หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่มาอย่าง iPhone 7 เชื่อว่าหลายๆ คนคงดีใจกันเพราะหน่วยความจำเริ่มต้นที่ 32 GB ซึ่งมันสามารถช่วยลบฝันร้ายเกี่ยวกับปัญหาเรื่องหน่วยความจำที่ใช้ยังไงไม่เคยจะพอใน iPhone รุ่น 16 GB ลงได้ แต่มาในวันนี้คนที่รอสอย iPhone 7 และ 7 Plus รุ่น 32 GB อาจจะต้องเซ็ง เมื่อเว็บข่าวชื่อดังอย่าง GSMArena ออกมาเปิดเผยว่า iPhone 7 และ 7 Plus รุ่น 32 GB นั้นเขียนข้อมูลได้ช้ากว่ารุ่นที่มีความจุสูงกว่า (128/256 GB) ถึง 8 เท่า
iPhone 7 และ 7 Plus รุ่น 32 GB นั้นมีความเร็วในการอ่านหรือเขียนที่ช้ากว่ารุ่นความจุ 128 และ 256 GB โดยความเร็วในการอ่านข้อมูลต่างกันถึง 20% และจะต่างกันมากถึง 8 เท่าในการเขียนข้อมูล และจากตารางข้อมูลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพ (benchmark) ในด้านหน่วยความจำพบว่า iPhone 7 และ 7 Plus รุ่น 32 GB นั้นอ่านหรือเขียนข้อมูลได้ช้ากว่า iPhone 6s Plus รุ่น 64 GB อีกด้วย
Storage test | Apple iPhone 6s Plus 64GB | Apple iPhone 7 128GB | Apple iPhone 7 Plus 32GB |
Basemark OS II Memory | 1422 | 1721 | 839 |
PassMark Disk Mark | 54557 | 69616 | 43668 |
PassMark Storage Write | 200.6 Mbyte/s | 308 Mbyte/s | 39.6 Mbyte/s |
PassMark Storage Read | 628 Mbyte/s | 926 Mbyte/s | 691 Mbyte/s |
5min 4K video copy | 1:00min | 0:17min | 0:52min |
แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะบอกว่า ตัวเลขการวัดประสิทธิภาพ (benchmark) บางทีมันก็ไม่ได้บอกอะไรมาก เวลาใช้ไม่เห็นรู้สึกต่างอะไร ดังนั้นทาง YouTube ช่อง Unbox Therapy จึงทำวิดีโอออกมาพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเร็วในการเขียนข้อมูลที่ต่างกันถึง 8 เท่านั้นมีผลยังไงเมื่อถ่ายโอนข้อมูลลงเครื่อง iPhone 7
ในวิดีโอเราจะเห็นว่าการถ่ายโอนหนังความจุ 4.2 GB ลง iPhone 7 ระหว่างรุ่น 32 GB และ 256 GB ใช้เวลาต่างกันถึง 1 นาที โดย iPhone 7 ในรุ่น 256 GB ใช้เวลาแค่ 2 นาที 34 วินาทีเท่านั้น แต่ในรุ่น 32 GB ใช้เวลานานถึง 3 นาที 40 วินาที
ส่วนเหตุผลที่ทำไม iPhone 7 หรือ 7 Plus ในรุ่นความจุ 128 หรือ 256 GB ถึงได้มีความเร็วที่สูงกว่ารุ่น 32 GB มาก เป็นเพราะหน่วยความจำที่ใช้ในมือถือ เป็นหน่วยความจำแบบ Flash ยิ่งความจุเยอะจะยิ่งอ่านเขียนได้เร็วขึ้น
หากเราสังเกตจะเห็นว่า ไม่ว่ามือถือจะมีหน่วยความจำเท่าไร แต่ขนาดหรือน้ำหนักของมือถือในแต่ละหน่วยความจำนั้นไม่ต่างกัน นั่นเป็นเพราะ chipset ของหน่วยความจำนั้นมีขนาดเท่าเดิม แต่ถึง chipset ของหน่วยความจำจะมีขนาดหรือน้ำหนักเท่าเดิมแต่ chip ที่ใช้เก็บข้อมูลในหน่วยความจำแบบ Flash ยิ่งความจุเยอะจำนวน chip ในหน่วยความจำภายในจะยิ่งหนาแน่น ยิ่งหนาแน่นตัวควบคุม (NAND controller) ที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลในแต่ละ chip จะยิ่งทำงานได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน How to Geek)
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม iPhone 7 ในรุ่นที่มีความจุ 32 GB ถึงอ่านเขียนได้ช้ากว่ารุ่นที่มีความจุที่สูงกว่า ไม่ใช่ว่าทาง Apple จะใช้หน่วยความที่คุณภาพแย่กว่ามาใช้ แต่มันเป็นข้อจำกัดทางด้านเทคนิคของหน่วยความจำแบบชนิด Flash
เพิ่มเติม
ผมลองไปค้นหาข้อมูลของหน่วยความจำที่ใช้ใน iPhone 7 พบว่าในรุ่น 32 GB ทาง Apple เลือกใช้หน่วยความจำจากบริษัท SK Hynik ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิบหน่วยความจำ (memory chipmaker) ที่ใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (รองมาจาก Samsung) ส่วนใน iPhone 7 รุ่น 128 GB ใช้หน่วยความจำของ Toshiba
อ้างอิงข้อมูลจาก การแกะ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จาก iFixIt
ถึงได้รณรงค์ให้ตอนทำรีวิว ทดสอบความเร็วอ่านเขียน ROM ด้วยน่ะครับ
เครื่องจะช้า จะเร็ว จะลื่น ส่วนใหญ่ ๆ มันก็อยู่ที่ความเร็ว ROM ส่วนหนึ่ง
+1 ด้วยคนครับ
เลิกเรียก ROM ด้วยเถอะครับ เรียก Storage ดีกว่า
ROM : Read Only Memory ซึ่งไอ้ที่คุณหมายความอยากมันเป็นนั่นน่ะ มันทั้งอ่านทั้งเขียน
ต่างกับ PDA ในยุคแรกๆ ที่ ยังมี ROM เก็บ OS แล้วทำไปงานต่างๆ บน RAM ซึ่งเมื่อไหร่ถ่านเก็บไฟเลี้ยงหมด ข้อมูลจากหายเกลี้ยง ถ้าไม่มีการ backup ลง SD ไว้ (ใครใช้ Windows Mobile ยุคแรกเลยน่าจะเข้าใจดี)
Edit ไม่ได้แล้วครับ คราวหน้าจะเรียกว่า Storage ละกันครับ
Palm ยุคแรกๆ ด้วย
เรียกเปน EEPROM แทนได้ม่ะ 5555
ข่าวออกมาอาทิย์กว่าครับ
อาการเหมือนพวก SSD ของคอมพิวเตอร์
เก่าของใคร ใหม่ของผมนะ
เก่าของใคร ใหม่ของผมนะ
+1 ด้วยคน
กับคนที่เข้าใจในข้อจำกัดของเทคโนโลยี คงไม่มีปัญหาอะไร
แต่กับคนทั่วไป ได้ยินว่าช้ากว่ามีโวยแน่นอน เหอๆ
ทีแรกก็ว่าจะเข้ามาแซวแล้ว
พอเข้ามาอ่าน อ๋อ..ใช้แบบ Flash
ในด้านการใช้งานคงไม่รู้สึกต่างหรอกมั้ง
ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นขนาดนั้น
อืม เรื่องนี้ คงต้องปลงสินะ. จ่ายน้อยกว่า ก็ได้ storage ที่ช้ากว่า
อยากได้เร็วๆ ก็ต้องเพิ่มเงินไป เอาตัว 128 แทน
ถ้าเป็นผม แล้วผมมีตัว 32gb นะ ผมคงขายทิ้ง แล้วไม่ซ์้อ มันเลย gen นี้. เหมือนโดนหลอกให้ซื้อของแพงขึ้นไปอีก การตลาดแบบนี้ มะอาว
ใน ssd มันต่างกันเพราะจำนวน nand flash มันต่างกัน
ไม่ใช่ความหนาแน่นอะไรนั่นใน nand flash 1 เม็ดไรนั่นเลย
ใน article ที่เอามาแปะ ก็ไม่มีบอกเลยนะ
ยิ่งใช้หลายเม็ดมันก็สามารถออกแบบ channel ได้เยอะขึ้น นึกถึง PC RAM double-channel,quad-channel
nand flash หรือพวก mem 1 เม็ดมันกำหนดสเปค ความจุไว้แล้ว
ในมือถือที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ ไม่น่าจะใช้หลายเม็ดหรอกมั้ง
ทีนี้ก็คงเป็นคนละรุ่นกัน แต่ทำไมไม่หาเลือกสเปคใกล้ๆกันหน่อยล่ะ
+1 ใช่แล้วครับ ไม่เกี่ยวกับความหนาแน่นเลย อยากให้ลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับ nand flash ให้ดีๆ อย่าคิดเอง
ปล.แต่ Apple ก็น่าเกลียดเกิน แทนที่จะใช้ยี่ห้อเดียวกัน
พูดถึงมันก็มีแบบ stacked นะ
แต่ประเด็นคือ เหมือน Apple จะจงใจ แถมไม่มีการพูดถึงด้วย
ตาม spec ของหน่วยความจำรุ่น H23QEG8VG2ACS ที่นำมาใช้ใน iphone 7 รุ่น 32 GB หน่วยความจำรุ่นนี้มี stack 4 stack ครับ ส่วนของ Toshiba ไม่มีข้อมูลครับ
มันน่าเกลียดตรงไหน ถ้าโฆษณาว่าใช้ดีแล้วไม่ให้สิน่าเกลียด นี่รุ่นแพงกว่าได้ดีกว่าไม่เห็นแปลก พวก macbook หรือ notebook อื่นรุ่นเดียวกันบางทียังมีใช้อุปกรณ์ภายในต่างยี่ห้อกันซึ่งก็ spec ต่างกันไป หรือ Samsung ที่เคยมีใช้ sensor กล้องสองยี่ห้อในรุ่นเดียวกัน พวกนี้ถ้าไม่ได้ทำให้ด้อยหรือขัดกับคุณสมบัติที่แจ้งไว้มันก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ
โฆษณาขายแค่ความจุต่างกัน พอเอาเข้าจริงประสิทธิภาพดันต่างกันด้วย
ส่วนตัวผมผมว่าน่าเกลียด ถ้าเอาเรื่องประสิทธิภาพมาโฆษณาด้วย
ผมก็นึกไม่ออกมันจะเสียหายตรงไหน เสียหายตรงที่คนไม่ซื้อ 32GB ไปซื้อ 128GB กันหมดหรอ
128GB ก็แพงกว่า ได้กำไรอาจจะได้เยอะกว่าอีก ไม่ดีหรอหรือยังไง
มือถือรุ่นอื่น ยี่ห้ออื่น จะเป็นเหมือนกันคับ ในแง่ความจุสูงกว่าจะเร็วกว่าน่ะคับ
นานๆจะเจอ apple กั๊กเรื่อง ssd นะครับ ปกติเจ้านี้ จัดเต็มตลอด ยิ่งมาตรฐานเรือธง write ตอนนี้วิ่งไป 150 MB (S7) แล้ว ทำให้ไม่สมราคาเลย ถึงแม้ read จะ 600 ในขณะที่ยี่ห้ออื่น 480 ก็เถอะ (S7) แต่อย่าลืมราคาก็แตกต่างเช่นกัน S7 หลังจากเจอศึก P9 ราคาร่วงมาก
http://www.gsmarena.com/samsung_galaxy_note7_storage_speed_test-blog-20049.php
http://www.anandtech.com/show/9662/iphone-6s-and-iphone-6s-plus-preliminary-results
ปล.ตัวเลขจาก benchmark เป็นเรื่องไม่แน่นอน โปรแกรมเปลี่ยนเลขก็เปลี่ยน รุ่นเปลี่ยนเลขก็เปลี่ยนอีก
ปล.2 มีเรื่อง SLC/TLC อีก ช่วงแรกความเร็วหนึ่ง ช่วงหลังอีกความเร็วหนึ่ง เป็นจุดเด่นของ iPhone เลยก็ว่าได้ เร็วแต่ช่วงแรกๆ ช่วงหลังๆอืด (หมายถึงพออ่าน-เขียนเยอะๆไปแล้ว แต่บนมือถือ คงไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นบ่อยๆ เลยไม่นับเป็นข้อเสียก็ได้มั่ง)