ถ้าเป็นเกมปกติไม่ต่อแล้วครับ จะต่อก็เฉพาะพวกเกมออนไล หรือเกมที่มีการอัพเดตสกอร์ที่เราทำได้ มันก็จะเรียกการเชื่อมต่อ แต่ถ้าเราไม่ต้องการก็ยกเลิกได้

อ่านจากที่นี่ดูครับ ผมมีอธิบายไว้บ้าง อาจช่วยให้เข้าใจมากขึ้น อ่านไปล่างๆ น่ะครับ

http://www.droidsans.com/node/13369

O_o โอว…เกมที่ผมตั้งใจจะลงยังมีไม่ถึงครึ่งที่คุณลงเลย แสดงว่ามันก็ลงเกมได้เยอะอยู่นะเนี่ย ว้าวๆ

เซ็นเซอร์ อะไรครับที่ช้า

ซื้อเครื่องร้านส่งไม่มีประกัน 7 วันเปลี่ยนเครื่องครับ แต่มีประกันศูนย์ สามารถเช็คเครื่องที่ร้านก่อนซื้อได้ ถ้าโอเคแล้ว หลังจากนั้นมีปัญหาเข้าศูนย์อย่างเดียวครับ

มีครับ ตามที่ #13 ตอบไว้ แต่มันดูจะทำยากเอาเรื่องอยู่ สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเป็น และยังไม่มีใครทำแล้วมารายงานให้รู้เลยครับ ส่วน SD 16GB ซื้อมาก็ไปใช้กับเครื่องอื่นได้นิครับ ไม่เสียเปล่าหรอก ^ ^

ถ้าลงเกมใหญ่ๆ อย่างของ Gameloft ก็ลงได้ไม่เยอะครับ แต่ถ้าเป็นเกมทั่วๆ ไปขนาดไม่ใหญ่มาก ก็น่าจะได้หลายอยู่ ส่วนว่าเป็นที่อะไร อยากให้ขึ้นไปอ่านข้างบน ที่ผมตอบไว้ใน #30 น่ะครับมีครบ ถ้าเน้นเล่นเกมจริงๆ ดูตัว S 16GB ดีกว่านะ แต่ถ้าไม่เน้นเอาแค่เกมทั่วไปๆ นิดหน่อย SL ก็โอเคแล้วครับ เพราะที่เคยดูรีวิวการเล่นเกมมา อย่างเกมของ gameloft ก็เล่นได้ลื่นดีพอตัวเลยครับ แต่มันจะลงเกมได้ไม่มากเท่านั้นเอง

ขอโทษทีเถอะครับ ไอ้วีดีโอที่คุณเอามาน่ะ ผมดูมันมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่เขาเอาขึ้นในเว็บ MXPhone.com แล้วครับดูมันหลายรอบแล้วด้วย ในหน้าเว็บเขาผมก็ยังมีโพสข้อความไว้เลย ไปดูได้ที่นี่เลยครับ http://www.mxphone.com/article/9082/VDO-Review-Sony-Ericsson-XPERIA-NEO แล้วข้อมูลสเปกหน่วยความจำ ที่ผมเอามาให้ดูก็มาจาก gsmarena.com และก็ไม่ได้มุ่งเน้นให้ดูว่ามันจะมีมาเท่านี้แน่ๆ เพราะแม้แต่เว็บเจ้าของวีดีโอตัวนี้ เขายังระบุว่า 320MB เลยครับ ถ้าคุณได้หาข้อมูลมาบ้างคุณก็จะเห็นว่าเว็บเขาจะระบุว่า 320MB กันทั้งนั้น แต่ออกมาจริงมันจะเท่าไรก็ว่ากันอีกที ซึ่งผมเพียงต้องการเอามายกตัวอย่างให้ดูว่า ถ้าสเปกออกมาแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร ซึ่งมันถอดมาได้ว่า

320MB storage = มีหน่วยความจำมาให้ 320MB ในตัวเครื่อง
380MB RAM = มี ram 380MB ซึ่งส่วนนี้มันคือหน่วยความจำชั่วคราว
microSD card slot = มีช่องใส่ micro SD card
8GB card included in the retail box = มีการ์ดขนาด 8GB มาให้ในชุดขาย

ส่วนว่า RAM มันคืออะไรผมขออธิบายว่า
RAM หากเทียบในคอมพิวเตอร์มันก็คือ Ram DDR2 DDR3 พวกนั้นนั่นแหละครับ
ROM หากเทียบในคอมพิวเตอร์มันก็คือ Hard Disk
APP หากเทียบในคอมพิวเตอร์มันก็คือ Program
External storage หากเทียบในคอมพิวเตอร์มันก็คือ พวก External Hard Disk, Flash Drive

และจากการที่ ROM มันเปรียบเหมือน Hard Disk ในคอม ฉนั้นการแบ่งพื้นที่หน่วยความจำส่วนที่ 1 2 3 ที่ผมกล่าวมามันก็เหมือนการแบ่งพาทิชั่นใน Hard Disk นั่นแหละครับ เหมือนคุณไปซื้อคอมมาเครื่องนึงมี Hard Disk ขนาด 500GB แล้วเขาแบ่งออกเป็น 2 หรือ 3 พาทิชั่นแล้วลง OS กับ Program มาให้ Hard Disk ขนาด 500GB ที่ติดตั้งมา มันก็ย่อมจะต้องเหลือให้คุณใช้งานมันไม่ครบแน่นอนอยู่แล้ว

ปล. ผมขอบอกว่า ผมเองยังไม่มีมือถือ ผมยังไม่เคยใช้ Smart Phone และผมยังไม่เคยใช้ Android แต่ผมกำลังหาข้อมูลเพื่อที่จะมี Android Smart Phone เครื่องแรกมาใช้ แทนโนเกียตัวเก่าทีนอนเน่าไปแล้ว

ขอบคุณครับ ยืนยันหนักแน่นกันแบบนี้ก็หมดห่วงครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ เท่าที่ดูก็โอเคหมด

ลง app ผ่านเมมมันทำได้หมดแหละครับ แค่เราเอาตัว app ที่เป็นไฟล์ .apk ใส่ไว้ในเมม เราก็สามารถเข้าไปเปิดลง app นั้นจากตัวเมมได้แล้วครับ
ส่วนเรื่องหน่วยความจำ ขอบอกว่าหน่วยความจำแบ่งเป็นสองแบบ

1.Internal storage (ROM) ส่วนนี้แล้วแต่แบรนด์ว่าจะแบ่งส่วนยังไง และจะให้เท่าไร
1.1 ถ้าให้มาน้อยก็จะแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่ 1 กับ 2 ไม่มีส่วนที่ 3 (เพราะให้ ROM มาน้อยไม่เหลือมาทำส่วนที่ 3)
1.2 ถ้าให้มาเยอะก็จะแบ่งเป็นสามส่วน คือส่วนที่ 1 กับ 2 และ 3

2.External storage ส่วนนี้คือตัว Micro SD Card ที่เราใส่เข้าไปในช่อง Card slot ของเครื่อง ขนาดจะเท่าไรก็แล้วเราจะซื้อมาใส่
2.1 ถ้า Internal storage ของเครื่องทำมาแบบข้อ 1.1 External storage นี้จะกลายเป็นหน่วยเก็บความจำส่วนที่ 3 ของเครื่อง และจะจำเป็นมากๆ เพราะเครื่องจะมีพื้นที่ให้ใช้ลงโปรแกรมและเก็บข้อมูลไม่มาก ต้องใช้ External storage เข้ามาช่วยเก็บ
2.2 ถ้า Internal storage ของเครื่องทำมาแบบข้อ 1.2 External storage นี้จะกลายเป็นหน่วยเก็บความจำส่วนที่ 4 ของเครื่อง ซึ่งจะไม่ค่อยจำเป็น เพราะ ROM ถูกแบ่งมาเป็นส่วนที่ 3 มากพออยู่แล้ว แต่ถ้ามีไว้ก็จะยิ่งทำให้เราสามารถเพิ่มความจุของเครื่อง ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก

ดังนั้น Sony Ericsson Xperia Neo ที่มีสเปกบอกไว้ว่า
Memory: 320MB storage, 380MB RAM, microSD card slot, 8GB card included in the retail box
จึงสรุปได้ว่า เครื่องมีหน่วยความจำมาแค่ส่วนที่ 1 กับ 2 เราจะต้องมี Micro SD Card มาใส่เพื่อใช้เป็นส่วนที่ 3 ซึ่งในชุดขายมีมาให้ 8GB ครับ (แต่ไม่รู้ว่า Class ไหนนะ อาจจะ 2 หรือ 4)

ปล.เหตุที่ผมต้องเรียกว่าหน่วยความจำส่วนที่ 1 2 3 4 เพราะผมก็ไม่แน่ใจว่าชื่อเรียกของมันคืออะไร

Neo น่าจะใช่แหละครับ เครื่องที่ให้ ROM มาน้อย เขาก็จะให้เราไปใช้พวก SD Card แทนการใช้ ROM (Neo มี card 8GB มาให้ในชุดขายครับ) ส่วนความต่างของ ROM กับ SD Card คือ ROM ราคาแพง ส่วน SD Card ราคาถูก(มาก) ROM มีความเร็วสูง ส่วน SD Card ความเร็วต่ำ ถ้าอยากให้ SD Card ความเร็วสูงขึ้น ก็ต้องหาตัวที่ Class สูงๆ อย่างน้อยก็ Class 6 ขึ้นไปซึ่ง Class ที่สูงขึ้นมากเท่าไรราคาก็สูงมากขึ้นไปอีก และ SD Card ก็มีของก๊อปปะปนอยู่ในตลาดมาก การจะซื้อมาก็มีความเสียงพอควร บางคนซื้อมาแล้วเทสดูอาจเห็นว่าความเร็วไม่มาก นั่นอาจเป็นเพราะเจอของก๊อปเข้าให้แล้ว ถ้าคิดจะซื้อ SD Card ที่ Class สูงๆ ก็ให้หาแหล่งที่ไว้ใจได้ มีมาตรฐานหน่อยนะครับ ราคาอาจสูงหน่อยแต่น่าจะมั่นใจได้กว่า เพราะพวกราคาต่ำๆ มันอาจไม่ใช่ของแท้นะครับ

ตามที่ผมโพสไว้มันจะเป็นเหมือนกันทุกแบรนด์ เพราะมันเป็นที่ตัวระบบของ android ส่วนแต่ละแบรนด์จะทำเครื่องมาให้มีพื้นที่เก็บข้อมูล (ROM) เท่าไรนั้นก็แล้วแต่แบรนด์นั้นๆ ครับ จะสังเกตุได้ว่าเครื่องราคาแพงๆ จะมี ROM มาให้เยอะเพราะ ROM นั้นมีราคาที่สูง การติดตั้ง ROM ลงไปมากเท่าไรราคาก็สูงมากขึ้นเท่านั้น ส่วนเครื่องที่ให้มาน้อย เขาก็จะให้เราไปใช้พวก SD Card แทนการใช้ ROM ส่วนความต่างของสองสิ่งนี้คือ ROM ราคาแพง ส่วน SD Card ราคาถูก(มาก) ROM มีความเร็วสูง ส่วน SD Card ความเร็วต่ำ ถ้าอยากให้ SD Card ความเร็วสูงขึ้น ก็ต้องหาตัวที่ Class สูงๆ อย่างน้อยก็ Class 6 ขึ้นไปซึ่ง Class ที่สูงขึ้นมากเท่าไรราคาก็สูงมากขึ้นไปอีก และ SD Card ก็มีของก๊อปปะปนอยู่ในตลาดมาก การจะซื้อมาก็มีความเสียงพอควร บางคนซื้อมาแล้วเทสดูอาจเห็นว่าความเร็วไม่มาก นั่นอาจเป็นเพราะเจอของก๊อปเข้าให้แล้ว

**ปัญหาของ SL ที่เจอกันอยู่เพราะ SL ใส่ ROM มาให้เพียง 4GB หักลบแล้วเหลือใช้แค่ 1.5GB ผิดกับตัว S ที่ใส่มา 16GB หักลบแล้วมันก็ยังเหลือให้ใช้อีกหลาย GB อยู่**

เท่าที่หาข้อมูลมาพอจะบอกได้ว่า android จะมีการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วนหลักๆ
– พื้นที่ส่วนที่ 1 ใช้เก็บ OS

– พื้นที่ส่วนที่ 2 จะเอาไว้ลง app ต่างๆ

**ซึ่ง 2 ตัวนี้จะใช้พื้นที่ร่วมกัน แต่เราจะเห็นใน Settings แค่ส่วนที่ 2 เท่านั้นเพราะพื้นที่ในส่วนแรก OS ไม่ให้เราเข้าถึงมัน**

– พื้นที่ส่วนที่ 3 คือพื้นที่ ที่เราเอาไว้เก็บข้อมูลต่างๆ และใช้เก็บส่วนขยายของ app ที่เราลงไว้ในส่วนที่ 2 ซึ่งโปรแกรม App2SD จะทำการย้าย app และข้อมูลหลักของ app ที่อยู่ในส่วนที่ 2 มาเก็บไว้ในส่วนที่ 3 นี้ได้

**ซี่งพื้นที่ในส่วนที่ 3 นี้หากเป็นโทรศัพท์ทั่วไปมันคือ SD Card นั่นเอง แต่สำหรับโทรศัพท์บางรุ่นอย่าง Samsung Galaxy S ที่มี Memory ติดเครื่องมาให้ ในส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ของ Memory ที่ติดมากับเครื่อง ที่เรียกกันว่า Internal SD**

– ส่วนที่ 4 จะมีเฉพาะบางรุ่นที่มีส่วนที่ 3 มาให้แล้วในตัวเครื่องเช่น SSGS ซึ่งส่วนที่ 4 มันก็คือ SD Card เน้นๆ ที่เราซื้อมาสำหรับเก็บข้อมูลเพลง หนัง และอื่นๆ แต่จะไม่สามารถย้ายแอฟมาลงตรงนี้ได้นะครับ เพราะในเครื่องเราจะเห็นส่วนนี้เป็นโฟลเดอร์ External SD ครับ

**ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ที่ใช้ SSG SL มีปัญหาด้านพื้นที่หน่วยความจำเพราะ SL มีพื้นที่ทั้งหมด 4GB ถูกแบ่งให้ส่วนที่ 1 กับ 2 และเหลือมาเป็นส่วนที่ 3 ประมาณ 1.5GB แม้เราจะซื้อ SD Card ที่มีความจุมากแค่ไหน เราก็ยังคงมีพื้นที่ให้เก็บข้อมูลของ app ได้เพียง 1.5GB เท่าเดิม เพราะ android จะไม่รวมส่วนที่ 4 เข้ามาในระบบ SL จึงเหมือนถูกกั๊กให้มีพื้นที่ลง app แค่เพียง 1.5GB เท่านั้นเพิ่มไม่ได้ หากต้องการจะเพิ่มจะต้องทำให้ android มองเห็นส่วนที่ 4 นั้นเป็นส่วนที่ 3 ให้ได้ ซึ่งจะผิดกับเครื่องที่มีหน่วยความจำมาให้เพียงส่วนที่ 1 กับ 2 ในส่วนที่ 3 เราจะต้องซื้อ SD Card มาใส่เพิ่มเอง เหตุนี้จึงทำให้เราสามารถใช้ SD Card นั้นเก็บ app และส่วนขยายของ app ต่างๆ ได้เต็มที่**

***หากผู้รู้คนไหนเห็นว่าส่วนใดผิดก็ช่วยบอกกล่าวเพิ่มเติมด้วยนะครับ***

เท่าที่หาข้อมูลมาพอจะบอกได้ว่า android จะมีการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วนหลักๆ
– พื้นที่ส่วนที่ 1 ใช้เก็บ OS

– พื้นที่ส่วนที่ 2 จะเอาไว้ลง app ต่างๆ

**ซึ่ง 2 ตัวนี้จะใช้พื้นที่ร่วมกัน แต่เราจะเห็นใน Settings แค่ส่วนที่ 2 เท่านั้นเพราะพื้นที่ในส่วนแรก OS ไม่ให้เราเข้าถึงมัน**

– พื้นที่ส่วนที่ 3 คือพื้นที่ ที่เราเอาไว้เก็บข้อมูลต่างๆ และใช้เก็บส่วนขยายของ app ที่เราลงไว้ในส่วนที่ 2 ซึ่งโปรแกรม App2SD จะทำการย้าย app และข้อมูลหลักของ app ที่อยู่ในส่วนที่ 2 มาเก็บไว้ในส่วนที่ 3 นี้ได้

**ซี่งพื้นที่ในส่วนที่ 3 นี้หากเป็นโทรศัพท์ทั่วไปมันคือ SD Card นั่นเอง แต่สำหรับโทรศัพท์บางรุ่นอย่าง Samsung Galaxy S ที่มี Memory ติดเครื่องมาให้ ในส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ของ Memory ที่ติดมากับเครื่อง ที่เรียกกันว่า Internal SD**

– ส่วนที่ 4 จะมีเฉพาะบางรุ่นที่มีส่วนที่ 3 มาให้แล้วในตัวเครื่องเช่น SSGS ซึ่งส่วนที่ 4 มันก็คือ SD Card เน้นๆ ที่เราซื้อมาสำหรับเก็บข้อมูลเพลง หนัง และอื่นๆ แต่จะไม่สามารถย้ายแอฟมาลงตรงนี้ได้นะครับ เพราะในเครื่องเราจะเห็นส่วนนี้เป็นโฟลเดอร์ External SD ครับ

**ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ที่ใช้ SSG SL มีปัญหาด้านพื้นที่หน่วยความจำเพราะ SL มีพื้นที่ทั้งหมด 4GB ถูกแบ่งให้ส่วนที่ 1 กับ 2 และเหลือมาเป็นส่วนที่ 3 ประมาณ 1.5GB แม้เราจะซื้อ SD Card ที่มีความจุมากแค่ไหน เราก็ยังคงมีพื้นที่ให้เก็บข้อมูลของ app ได้เพียง 1.5GB เท่าเดิม เพราะ android จะไม่รวมส่วนที่ 4 เข้ามาในระบบ SL จึงเหมือนถูกกั๊กให้มีพื้นที่ลง app แค่เพียง 1.5GB เท่านั้นเพิ่มไม่ได้ หากต้องการจะเพิ่มจะต้องทำให้ android มองเห็นส่วนที่ 4 นั้นเป็นส่วนที่ 3 ให้ได้ ซึ่งจะผิดกับเครื่องที่มีหน่วยความจำมาให้เพียงส่วนที่ 1 กับ 2 ในส่วนที่ 3 เราจะต้องซื้อ SD Card มาใส่เพิ่มเอง เหตุนี้จึงทำให้เราสามารถใช้ SD Card นั้นเก็บ app และส่วนขยายของ app ต่างๆ ได้เต็มที่**

***หากผู้รู้คนไหนเห็นว่าส่วนใดผิดก็ช่วยบอกกล่าวเพิ่มเติมด้วยนะครับ***