง
โดยที่ Data ที่ Google API จะส่งมาให้เรานั้น จะเป็น Array ของจุดต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น
จะเดินทางจากจุด A ไป Z ต้องเดินจาก A ไป B ด้วยระยะทาง 2 km แล้วเลี้ยวขวาไปจุด C ………. จนถึง Z

Google API ก็จะส่ง Data เป็นเซต {A(lat, lng), B(lat,lng), C(lat,lng), ………, Z(lat, lng)}
(ยกตัวอย่างนะครับ ข้อมูลจริงๆ อาจจะเปลี่ยนรูปร่างนิดหน่อย)

หลังจากนั้นเราก็นำข้อมูลเหล่านี้มาวาดเป็น Path ขึ้นมาบนแผนที่ของเรา

เรียงลำดับขั้นตอนการทำงานก็คือ
1. ต้องสร้าง Services ขึ้นมาครับ
2. Services ตัวนี้ต้องไปดึงข้อมูลจาก Google api เพื่อเอาจุดเส้นทางมา
3. ลากเส้นเชื่อมต่อจุดเส้นทางเหล่านั้น
4. Serialize ให้เป็น KML
5. Services ตัวนี้ต้อง return ค่าออกมาเป็น KML
6. ให้ Android เรียก Services เพื่อเอา KML มาวางบน Map ครับ

ส่วนวิธีการสร้างแผนที่ และปักจุด หาอ่านได้ที่เว็บผมครับ กำลังจะเขียนเพิ่มในส่วน ปักจุด และ Service ที่ใช้ดึงข้อมูลที่อยู่ปัจจุบันขึ้นมาครับ

http://www.geekgok.com

ตอนนั้นผมเคยคิดจะทำโปรเจคต์ วุ้นแปลภาษา (ของวิเศษของโดเรมอน) น่ะครับ
โครงสร้างหลักๆของโปรแกรมจะมีอยู่ 3 ส่วนครับ

1. Voice Recognition (รับเสียงพูดภาษาไทย แปลงไปเป็นตัวอักษร เหมือนของคุณ)
2. Machine Translation Thai to English
3. Text to Speech

ปัญหามันติดอยู่ที่ใหญ่ๆเลยก็คือ ตัว Voice Recognition ครับ ขณะนี้ยังไม่มี library Voice Recognition ที่เป็นภาษาไทยเลย (ที่ Nectec อาจจะมี)
ซึ่งทำให้คุณต้องเขียนเอง โดยองค์ความรู้ที่ต้องมีเลยก็คือ
1. AI (Machine Lerning)
2. ความรู้เกี่ยวกับเสียง (คลื่นเสียง)
3. Algorithm เจ๋งๆ ที่ใช้จัดการ

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ต้องใช้ครับ ซึ่งทั้งหมดแล้วทำให้ผมเลิกไปกลางคันก่อนครับ

การคำนวณระยะทาง ว่า ร้านไหนใกล้กับตัวเรามากที่สุด จริงๆจะใช้ api ที่มีอยู่แล้วก็ได้ครับ แต่ผมแนะนำว่าลองเขียนมาใช้เองจะดีกว่า แล้วตัวเราจะเข้าใจหลักการทำงานด้วย

อธิบายคร่าวๆนะครับ

สมมติว่า ตัวผมอยู่ที่ Lat 14.000 Long 100.000 (สักที่ในประเทศไทย) ผมต้องการค้นหาร้าน Starbuck ที่ใกล้ที่สุด (ซึ่งผมมีฐานข้อมูลร้าน Starbuck ทั่วประเทศอยู่แล้ว)

หลักการสามารถทำได้ 2 วิธีครับ คือ
1. ให้ Server ส่งข้อมูล Starbuck ทั่วทั้งประเทศมาทั้งหมด หลังจากนั้นเราก็นำข้อมูลมาจัดเรียงตามความใกล้ไกล โดยใช้ฟังก์ชันที่เราเขียนบน application เช่นผมตั้งชื่อว่า NearbyService เป็นต้น ตัวนี้ก็จะจัดเรียงร้านที่ใกล้ไกลให้เราอัตโนมัติ

ข้อเสียคือ เราต้องดึงข้อมูลทั้งหมด มาจาก Server ซึ่งจะโหลดข้อมูลได้ช้ามากกกกก

2. ให้ Server เป็นตัวจัดการ คือเราต้องส่งพิกัดที่เราอยู่ไปให้ Server เช่นผมส่งไป lat=14.00&lng=100.00 หลังจากนั้น Server ก็จะคำนวณร้านให้ ตามฟังก์ชัน NearbyService แล้วก็ส่งร้านที่คำนวณ จำนวน 10 ร้านแรกให้กับเราครับ

สำหรับฟังกชัน NearbyService เราก็สามารถเขียนได้หลากหลายวิธี (ลองใช้ Keyword เหล่านี้หาใน Google ดูครับ)
1. distanceVincenty
2. haversineFormula
3. pythagorean theorem

ตามนี้ครับ

เขียนให้แล้วนะครับ โหลดได้ตาม URL ด้านล่างครับ
ส่วนเรื่อง Surface ต้องรอหน่อยนะครับ ^ ^

www.geekgok.com/file/FingerPaint.rar

ตามลิงค์นี้เลยครับ http://www.tutorialforandroid.com/2009/06/drawing-with-canvas-in-android.html

อธิบายคร่าวๆ นะครับ step การทำงานจะมีอยู่ 3 ส่วนหลักๆด้วยกัน คือ

1. ส่วนของ Activity จะเป็นส่วนในการ set brush ที่จะวาดลงบน canvas ครับ
หมายเหตุ บรรทัดที่ 14 ไม่มี

2. ส่วนของ Ontouch event จะตรวจจับการ Touch ของเราบน Canvas ครับ
โดยจะเก็บตำแหน่ง X,Y แล้วสร้าง Path ขึ้นมา แล้วเก็บไว้ใน Arraylist ครับ

3. ส่วนของ OnDraw จะเป็นส่วนที่นำ Path ทีได้หลังจากเกิด event Ontouch มาวาดลงใน Canvas ครับ

ลองเอาไปพัฒนาเพิ่มเติมดูนะครับ

สำหรับโปรแกรมแบบนี้ ต้องลองไปศึกษา Broadcast Reciever ครับ

ตัวนี้จะทำให้เราสามารถรัน Services ได้ทันที ตามที่เรากำหนด event ให้กับโปรแกรมครับ

แบบตัวอย่างนี้ (ที่ใส่ใน androidmanifest.xml)

ผมต้องการให้ Service PhoneReciever ทำงานทุกครั้งที่
1. Boot completed
2. Phone state คือ เปลี่ยนสถานะของการโทร เช่น รับสาย, โทรเข้า, โทรออก เป็นต้น

ส่วนของ Service คุณก็ต้องไปสร้างเอง

ตัวอย่างครับ

public class PhoneReciever extends BroadcastReceiver {

public void onReceive(Context context, Intent intent) {
…………
}
}