หลังจากแกะกล่อง และเปิดเครื่องสมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ตเพื่อทำการตั้งค่าใช้งานใหม่ และเจอหน้าโฮมครั้งแรกก็จะเจอแอปพลิเคชันจำนวนมหาศาล ในแต่ละแบรนด์ที่ติดตั้งมาให้อัตโนมัติ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานต่างต้องมาลบ Uninstall ออกจากเครื่อง และแอปฯ เหล่านี้ก็มีชื่อว่า ‘Bloatware’ แล้วแอปฯ พวกนี้มันคืออะไร จะต้องจัดการอย่างไรกันนะ
ก่อนอื่นเลยต้องมาดูนิยาม และความหมายของคำว่า ‘Bloatware’ กันก่อนว่าคืออะไร ซึ่งหากลองไปค้นหาความหมายในพจนานุกรมของมหาวิทยาลัย Cambridge ก็จะระบุเอาไว้ว่า
“programs that use a lot of space and memory, often programs that are already on a computer or phone when it is bought, and that may not be needed by the user”
ถ้าหากแปลเป็นไทยแบบง่าย ๆ ก็คือ “โปรแกรมที่ใช้พื้นที่ และหน่วยความจำ (แรม) เยอะ โดยปกติแล้วจะเป็นโปรแกรมที่ติดตั้งไว้อยู่แล้วในคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ตั้งแต่ซื้อมา และอาจไม่เป็นที่ต้องการของผู้ใช้”
จากความหมายที่จากมหาวิทยาลัย Cambridge ที่นิยามไว้ก็ตรงกับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่ผู้ใช้สมาร์ตโฟนซื้อเครื่องใหม่จะต้องพบเจอ เพราะการเปิดเครื่องใหม่ ๆ หลังจากแกะกล่อง และตั้งค่าเครื่องเสร็จจะต้องพบเจอกับแอปฯ ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมระบบ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานนั้นต่างต้องมาจัดระเบียบแอปฯ และลบแอปฯ ที่ไม่ต้องการใช้
โดยแอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมที่เข้าข่าย Bloatware บ้างในปัจจุบันก็มีตั้งแต่ Antivirus, แอปฯ ช่วยทำความสะอาดพื้นที่เครื่อง, ส่งเสริมการขาย, แอปฯ ที่ถูกพัฒนาโดยผู้ผลิต, เกม, โซเชียลมีเดีย, สตรีมมิง, ข่าว หรือพยากรณ์อากาศ, ช้อปปิ้ง, ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์, Office, ท่องเที่ยว, สุขภาพ, ข้อความ และการเงิน
ซึ่งจากลิสต์ประเภทของแอปฯ Bloatware เหล่านี้ก็เป็นแอปฯ ที่ผู้ใช้งานนั้นต่างไม่ต้องการใช้งาน อีกทั้งแอปฯ Bloatware ก็ยังมีส่วนทำให้ลดประสิทธิภาพตัวเครื่อง, กินพื้นที่ความจุ, อาจมาพร้อมกับช่องทางให้มัลแวร์เข้าเครื่อง และกินพลังงานเครื่องอีกด้วย
สำหรับวิธีการจัดการของแอปฯ Bloatware ที่ง่ายที่สุดก็คือ การถอนติดตั้งของแอปฯ นั้น ๆ หรือหากแอปฯ นั้นไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ก็ให้เข้าไปที่ตั้งค่า > แอปฯ > กดหยุดการทำงานแอปฯ แทน เพียงเท่านี้แอปฯ ก็จะไม่มีการทำงานในเบื้องหลังของตัวเครื่อง และไม่กินแบตเตอรี่
ทำไมต้องมี Bloatware
สาเหตุที่ผู้ผลิตจะต้องมีการติดตั้ง Bloatware ลงเครื่องสมาร์ตโฟนในสมัยนี้ก็คือ ต้นทุนผลิต เพราะการพัฒนาสมาร์ตโฟนหนึ่งเครื่องนั้นใช้ต้นทุนการพัฒนาค่อนข้างสูง และอาจส่งผลทำให้ต้องวางจำหน่ายเครื่องในราคาแพง ซึ่งวิธีลดค่าเครื่องให้สมเหตุสมผลก็คือ ผู้ผลิตเลือกติดตั้งแอปฯ Bloatware จากนักพัฒนาแอปฯ หรือโฆษณาแทน และลดต้นทุนราคาเครื่องลงมา ซึ่งข้อเสียของการทำวิธีการนี้ก็คือ ประสบการณ์ใช้งานครั้งแรกของผู้ใช้ครั้งแรกจะออกมาในทิศทางที่ไม่ดี ต้องมาทำการไล่ลบแอปฯ Bloatware ที่เต็มตัวเครื่อง
อย่างไรก็ตามหากลบ แอปฯ Bloatware ออกไปแล้ว และทำการล้างเครื่องคืนเครื่องค่าโรงงานใหม่ แอปฯ เหล่านี้ก็จะกลับมาอีกครั้ง เพราะมีการฝังอยู่ภายในแพตช์ของตัวเครื่อง
แบรนด์ไหนมีแอปฯ Bloatware เยอะที่สุด
โดยการสำรวจในครั้งนี้มาจากเว็บไซต์ของ UNB ในปี 2024 และมี 6 แบรนด์ Android ที่เข้าข่ายมีแอปฯ Blotware เยอะที่สุดดังต่อไปนี้
- MIUI หรือปัจจุบัน HyperOS ของ Xiaomi : 49-51 แอปฯ ติดตั้งล่วงหน้า, 6-8 แอปฯ ไม่จำเป็นต่อการใช้งาน และ 6-7 แอปฯ Third-Party
- HiOS ของ Tecno : 51 แอปฯ ติดตั้งล่วงหน้า, 15 แอปฯ ไม่จำเป็นต่อการใช้งาน และ 2 แอปฯ Third-Party
- XOS ของ Infinix : 55 แอปฯ ติดตั้งล่วงหน้า, 16 แอปฯ ไม่จำเป็นต่อการใช้งาน และ 2 แอปฯ Third-Party
- realme UI ของ realme : 58 แอปฯ ติดตั้งล่วงหน้า, 12 แอปฯ ทาง realme พัฒนาขึ้นมาเอง และ 2-3 แอปฯ Third-Party
- Funtouch OS ของ vivo : 56-60 แอปฯ ติดตั้งล่วงหน้า, 10-11 แอปฯ ทาง vivo พัฒนาขึ้นมาเอง และ 5-10 แอปฯ Third-Party
- ColorOS ของ OPPO : 63 แอปฯ ติดตั้งล่วงหน้า, 11 แอปฯ ทาง realme พัฒนาขึ้นมาเอง และ 12-14 แอปฯ Third-Party
ซึ่งจากผลสำรวจก็พบว่า ส่วนใหญ่แล้วนั้นจะเป็นแบรนด์มือถือจากประเทศจีน แล้วแบรนด์มือถืออะไรที่มีแอปฯ Bloatware น้อยที่สุด ซึ่งแบรนด์นั้นก็คือ Pixel ของ Google ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบ Android ขึ้นมาเองที่ได้เปรียบมาก ติดตั้งแต่แอปฯ พื้นฐานของ Android และผู้ใช้งานก็สามารถถอนการติดตั้งได้
เรียกได้ว่า หลังจากมีเหตุการณ์แอปฯ Fineasy และแอปฯ กู้เงินที่ถูกติดตั้งบนสมาร์ตโฟน OPPO และ realme ซึ่งถูกหน่วยงานรัฐให้เข้าชี้แจ้ง และมีมาตรการด่วน 4 ข้อออกโดย PDPC นั้น ก็ยิ่งทำให้แบรนด์ที่จะมาทำตลาดในประเทศไทยนั้นต้องระมัดระวังการติดตั้งแอปฯ Bloatware ล่วงหน้ามากยิ่งขึ้น
ที่มา : Dictionary Cambridge, McAfee, UNB
อ้าว กลายเป็นhyperOSน้อยสุดในlistเลย
เป็นเหตุผล ที่ให้ไปใช้ Nothing Phone มี bloatware น้อยมาก นอกนั้นลืมไปได้เลย
ในตลาดตอนนี้ bloatware น้อยๆก็ sony hmd nothing ละมั้งครับ
แต่เคยใช้ oppo clover กับ oppo find 7a รุ่นเก่าๆก็ไม่ได้แถมเยอะขนาดนี้นะครับ