หลายคนที่เคยประกอบคอมน่าจะได้เห็นช่องหน้าตายาว ๆ คล้ายช่องใส่แรมบนเมนบอร์ดกันมาบ้าง ซึ่งก็อาจจะสงสัยว่ามีไว้สำหรับทำอะไร รู้แค่ว่ามีไว้ใส่การ์ดจอ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมีแค่ช่องเดียวก็พอแล้วหรือไม่ จะให้มาทำไมอีกตั้งหลายช่อง วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบว่า Expansion slot ที่เหลือมีไว้ทำอะไร ใส่อะไรเพิ่มได้บ้าง โดยที่จะพูดถึงในวันนี้ คือ PCI Express Slot นั่นเอง

PCI Express คืออะไร

PCI Express หรือ PCIe ย่อมาจาก Peripherals component interconnect Express เป็น Expansion slot ที่ถูกพัฒนามาจากสล็อตแบบเก่าอย่าง PCI, PCI-X และ AGP ให้มีสามารถรองรับแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมของเครื่องพีซี เช่น การ์ดจอ Sound Car Wi-Fi Card เป็นต้นโดยที่เรามักจะเห็นการใช้งาน Slot นี้บ่อยที่สุดกับการ์ดจอหรือ GPU นั่นเอง

PCIe มีกี่เวอร์ชั่น

PCIe ปัจจุบันได้ถูกพัฒนามาจนถึง Generation ที่ 6 แล้วในปัจจุบัน สิ่งที่ต่างกันหลัก ๆ ของแต่ละ Gen คือเรื่องของความเร็วและแบนด์วิดท์เป็นหลัก (ตามภาพ)

ก่อนจะใช้ PCIe ต้องดูอะไรบ้าง

หลัก ๆ แล้วมีทั้งหมด 2 เรื่องที่ต้องรู้คือ หน้าตาของ Slot PCIe และจำนวนแลนที่สล็อตนั้นใช้ได้ เพราะแต่ละช่องมีสเปคความเร็วที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต และแพลตฟอร์มทที่นำไปใช้งาน เช่น Z790, B760, X670 เพราะจะเกี่ยวข้องกับจำนวณเลน และรุ่น PCIe ที่แพลตฟอร์มนรองรับ

เวลาที่เรานำไปใช้งานจะดูเพียงแค่หน้าตาของสล็อตภายนอกไม่ได้ เพราะมีบอร์ดหลายรุ่นที่ให้สล็อตหน้าตาแบบเดียวกับ X16 แต่มีความเร็วใช้งานจริงอยู่ที่ x4 หรือบางสล็อตก็ให้มาเป็น PCIe รุ่นเก่า หากนำไปใช้กับการ์ดรุ่นใหม่แบนด์วิดท์อาจจะไม่เพียงพอให้การ์ดทำงานเต็มประสิทธิภาพ

หน้าตา Slot

ปัจจุบันสล็อตปกติที่เรามักจะเห็นได้บนบอร์ดส่วนมากจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ คือ x16 x8 x4 และ x1 ซึ่งทั้งหมดนี้จะแบ่งตามความยาวของสล็อตนั้น ๆ ยิ่งตัวเลขมากเท่าไหร่ขนาดยิ่งยาว

จำนวนเลนบน Slot

หมายถึงจำนวนขาพินที่มาสัมผัสกับการ์ดที่เราใส่ลงไป เรียกสั้น ๆ ว่าเลน ใช้เพื่อบ่งบอกว่าสล็อตนั้นมีช่องทางการรับส่งข้อมูล มีแบนด์วิดท์กว้างเท่าไหร่ เพราะการ์ดบางประเภทถ้าต้องการให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพควรใส่การ์ดในสล็อตที่มีสเปคสัมพันธ์กัน

แล้วถ้าไม่พอต้องทำยังไง สมัยก่อนเราเห็นเครื่องที่มีการใส่การ์ดจอหลาย ๆ ใบในเครื่องเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าเลนซีพียูมันไม่น่าจะพอสำหรับการ์ดทั้งหมดเมนบอร์ดจึงต้องมีชิปเซ็ตอื่น ๆ ขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการตรงนี้ หรือพูดง่ายๆ ช่อง USB จำนวนมากที่หลังบอร์ด หลายช่องมีการแชร์ความเร็วกัน คือที่เห็นเป็น 10 พอร์ตวิ่งจริง ๆ อาจจะเหลือแค่ครึ่งเดียวก็ได้

ช่องใส่ SSD M.2 PCIe ก็มีหลักการทำงานแบบเดียวกับ PCIe แบบปกติเพียงแค่เปลี่ยนหน้าตาพอร์ตให้มีขนาดเล็กลงเท่านั้น เพื่อให้สามารถนำไปใส่ในอุปกรณ์พกพา เช่น โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ได้แบบไม่เปลืองที่

วิธีดูว่า Slot นั้นมีกี่เลน

วิธีดูเบื้องต้นคือดูจำนวนขาพินด้านในสล็อต หรือจะดูจากรอยบัดกรีขาพินด้านหลังเมนบอร์ดก็ทำได้เช่นกัน แต่จะให้แม่นยำที่สุด คือดูจากในคู่มือ เพราะผู้ผลิตจะระบุข้อมูลสเปคของเมนบอร์ดไว้ทั้งหมด เช่น จำนวนเลน และรุ่นของสล็อตนั้น ๆ

แล้วคำถามคือเขาจะทำ Slot ยาวมาเพื่ออะไร ?

เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยืดหยุ่นขึ้นนั่นเอง เพราะถ้าสล็อตมีขนาดสั้น เราจะไม่สามารถนำการ์ดใบที่ยาวกว่าสล็อตมาใส่ได้ แม้ว่าใส่ไปแล้วจะวิ่งไม่เต็มความเร็วสูงสุดของการ์ดก็ตาม เช่น สล็อตหลักเกิดเสียขึ้นมาแล้วต้องการใช้งานต่อชั่วคราวเราก็สามารถนำการ์ดที่ต้องการแบนด์วิดท์ x16 มาใส่ในสล็อต x4 เพื่อใช้งานต่อได้

แต่ความเร็วสูงสุดที่ได้คือ x4 เท่านั้น เลยทำให้ประสิทธิภาพที่ได้อาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามสเปคเท่าไหร่ เอาเป็นว่าก็ยังดีกว่าใช้ไม่ได้เลย หรือกรณีที่ต้องใช้การ์ดจอ 2 ตัวพร้อมกันในการทำ SLI / Cross Fire หรือในงานด้านการ Live Stream ที่มีความจำเป็นในการใช้การ์ดจอหลายตัวแบ่งกันทำงาน

และก็มีการ์ดจอบางตัวที่ต้องการเชื่อมต่อแค่ PCIe x4 แต่มีหน้าตาพอร์ตแบบ x16 เช่น AMD Radeon RX 6500 XT คำถามคือแล้วทำไมไม่ทำตัวพอร์ตที่การ์ดจอให้มีขนาดเล็กตามการเชื่อมต่อที่ต้องการ คำตอบคือเพื่อความสวยงาม และเพื่อความเข้าใจง่ายว่าการ์ดใบนี้เป็นการ์ดประสิทธิภาพสูงนั่นเอง

เราสามารถใส่การ์ดใช้ข้าม Gen ได้ไหม

คำตอบคือได้ แต่ความเร็วจะลดลงตามการ์ดหรือช่องที่มีรุ่นต่ำกว่า เช่น นำการ์ดจอ PCIe 4.0 x16 มาใส่กับเมนบอร์ดที่เป็น PCIe 3.0 x16 ประสิทธิภาพของการ์ดที่เอามาใส่อาจจะลดลงก็ได้ เนื่องจากแบนด์วิดท์ลดลง

แต่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ว่ามีความต้องการแบนด์วิดท์มากน้อยเพียงใด เพราะถ้าการ์ดที่เรานำมาใส่มีความต้องการแบนด์วิดท์มากกว่าสล็อตบนบอร์ดตัวการ์ดก็จะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

การใช้งาน Slot แบบต่าง ๆ

PCIe x16 Slot ยาว

ช่องนี้น่าจะเป็นช่องที่เราใช้งานบ่อยที่สุดแล้ว เพราะเป็นช่องที่เรามักใส่การ์ดจอ ส่วนเหตุผลจริง ๆ คือสล็อตนี้เป็นสล็อตที่มีสเปคและความเร็วที่สูงที่สุดบนเมนบอร์ด ทำให้เหมาะกับการใส่การ์ดเสริมที่ต้องการแบนด์วิดท์สูงอย่างการ์ดจอ หรือถ้าใครใช้ไม่ได้ใช้การ์ดแยกจะนำการ์ดอื่น ๆ มาใส่ใช้งานแทนก็ได้เช่นกัน

PCIe x8

สล็อตนี้ปัจจุบันเราแทบไม่ค่อยเห็นที่เป็นแบบ Physical แล้วเพราะการ์ดส่วนมากที่ใช้ PCIe x8 มักจะมีหน้าตาแบบเดียวกับ x16 เพื่อให้ใช้สามารถงานได้ยืดหยุ่นกว่า ได้ความสวยงาม ไม่รู้สึกว่าการ์ดตัวเองแตกต่างกับการ์ดที่วิ่งแบบ PCIe x16 และเพื่อเป็นการลดต้นทุนด้วย

เราจะรู้ว่าการ์ดใช้งานแค่ PCIe x8 ก็ต่อเมื่อเปิดดูในซอฟ์ตแวร์แทน ตัวอย่างการ์ดที่ใช้ PCIe x8 เช่น RTX 4060 ที่ใช้พอร์ตแบบ PCIe 4.0 x8

PCIe x4

สล็อตนี้ปัจจุบันเราแทบไม่ค่อยเห็นที่เป็นแบบ Physical บนเมนบอร์ดแล้ว โดยได้สล็อตแบบนี้ส่วนมากถูกเปลี่ยนไปใช้หน้าตาแบบเดียวกับ x16 แล้ว

โดยความเร็วของ PCIe x4 เหมาะสำหรับใช้กับการ์ดที่ต้องการแบนด์วิดท์ในระดับกลาง ๆ เช่น Capture Card, SSD แบบ PCIe หรือการ์ดเพิ่มพอร์ต USB-C ความเร็วสูง 20 Gbps หลังเครื่องเป็นต้น

ส่วนหน้าตาของพอร์ตบนตัวการ์ดที่เสียบลงเมนบอร์ดจะมีทั้งที่เป็นแบบ x4 และ x16 ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต

PCIe x1

สุดท้ายช่องแบบ x1 ก็มักจะมีแถมมาให้กับแทบจะทุกเมนบอร์ด โดยสล็อตนี้เหมาะสำหรับการใส่การ์ดเสริมที่ไม่ต้องการแบนด์วิดท์ที่สูงมาก เช่น Soundcard, Wi-Fi Card

ทั้งนี้เมนบอร์ดบางตัวก็อาจจะให้สล็อต x1 หรือ x4 แบบพิเศษที่สามารถใส่การ์ดได้ยาวกว่าตัวสล็อต “สล็อตแบบปลายเปิด” แต่ แบนด์วิดท์ที่ใช้งานได้ไม่เต็มเหมือนในสล็อตแบบเต็ม

แล้วใส่การ์ดอะไรได้บ้าง

  • การ์ดจอ (GPU)
  • การ์ดเสียง (Sound Card)
  • การ์ด Wi-Fi
  • การ์ดแลนความเร็วสูง 10 Gbps
  • การ์ดแปลง PCIe เป็นช่อง M.2
  • SSD ที่เป็นแบบ PCIe
  • Capture Card
  • การ์ดเพิ่มพอร์ต USB
  • การ์ดเพิ่มพอร์ต Thunderbolt
  • การ์ดเพิ่มพอร์ต SATA
  • RAID Controller สำหรับ Server
  • Card Debug Error Code
  • อื่น ๆ

ภาพ : electronicshub, cnet, connectorsupplier, asus, 2, asrock, intel, cables-solutions, tweaktown, pcmag, elgato, creative, gigabyte, AMD