หลังจากที่ NVIDIA เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ในตระกูล GeForce RTX 50 Series อย่างเป็นทางการ ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากด้วยความแรงที่ก้าวกระโดดจากสถาปัตยกรรม NVIDIA Blackwell ซึ่งยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับโลกของเกมมิ่งและการประมวลผลกราฟิก

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่มาคู่กันก็คือเทคโนโลยี DLSS 4 ที่ช่วยยกระดับการเล่นเกมให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไหร่ เพราะหลายคนยังไม่รู้ว่า DLSS 4 นั้นสามารถใช้ได้กับการ์ดจอ RTX ทุกรุ่น ล่าสุด NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตไดร์เวอร์ใหม่เวอร์ชัน 572.16 ที่ช่วยให้การ์ดจอ RTX ตั้งแต่ RTX 2000 Series ขึ้นไป สามารถใช้งาน DLSS 4 ได้แล้ว พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยปรับปรุงทั้งคุณภาพของภาพและประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

DLAA (Deep Learning Anti-Aliasing)

DLAA (Deep Learning Anti-Aliasing) เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยลบรอยหยักของภาพ ทำให้ภาพดูเนียนขึ้น ซึ่งคล้ายกับวิธีการลบรอยหยักแบบอื่น ๆ ที่เคยมีมา เช่น MSAA, FXAA, TAA ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ เติมช่วงระหว่างพิกเซลเพื่อให้ภาพดูเนียนขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ DLAA แตกต่างคือการใช้ AI ในการคำนวณและจัดการกับการลบรอยหยักในบางพิกเซล ไม่จำเป็นต้องทำในทุกพิกเซลเหมือนกับวิธีอื่น ๆ โดยฟีเจอร์นี้จะเน้นการเพิ่มคุณภาพของภาพมากกว่าการเพิ่มเฟรมเรตหรือประสิทธิภาพการเล่นเกม สำหรับ DLAA ฟีเจอร์นี้มีมาแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ใน DLSS 4 ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

RTX Super Resolution

RTX Super Resolution ฟีเจอร์ที่หลายคนคุ้นเคย ช่วยอัปสเกลภาพด้วย AI เพื่อลดภาระของการ์ดจอในการเรนเดอร์ที่ความละเอียดเต็มจอ โดยใน DLSS 4 ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ เปลี่ยนไปใช้ Transformer Model แทนโครงสร้างเดิมที่ใช้ Convolutional Neural Network (CNN)

การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ภาพสวยขึ้น การเรนเดอร์ทำได้ดีขึ้น และอาจให้คุณภาพที่เหนือกว่าการไม่เปิด DLSS ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในเกมที่รองรับ Path Tracing หรือ Ray Reconstruction ซึ่งช่วยให้แสงและเงามีความสมจริงยิ่งขึ้น ลดปัญหาภาพเบลอหรือดูเป็นวุ้นกว่าเดิมเยอะ

DLSS Ray Reconstruction

Ray Reconstruction ช่วยให้การจำลองแสงและเงาของ Ray Tracing มีคุณภาพดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ร่วมกับ Transformer Model ใน DLSS 4 ที่ช่วยลดอาการภาพเบลอและเพิ่มความคมชัดกว่าเดิม

ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ช่วยให้ภาพสวยขึ้นอย่างชัดเจน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นการ “อัปเกรดการ์ดจอ” ผ่านซอฟต์แวร์เลยก็ว่าได้ แต่ผู้ใช้บางคนพบว่าการเปิดใช้งาน DLSS 4 กลับพบว่าทำให้ FPS ลดลง โดยเฉพาะในรุ่นเก่าอย่าง RTX 2000 และ RTX 3000 เนื่องจากฮาร์ดแวร์แต่ละรุ่นมีความแรงที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะใช้ซอฟต์แวร์ตัวเดียวกันก็ตาม

RTX 5000 Series ยังคงได้เปรียบที่สุดในการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ของ NVIDIA เนื่องจากมีพลังประมวลผลสูงกว่ารุ่นเก่า ทำให้สามารถใช้ DLSS 4 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดปัญหาการดรอปของ FPS และให้ภาพที่สวยสมจริงกว่าการใช้งานบน RTX 2000 หรือ RTX 3000 Series อย่างชัดเจน

การ์ดจอรุ่นเก่าใช้ Frame Generation ได้หรือไม่

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ Frame Generation ซึ่งเดิมทีเป็นฟีเจอร์เฉพาะของ RTX 4000 Series ขึ้นไป ก็ได้รับการอัปเกรดให้ดีขึ้นเช่นกัน โดยเปลี่ยนวิธีการทำงานให้ใช้ AI แบบเต็มรูปแบบ แทนที่เดิมซึ่งต้องพึ่งพาฮาร์ดแวร์เฉพาะอย่าง Optical Flow Accelerator ที่มีเฉพาะใน RTX 4000

การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่า RTX 3000 และ RTX 2000 ก็น่าจะสามารถใช้ Frame Generation ได้ด้วย เพราะไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะอีกต่อไป แต่เปลี่ยนไปใช้ Tensor Core ซึ่งมีอยู่ใน RTX ทุกรุ่นแทน

แม้ว่าทางเทคนิคแล้ว Frame Generation จะสามารถทำงานบน RTX 2000 และ RTX 3000 ได้ แต่ NVIDIA ก็ยังไม่เปิดให้ใช้งานในรุ่นเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความแตกต่างของประสิทธิภาพ Tensor Core ในแต่ละรุ่น ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของเฟรมที่สร้างขึ้น ทำให้ยังจำกัดฟีเจอร์นี้ให้กับ RTX 4000 และ RTX 5000 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม DLSS 4 ไม่ได้รวม Frame Generation เข้าไปด้วย ฟีเจอร์นี้ยังคงถูกจำกัดให้ใช้งานได้เฉพาะบน RTX 4000 Series และ RTX 5000 Series เท่านั้นเหมือนเดิม ใครที่หวังว่าแค่อัปเดตไดรเวอร์ แล้ว FPS จะเพิ่มขึ้น อาจต้องผิดหวัง เพราะ DLSS 4 เน้นปรับปรุงคุณภาพของภาพมากกว่าการเพิ่มเฟรมเรต ส่วนการใช้งาน Frame Generation บนการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง RTX 2000 และ RTX 3000 นั้น ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันต่อไปว่า NVIDIA จะเปิดให้ใช้หรือไม่

NVIDIA DLSS Overrides

NVIDIA DLSS Overrides เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน DLSS 4 พร้อม Multi Frame Generation ได้ แม้ว่าเกมหรือแอปพลิเคชันบางตัวจะยังใช้ DLSS หรือ Frame Generation รุ่นเก่า ที่ไม่รองรับฟีเจอร์นี้

ปัจจุบัน Multi Frame Generation รองรับเพียง 75 เกม เท่านั้น ทำให้เกมเก่าหรือบางเกมที่ใช้ DLSS รุ่นเก่าไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ DLSS Overrides จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ

เมื่อเปิดใช้งาน DLSS Overrides ตัวไดรเวอร์จะ ข้ามการตั้งค่า DLSS ที่มาพร้อมกับเกม แล้วเปลี่ยนไปใช้ โมเดล AI ที่อยู่ในไดรเวอร์แทน ซึ่งทำงานร่วมกับ Tensor Core บนการ์ดจอ NVIDIA ทำให้สามารถใช้ DLSS 4 ได้โดยไม่ต้องรอให้ตัวเกมอัปเดต

กล่าวได้ว่า DLSS Overrides เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เกมเก่าสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ได้โดยไม่ต้องพึ่งการรองรับจากตัวเกมเอง ถือเป็นอีกหนึ่งการอัปเกรดที่ช่วยให้การ์ดจอ RTX ดึงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่

NVIDIA Smooth Motion

NVIDIA Smooth Motion เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับ ผู้ใช้ GeForce RTX 5000 Series เท่านั้น โดยช่วยเพิ่มความลื่นไหลของเกมด้วย AI Frame Generation ที่สร้างเฟรมเพิ่มเติมระหว่างสองเฟรมที่เรนเดอร์ ทำให้ภาพเคลื่อนไหวดูสมูทมากขึ้น

ฟีเจอร์นี้ทำงานในระดับไดรเวอร์ แทนที่จะเป็นระดับเกมเอ็นจิ้น ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับ AMD Fluid Motion Frames นั่นหมายความว่าผู้ใช้สามารถเปิด Frame Generation ได้แม้ในเกมที่ไม่ได้รองรับฟีเจอร์นี้โดยตรง แต่คุณภาพอาจไม่ดีเท่ากับ Frame Generation ที่ฝังมากับตัวเกม เพราะโดยปกติแล้วเกมที่รองรับจะมี Motion Vectors ช่วยให้ AI คาดการณ์การเคลื่อนไหวของวัตถุได้แม่นยำกว่า

วิธีการใช้ฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องเปิดผ่าน NVIDIA Apps เท่านั้น และมีข้อจำกัดที่ตัวเกมต้องรองรับ DirectX 11 หรือ DirectX 12 และต้องเป็นเกมที่มี โปรไฟล์ใน NVIDIA Apps หากเกมไม่ถูกตรวจพบจะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้

นอกจากนี้ในช่วงแรกฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้เฉพาะกับ RTX 5000 Series เท่านั้น แต่ในอนาคตอาจมีการขยายให้รองรับ RTX 4000 Series ด้วย ฟีเจอร์นี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ Frame Generation แม้ในเกมที่ไม่ได้รองรับ แต่ก็ยังต้องรอดูว่าการใช้งานจริงจะมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน

NVIDIA Broadcast

นอกจาก DLSS 4 แล้ว NVIDIA ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ NVIDIA Broadcast ด้วยอย่าง Studio Voice และ Virtual Key Light ที่ช่วยเปลี่ยนทุกห้องในบ้านให้กลายเป็น โฮมสตูดิโอ พร้อมยกระดับการ สตรีมสด การแชทด้วยเสียง และการประชุมทางวิดีโอ ด้วยฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนโดย AI สำหรับฟีเจอร์อื่น ๆ มีดังนี้

  • Studio Voice ตัดเสียงรบกวนและเสียงสะท้อน ลดเสียงพิมพ์คีย์บอร์ด เสียงรถ และเสียงสภาพแวดล้อม เพื่อให้เสียงพูดชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ปรับแต่งภาพพื้นหลัง เบลอพื้นหลัง หรือใช้ Green Screen โดยไม่ต้องใช้ฉากจริง
  • Virtual Key Light เพิ่มแสงให้กับใบหน้า ทำให้ภาพดูสว่างขึ้นเหมือนใช้ไฟสตูดิโอ
  • Eye Contact ปรับสายตาให้ดูเหมือนมองกล้องตลอดเวลา แม้ว่าเราจะไม่ได้จ้องกล้องจริง ๆ
  • AI Auto Framing ระบบจับภาพอัตโนมัติที่ช่วยให้เรายังคงอยู่ตรงกลางเฟรมเสมอ แม้จะขยับตัว
  • เพิ่มความคมชัดให้ฉากหลัง ทำให้วิดีโอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมือนกับว่าเราใช้กล้องใหญ่ราคาแพง

ทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้ผ่าน NVIDIA Apps ช่วยให้การประชุมออนไลน์ สตรีมเกม หรือบันทึกวิดีโอเป็นเรื่องง่ายและดูดีระดับสตูดิโอโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม

RTX Video Super Resolution

ปรับปรุง RTX Video Super Resolution ให้คุณภาพที่ดีขึ้น เพิ่มความคมชัด ลดความผิดเพี้ยน เมื่อทำการอัปสเกลรองรับการเปลี่ยนภาพจาก SDR แบบธรรมดา เป็น HDR และรองรับการอัปสเกลวิดีโอ HDR ลดการใช้พลังงาน GPU ลง 30% และเพิ่มตัวบอกสถานะบนหน้าจอ พร้อมปรับคุณภาพและการใช้พลังงาน GPU อัตโนมัติ

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่ม “คุณภาพชีวิต”

NVIDIA Control Panel เพิ่มตัวเลือกใหม่สำหรับ Advanced Optimus ช่วยให้โน้ตบุ๊กสามารถสลับไปมาระหว่างการใช้การ์ดจอแยกและกราฟิกในตัวได้แบบอัตโนมัติ รวมถึงการตั้งค่าอื่น ๆ ก็จะถูกปรับให้เหมาะสมด้วย เช่น G-SYNC

NVIDIA Apps รองรับการจัดการหน้าจอหลายจอได้แล้ว จากเดิมที่ต้องปรับใน Windows หรือ NVIDIA Control Panel เท่านั้น ฟีเจอร์นี้ในที่สุดก็เพิ่มเข้ามา

สรุป

DLSS 4 ถูกพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพกราฟิกในเกมให้ดียิ่งขึ้น โดยลดความเป็นวุ้นและทำให้ภาพมีความคมชัดใกล้เคียงกับการเรนเดอร์แบบ Native มากที่สุด ฟีเจอร์นี้เน้นที่การปรับปรุงคุณภาพภาพมากกว่าการเพิ่มเฟรมเรต (เมื่อเทียบกับ DLSS 3) สามารถใช้งานได้กับการ์ดจอ RTX ทุกรุ่น ตั้งแต่ RTX 20 จนถึง RTX 50 รุ่นล่าสุด แต่ก็อาจมีข้อจำกัดเรื่องประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง RTX 20 ที่มี Tensor Core ประสิทธิภาพต่ำกว่า RTX 50 ทำให้ผู้ใช้หลายคนที่ทดสอบแล้วพบว่ากลับทำให้เฟรมเรตลดลงด้วยซ้ำ แต่ก็ยังได้เฟรมในการเล่นเกมความละเอียดสูง กราฟิกสูง ๆ มากกว่าการไม่เปิดอยู่ดี

ส่วนที่เป็นการเพิ่ม FPS จริงๆ จะอยู่ที่ฟีเจอร์ Frame Generation มากกว่าที่รองรับเฉพาะ RTX 40 Series ขึ้นไป โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยเพิ่มเฟรมเรต ขณะที่ DLSS 4 จะเน้นที่การปรับปรุงคุณภาพภาพ ทำให้ DLSS 4 และ Frame Generation เป็นฟีเจอร์ที่แยกออกจากกัน แต่บางครั้งการโปรโมทอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดได้

ปัจจุบัน DLSS 4 สามารถใช้งานได้กับการ์ดจอ RTX ทุกรุ่น ฟรี โดยการอัปเดตไดร์เวอร์เป็นเวอร์ชันล่าสุด 572.16 เป็นต้นไป เรียกได้ว่าอัปเดตในครั้งนี้เหมือนเป็นการ “อัปเกรดการ์ดจอ” ผ่านซอฟต์แวร์เลยทีเดียว เพราะช่วยยกระดับคุณภาพกราฟิกในเกมโดยไม่ต้องเปลี่ยนการ์ดจอใหม่

อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานจากผู้ใช้หลายคนที่พบปัญหากับไดร์เวอร์ 572.16 ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ไม่เสถียร หรือเกิดจอดำหลังใช้งานไปสักพัก ทำให้ NVIDIA ต้องรีบออกเวอร์ชันอัปเดต Hotfix 572.24 เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ถึงแม้บางคนจะไม่พบปัญหาหลังอัปเดต แต่ก็ยังมีบางคนที่เจอปัญหาอยู่ ซึ่งวิธีการแก้ไขที่แนะนำคือการลบไดร์เวอร์ออกโดยใช้โปรแกรม DDU แล้วติดตั้งใหม่ หรือถ้าลองทุกวิธีแล้วยังไม่หาย อาจต้องพิจารณาถอยกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า โดยปัญหานี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับการอัปเดตไดร์เวอร์การ์ดจอ โดยเฉพาะในช่วงในช่วงที่การ์ดจอรุ่นใหม่ออกมา ใครอัปแล้วเป็นยังไงบ้างอย่าลืมมาบอกกันได้นะครับ

ที่มา : nvidia (1) (2) (3) techpowerup pcgamer digitaltrends wccftech