Replies from expleang
จบหรือยังครับ???? เอาเป็นว่าผมชี้แจ้งกับคุณครับสุดท้ายล่ะกัน
1. คำว่า คนไทยบางส่วน คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงโดยใช้คำว่า แต่บางทียังมีการใช้การเรียกผิดหรือใช้ศัพท์ย่อมที่ผิดเป็น R ก็จบ เพราะมันสอนมาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว กับคำว่า R ในใช้เรียก ขนาดอาจารย์ผมเมื่อ 18ปีที่แล้วสมัยเรียน อิเลคฯตอน ม.ปลาย(ผมเรียกเอกวิทย์ วิชาเลือก ไฟฟ้าและอิเลคฯ) เค้าก็สอนมากับผมเลย คำว่า “ตัวต้านทานหรือเรียกง่ายๆว่า R” เค้าสอนมาแบบนี้ผมก็จำมาแบบนี้ เรียกจนติดปาก ขนาดไปคุยกะคนอิเลคฯเหมือนกัน บอกไปซื้อ R ค่านี้มา มันก็ไปหามาถูก แต่ช่างมันจบประเด็นไปแล้ว เพราะผมไม่พอใจกับคำจำแนก คนไทยบางส่วน กับความรู้สึกที่มองว่าเอ้ย “ไอ้นี่มันผิดเว้ย” มันทำให้แตกแยก ผมอาจจะคิดเองเออเองก็ได้ งั้นผมก็ใช้คำว่า ผมเป็นคนไทยบางส่วน ที่คิดเองเออเอง คุณอ่านแล้วรู้สึกไปในทางบวกหรือ มองในเชิงลบมากกว่ากัน
2. คำว่าไม่ต้องทัก ผมหมายถึง ไม่ต้องต่อโจทย์ ใน คคห นี้แล้วกับผม ไม่ได้หมายถึง เจอผมในกระทู้ไหน หรือของ custom rom คุณ ก็ทัก
3. ผมไม่ตลกด้วยครับ กับคำ บางคำใน คคห นี้ ของคุณ แต่ช่างมันไม่ใช่ประเด็น
เอาเป็นว่าผมจบ ล่ะ จบจริงๆ ไม่ตอบอะไรอีกแล้วล่ะที่มัน ก่อให้เกิดความแตกแยก ผมมองว่า ไร้สาะจริงๆ ที่มาตอบอะไรแบบนี้ แทนที่จะจบตั้งแต่ ให้ความรู้ดีๆไป มีแต่ผมกับคุณ ที่บ้าทั้งคู่มาตอบอะไรไร้สาระใส่ กัน OK คุณอยู่ส่วนคุณ ผมอยู่ส่วนผม แล้วก็ตอบคำถามเป็นประโยชน์ ให้คนใน web ดีกว่า
สุดท้าย ผมยินดีนะ ที่ได้ปะทะคารมณ์กับคุณ แล้วทำให้ได้ความรู้ที่ ก่อเกิดแก่ คนใน web ขอบคุณมาก และยังคุยกับผมได้นะ เพราะผมเลิกไร้สาระแล้ว
เอาเป็นว่า คุณ กับผมจบตรงนี้พอนะ แล้วอย่ามาทักอะไรผมอีก เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ แต่ผมยังคิดว่าคุณยังดูถูกผมอยู่ดี แล้วขอบคุณล่ะกันกับการแก้ Rom ให้ผมทดสอบ แต่ต่อไปนี้ผมคงไม่คิดจะคุยกับคุณล่ะ ถ้าคุณยังคิดว่า ใช้ คำว่าคนไทยบางส่วน มันไม่ทำให้รู้สึกแตกแยก ผมมองเป็นยังงั้นอยู่ดี แล้วยังมองว่าตนเองถูกต้องนะ อย่ามองว่าตัวเองถูกแล้ว จะอยู่สูงกว่าคนอื่น
และผมขอแก้ คำว่า R เป็น ตัวต้านทานล่ะ ตามที่คุณอยากให้ผมแก้ พอใจไหม??? จบไหม??? แล้วไม่ต้องมาทำอะไรให้กระทู้ความรู้ดีๆต้องมาเปื้อนเพราะ การคุยกับ ระหว่างคุณกับผมก็พอ
ขอบใจ
ใครมีหูฟังของ Nokia N8 อยู่ในมือบ้างครับ อยากให้ทดสอบดูว่าใช้ control ได้หรือไม่ เพราะผมเห็นราคาขายของแท้ถูกดี เลยสนใจ เพราะเป็น in-ear ในตัว แถมมี control ด้วย แบบเดียวกับหูฟังของ sensation หรือ beats เลย
เอาเป็นว่า เรื่อง R กับตัวต้านทาน หรืออะไรมันคือเรื่องไม่เป็นเรื่องล่ะกัน เพราะ ถ้าคุณเองมองว่าคน ไทยบางส่วน เรียกตัวต้านทานว่า R คือผิด เท่ากับว่าคงต้องไปไล่บอกตั้งแต่คนสอนผมแล้วล่ะครับ จบไหม หรือคุณเองต้องการให้ผมแสดงจุดยังไงกับกระทู้นี้ เพราะผมเองก็คงเรียกมันว่า R ในแบบ คนไทยบางส่วนที่คุณว่าต่อไป เพราะผมเรียกมาจนติดปากไปแล้ว และก็เข้าใจว่ามันคือ resistor ดังนั้นต้องการให้ผมแสดงจุดยืนตรงไหนบอกมาครับ ถ้าคิดจะสอนผมน่ะครับ ผมยอมรับผมไม่พอใจกับคำตอบคุณมากกับคำว่า คนไทยบางส่วน เพราะเท่ากับว่าคุณกำลังดูถูกผมอยู่
ขอบคุณ
ประเด็นอยู่ที่ว่าการ short D+ D- ทำให้ จ่ายกระแสไฟด้มากกว่าเดิม ถูกไหมครับใน ที่ คุณ tong053 แจ้ง แต่ใน กรณีคุณ parotz มีการ เพิ่ม R เข้าไป ในจุดนี้ ตัว R ย่อมมีการเหนี่ยวนำปรับเปลี่ยนกระแสได้ อยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่แปลก เหมือนกับหม้อแปลงไงครับ มีขดลวดที่เพิ่มหรือน้อยกว่ากันก็ สามารถทำให้ แรงดันไฟต่างกันได้ ทั้งๆที่ใช้วงจรเดียวกัน แต่กรณีที่มัน short D+ D- เพียวๆ ผมมองว่ามันไม่น่าจะทำให้ กระแสเพิ่มได้ ถูกไหมครับ หรือ ทางคุณ parotz คิดว่าเป็นไปได้??? ซึ่งจริงๆ ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับ กระทู้นี่เลย เพราะกระทู้นี้จริงๆ จขกท ต้องการ ทราบปัญหา Adpater จ่ายไฟไม่พอหรือไม่แต่พอดีมีคนยกมาพูดถึงเรื่อง ตัว Device กับ อุปกรณ์ เหมือนประมาณ ตัวเครื่องจำเป็นต้องใช้ Adapter ที่กระแสะสูง เพราะ Device มันกินกระแสเช่นกัน ผมเลยยกประเด็นว่า Adapter ต่อให้ สูงเท่าไหร่ แต่แหล่งรับมันรับได้ที่ max load ของมัน ก็ไม่ทำให้ชาร์จไวขึ้น ต่อมาคุณ tong053 ก็มายกประเด็นว่า โมสายทำให้ชาร์จกระแสได้สูง และ Sensation ก็จะรับ max load นั้นด้วย ถูกไหม แต่ ผมก็ทดสอบเพื่อยกมายืนยันเรื่อง max load ว่า มันไม่ทำให้ชาร์จได้เร็วขึ้นต่อให้ โมสาย ใช่ไหมครับ ซึ่ง การโมสายแบบคุณ parotz ทำให้ กระแสสูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ device นั้น ชาร์จได้ไวขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมทดสอบผลออกมาครับ
———————————-
อ่านแล้วครับ เลยต้องมา edit เพิ่ม แต่พอดี คุณตอบก่อนเลย edit ต่อไม่ได้ และผมก็ตอบอยู่ว่ามีการเพิ่ม R เข้าไป ตั้งแต่ การตอบคุณครั้งแรกแล้ว ผมว่าผมไม่ได้ตอบไม่ครบนะ R กับ ตัวต้านทานมันไม่ใช่ตัวเดียวกันหรือ ??? ที่ผมเรียนมาเค้าก็เรียก R ไม่เคยเรียกอย่างอื่นนะครับ ???
ประเด็นอยู่ที่ว่าการ short D+ D- ทำให้ จ่ายกระแสไมด้มากกว่าเดิม ถูกไหมครับใน ที่ คุณ tong053 แจ้ง แต่ใน กรณีคุณ parotz มีการ เพิ่ม R เข้าไป ในจุดนี้ ตัว R ย่อมมีการเหนี่ยวนำปรับเปลี่ยนกระแสได้ อยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่แปลก เหมือนกับหม้อแปลงไงครับ มีขดลวดที่เพิ่มหรือน้อยกว่ากันก็ สามารถทำให้ แรงดันไฟต่างกันได้ ทั้งๆที่ใช้วงจรเดียวกัน แต่กรณีที่มัน short D+ D- เพียวๆ ผมมองว่ามันไม่น่าจะทำให้ กระแสเพิ่มได้ ถูกไหมครับ หรือ ทางคุณ parotz คิดว่าเป็นไปได้???
OK เอาผลทดสอบมาให้ชมนะครับ ผมได้ทำการ short D- D+ แล้ว โดยอุปกรณ์ที่ใช้มีตามนี้
1. Amp Meter
2. Powerocks 6600mAH (เหมือน Eneloop รุ่น 5000mAH)
3.เครื่อง Sensation
4.สายที่ทำการ short D- D+
5.Load แบบเซรามิค
– เริ่มต้นก็เตรียม Battery Powerocksชาร์ให้เต็ม
– นำมาต่อ load แล้วตัว Amp ตามรูป เพื่อหา Output ที่ออกมากจากแหล่งกำเนิด
– วัดกระแสจะเห็นได้ว่า จ่ายออกมาที่ 1.3A +- 10%
-ต่อมานำมาต่อชาร์จ แบบสายที่มีการ short D- D+ แล้ว วัด load
– จะได้ค่า Max load ของอุปกรณ์ที่ดึงไฟ ตามรูปได้ที่ 500mA
ซึ่งนี่เป็นผลของ pure test ครับผมเข้าไปดูใน โปรแกรม Elixir2 มันโชว์ current load ที่ 662mA ซึ่งเท่ากับว่าโปรแกรมแสดงผมผิดเพี้ยน ผมมองว่าการ short D- D+ จะเป็นการทำให้โปรแรกมแสดงผลผิดพลาดมากกว่าการเพิ่ม กระแสหรือทำให้ตัวอุปกรณ์ดึงกระแสมากขึ้นครับ เพราะตราบใดถ้าเราไม่ทดสอบ pure test เราก็ไม่รู้ผลที่แท้จริง หรือแม้แต่โปรแกรมมันก็เชื่อไม่ได้ เพราะมันเป็น software ไม่ใช่ Tools หรือ testing ต่างๆ ที่เป็น hardware ครับ และที่สำคัญต้องดูด้วยว่าอุปกรณ์ที่ รองรับ มันรองรับ Max load ที่เท่าไหร่เช่น ดังในรูปคือ sensation รับ max load ที่ 500mA ต่อให้ full load หรือ stand by ครับ แต่การชาร์จแล้วเต็มช้าไว ต้องดูด้วยว่าเวลานั้นมีการ process ของ เครื่อง อยู่หนาดไหน ถ้า full load ตลอดก็ย่อมเต็มช้ากว่า stand by หรือ sleepmode ครับ
ดูที่ชาร์จครับว่าจ่ายไฟออกมา 5V หรือเปล่า แล้วลองทดสอบกระแสว่าจ่าย 1A เต็มจริงเปล่าด้วย เพราะจริงๆแล้ว Sensation รวมถึงมือถือแทบทุกยี่ห้อยกเว้น IPAD จะรับกระแสไฟ Input ที่ 5V 500mA เท่านั้นต่อให้ Adpater เราจ่ายไฟ 1-2A ก็ตาม มีแต่ IPAD นี่แหละครับที่รับการชาร์จไฟที่ 1.1A เต็มที่ผมทราบเพราะผมเคย ทดสอบต่อ Load กับ Meter Amp ดูแล้วทดสอบดูเลยรู้ว่า มือถือส่วนมารับ Load ที่ 500mA ต่อให้ แหล่งจ่ายไฟจะจ่ายกระแสกี่ Amp ก็ตาม ยังไงมันก็รับ input สูงสุดที่ 500 mA อยู่ดี พอดีโรงงานบริษัทผมมีเครื่องมือทดสอบพวก Battery Adapter เลยทำให้ทราบข้อมูลเชิงลึกครับ ถ้าเราทดสอบบ้านๆก็ทำได้ โดยเอา Meter เข็มหรือ Digital ที่ขายทั่วไปวัดก็ได้ครับ แค่ปรับไฟที่ V กับ A ก็วัดแรงดันกับกระแสได้แล้วเช่นกัน แต่ตอนวัดกระแส Amp เราต้องชาร์จไปด้วยเท่านั้นเองถึงจะวัด load ได้ครับ
อ่อเกือบลืม ถ้าวัดแรงดันได้ต่ำกว่า 5V แสดงว่า Adapter ไม่ได้คุณภาพครับ ถึงแม้เราจะเคยดูหลัง Battery ว่ามันเป็นไฟ 3.7V ก็ตาม แต่ความต่างศักดิ์ เวลาชาร์จ แหล่งจ่ายไฟต้องสูงกว่า อุปกรณ์ที่ต้องการไฟครับซึ่งเป็น +-5% ตามทฤษฎีไฟฟ้าเบื้องต้นอยู่แล้ว ซึ่งเราสามารถเช็คได้ ลองเอา Battery ที่ไฟเกือบหมามาวัดไฟดูได้ครับ มันจะเหลือประมาณ 3V นิดๆหรือ 2.9V เท่านั้น แต่พอเราชาร์จ Battery เต็มพอเามาวัดไฟจะได้ประมาณ 4.2-4.5V ครับ
เพิ่มเติมเรื่องข้อมูล USB ที่คุณ tong053 เอาข้อมูลจากนี้มา
http://en.wikipedia.org/wiki/USB#Charging_ports
ซึ่งข้อมูลเค้าไม่ได้หมายความว่าการชาร์จผ่าน USB ของ computer สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 1.5A หลังจากทำการ short D- D+ แล้ว แต่เค้าหมายถึง Current output ของ USB type ครับ ที่สามารถรองรับ กระแสได้ถึง 1.5A สำหรับ USB 2.0 และ 2.7A สำหรับ USB 3.0ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดพลังงาน โดย Computer นั้น สามารถจ่ายไฟได้ที่ 500 mA ต่อ 1 port เท่านั้น ไม่เกินนี้ ถ้าวิธีการ short D- D+ สามารถ ทำให้ USB port สามารถจ่ายกระแสได้เกินกว่าแหล่งกำเนิด ตามการโหลดจาก Device ป่านนี้คงมีคนโมสาย USB short D- D+ กันมาชาร์จ IPAD แล้วครับ ซึ่ง IPAD เอารับ Input ที่ 1.1A ในการชาร์จ และคงไม่มี Mainboard หลายๆบริษัทที่ ทำจุดขายตัวเอง ว่า USB Compatible with IPAD ออกมาอย่าง Gigabyte หรอกครับ
http://www.facebook.com/note.php?note_id=114854155209168
ผม ถามง่ายๆ เลยว่า
1.เคยทดสอบ Load หรือยัง
2. ได้วัดกระแสดูไหมระหว่างที่ชาร์จเพียวๆกับ ระหว่างชาร์จ
3. ไม่อ้างอิงระบบในโปรแกรม เพราะไม่ใช่อุปกรณ์ในการวัดโดยตรง อุปกรณ์ที่วัดดังกล่าวที่ผมหมายถึงคือ
– Meter จะเป็น Amp meter โดยตรง หรือ Multi mter ก็ได้
– Loader จะเป็น Multi loader หรือ อะไรก็ได้ที่ทำให้มันได้ค่า จะกี่ ome ก็ได้
– แหล่งจ่ายไฟ
– อุปกรณ์ที่ใช้ในการดึงกระแส เช่นมือถือ หรืออะไรก็ได้ทำให้ดึงไฟ
นี่แหละสิ่งที่ผมถาม คุณได้ลองหรือยังครับ ไม่ใช่ว่า ชาร์จแล้วอาศัยโปรแกรมในมือถือ แล้วเอามาอ้างอิง แล้วรู้สึกไปเองว่ามันไว เอาผลทดสอบทางปฏิบัติมาอ้างอิงสิครับ ที่ผม ถามๆอยู่นะ ได้ลองหรือยัง ถ้ายังก็แสดงว่า ข้อมูลไม่ชัดเจน เดี๋ยวผมจะทดสอบให้ดู ต่อให้ใช้สายแบบไปไหนมันก็ไม่ต่างกัน ถ้าตราบใด Device นั้น มี Max loadของตัวมันเอง อีกอย่างไอ้โปรแกรม Elixir 2 ผมไม่เห็นมันบอกเราตอนไหนเลยว่า Device เรารับ Input ที่ 1A ทั้งๆที่ชาร์จอยู่แท้ๆ อย่างอ้างอิงที่ cerrent ครับ เพราะมันไม่ใช้ ตัวบอก Maximun input ส่วนสายทำไมมัน Detect เป็น USB หรือ AC มันก็ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่า สายนั้นจะชาร์จได้ไว้ขึ้น เอาง่ายๆ ถ้าผมตัว สาย D- D+ ออก มันก็เห็นเป็นสาย AC เพราะโปรแกรมที่คุณอ้างอิงมัน อ้างอิงจากการที่ตัวเครื่อง มันจับวงจร USB ระหว่างชาร์จ
เอาเป็นว่าผมจะทดสอบให้ดูทั้งสาย USB และ แบบตัด D- D+ ออกมาทดสอบให้ดูด้วยก็ได้ ซึ่งจริงๆผมก็เคยทำมาแล้ว แต่ไม่เคยถ่ายรูป และผลที่ได้ก็คือไม่ต่างกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรื้อ Amp Meter กับ Load มาทดสอบถ่ายรูปให้ดูก็ได้ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดป็นจริงหรือเปล่า และตั้งแต่ผมเรียนมา ทฤษฏีไฟฟ้าและอเลิโทรนิคไหน ก็ไม่เคยมีบอกเลยว่า อุปกรณ์ที่มี Max load เท่านี้เท่านั้น สามารถ รับกระแสที่สูงกว่าค่า Max load แล้วอุปกรณ์นั้นจะปรับตัวไปชาร์จที่ค่านั้นด้วย ที่เค้าเรียก over load โดยที่ไม่เกิดการเสียหายกับอุปกรณ์ของมันเอง และถ้าเกิดการ over load ก็เท่ากับว่าอุปกรณ์นั้นมีการ short circuit เกิดขึ้นกับมันแล้วครับ มันถึงกระโดดไปเกินค่า Max load ในตัวมันเองได้
เอาเป็นว่าผมรอคุณ parotz ปรุง Rom ไปเรื่อยๆก่อนล่ะกันครับ ตอนนี้ผม ยอมถอยกลับมาเป็น Officail ROM อีกล่ะ 55555+
ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะยังไงก็ตาม limit ในการรับกระแส ไม่ได้อยู่ที่ตัวแหล่งจ่าย แต่อยู่ที่ Device หรือแหล่งรับ เสมมุติถ้า limit ของแหล่งรับมันรับอยู่ที่ 650mA ต่อให้เรามีที่ชาร์จ เป็น 5V 100A ก็ไม่สามารถทำให้ชาร์จได้ไวขึ้น เพราะ Spac battery ทุกรุ่น ไม่สามารถรับการชาร์จไฟได้เกิน 0.5C หรือ 50% ของค่า mAH ของ Batt เพราะถ้าเกินกว่านี้จะทำให้ Battery รับแรงดันที่มากเกินไปจนทำให้เกิดการระเบิดได้ เอาเป็นว่าผมจะ ถ่ายรูปการทดสอบ Load ให้ดู ที่ทำงานผมมีตัวชาร์จไฟจ่ายแรงกว่า Eneloop อีก แต่ตอนเอามาชาร์จ Sensation กลับจ่ายให้ Sensation ที่ 500mA แต่พอต่อทดสอบกับ Load กลับปล่อยกระแสได้ที่ 1.5A
ผมว่าคุณ tong053 ให้ข้อมูลผิดนะครับ D+ D- ของ USB คือ Data ไม่ใช่ส่วนจ่ายไฟ ใน link เค้าก็ไม่ได้ บัดกรีขา D+ D- ด้วย ดูง่ายๆ เลย ส่วนจ่ายไฟ Port USB ทุก sereis ไม่ว่า จะ A to B หรือ A to mini usb หรือ A to Micro usb ส่วนที่จ่ายไฟ จะอยู่ที่ ขา1 เป็นบวก(สายแดง) ขา 4 เป็น ground หรือลบ ส่วน(สายดำหรือสายเปลือย) ขา 2จะเป็น D-(สายขาว) และ ขา 3 จะเป็น D+(สายเขียว) ลองดูข้อมูลได้
http://en.wikipedia.org/wiki/USB
ถ้าแค่ บัดกรี ขา D+ D- เข้าหากัน ต่อให้เอาไปชาร์จกับมือถือยี่ห้อไหนมันก็ไม่ชาร์จหรอกครับ ในทางกลับกัน ถ้าเราบัดกรี เฉพาะขา 1 กับ 4 ถ้าเอาเสียบช่อง USB computer จะไม่ detect แต่ชาร์จไฟได้ และที่สำคัญ การรับ Input นั้น ต่อให้ที่ชาร์จจะจ่าย 2A ถ้าอุปกรณ์ device รับไม่เกิน 500mA การใช้ที่ชาร์จ ที่ Amp สูงก็ไม่ได้ช่วยให้ชาร์จอุปกรณ์ได้เต็มไวขึ้นครับ ว่างๆเดี๋ยวผมจะถ่ายรูป การวัด load ของอุปกรณ์ให้ดูว่า เป็นแบบที่ผมกล่าวไหม
ไม่เจอครับ ต้องใช้ APN backup ตัวที่คุณ parotz แนบมาครับ ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน