Xiaomi นับว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราอย่างสูง เนื่องจากสินค้ามากมายหลายชนิดที่มีคุณภาพสูงแต่มีราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายๆ รวมถึงมือถือหลายๆ รุ่นที่เปิดตัวมาทีไร เหล่าแฟนๆ เป็นต้องตาโตกระเป๋าตังค์สั่นกันทุกที ซึ่งก็น่าจะมีหลายๆ คนที่สงสัยกันว่าชื่อแบรนด์ Xiaomi มีความหมายว่าอะไร และมีที่มายังไง วันนี้ CEO ของแบรนด์อย่างนาย Lei Jun ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แล้วค่ะ
ที่มาของชื่อ Xiaomi
สำหรับสาเหตุที่ CEO อย่างนาย Lei Jun ต้องออกมาเปิดเผยถึงข้อมูลของชื่อแบรนด์ Xiaomi ก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้ได้มีผู้ประกอบการชาวตะวันตกบางรายได้เข้ามาเจรจาธุรกิจกับทางบริษัท และเอาชื่อของ Xiaomi ไปคุยกันเป็นเรื่องตลกทั้งเรื่องการสะกด รวมถึงการออกเสียงชื่อแบรนด์ ทำให้ Lei Jun ทนอยู่นิ่งไม่ได้จนต้องออกมาเผยข้อมูลดังกล่าวนั่นเองค่ะ
Lei Jun
ในตอนแรกที่เริ่มก่อตั้งบริษัทนั้น แน่นอนว่าต้องมีการปรึกษากันเรื่องชื่อของบริษัทด้วย โดยชื่อที่คิดไว้ก็มีเยอะมาก อย่าง Red Star (hong xing), Red Pepper (lajiao) และ Black rice (heimi) แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เลยต้องปัดชื่อเหล่านั้นตกไป แต่ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น Lei Jun กลับนึกถึงประโยคคำสอนที่ว่า “The Buddha views a grain of rice with as much significance as Mount Meru” หรือแปลว่า พระพุทธเจ้านั้นเห็นถึงความสำคัญของเมล็ดข้าว 1 เมล็ด ยิ่งใหญ่เท่ายอดเขาพระสุเมรุ
และเมื่อมีคนเสนอชื่อบริษัทว่า Rice หรือเมล็ดข้าว ซึ่งในภาษาจีนคือคำว่า Mi (หมี่) ก็ได้มีนักลงทุนที่ชื่อ Liu Qin บอกอีกว่าลองเปลี่ยนเป็นภาษาจีนว่า Xiaomi (เสียวหมี่) ที่แปลว่า ข้าวเมล็ดเล็กๆ แทน และสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าจะใช้ชื่อบริษัทเป็น Xiaomi นั่นเองค่ะ
นอกจากนั้น Lei Jun ยังได้เล่าถึงมุมมองของตัวเองต่อการตั้งชื่อแบรนด์ว่า การตั้งชื่อแบรนด์ให้ดูหรูหราไฮเอนด์จะสามารถทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้หรือไม่? ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่ เพราะหากบริษัทไม่มีเทคโนโลยีที่ดี, สินค้าไม่ดี, ไม่รับฟังลูกค้า ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้แน่นอน
Lei Jun ยังเสริมว่าถึงแม้ชื่อแบรนด์จะง่ายๆ สั้นๆ ไม่ได้มีความหมายหรูหราอะไร แต่ถ้ามีทีมงานที่ดีพร้อมกับเทคโนโลยีที่ดีแล้ว บริษัทก็จะประสบความสำเร็จได้ เพราะฉะนั้นคุณค่าของแบรนด์ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับทีมงาน และผลงานที่ออกมา ไม่ได้อยู่ที่ชื่อของแบรนด์ค่ะ
จุดมุ่งหมายของ Xiaomi
Xiaomi คือความฝันของการสร้างสรรค์ ที่เอาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์มาเปลี่ยนแปลงโลก ดังนั้นการลงทุนแต่ละครั้งนั้นจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างยุติธรรมเสมอ และ Xiaomi ก็ได้พิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดก็มากับราคาที่ดี (ถูก) ที่สุดได้ ประมาณว่าผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจซื้อของแบรนด์ Xiaomi ได้แบบไม่ต้องมองเลย
เมื่อตอนเริ่มก่อตั้งบริษัท Xiaomi มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีและมุ่งมั่นเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งาน และสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ Xiaomi กลายเป็นบริษัทที่มีอายุน้อยที่สุดที่ติดอันดับ Fortune 500 (การจัดอันดับบริษัทจากทั่วโลก โดยวัดจากผลกำไร, รายได้ และขนาดขององค์กร)
และสิ่งที่ Xiaomi ต้องการ ก็คือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เจ๋งๆ ออกมาให้ได้ตามความคาดหวังของแฟนๆ และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของบริษัทในด้านการค้นคว้าเทคโนโลยีล้ำๆ อีกด้วย
ถึงแม้ว่าชื่อ Xiaomi (เสียวหมี่) นั้นจะออกเสียงยากสำหรับชาวตะวันตก แต่ต้องยอมรับนะคะ ว่าในปัจจุบันแบรนด์นี้สามารถทำให้ใครหลายๆ คนได้รู้จัก มีภาพลักษณ์ที่ดี และลูกค้ามีความมั่นใจที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จาก Xiaomi จนกลายเป็นโรคหมี่งอกกันถ้วนหน้าเลยล่ะค่ะ
ที่มา : Gizchina
เวลาคนจีนออกเสียง xiaomi พูดว่ายังไงครับ?
เสียวหมี่
เมล็ดข้าวเม็ดเล็กๆ ที่ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นทั้ง ข้าวต้ม ข้าวผัด ผัดกะเพรา ข้าวเกรียบ และ สารพัดเมนูข้าว
ซอฟท์แวร์เล็ก ๆ (Microsoft) ที่เปลี่ยนตลาดคอมพิวเตอร์บริษัทมาสู่บุคคล
แอปเปิล (Apple) ผลไม้ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ที่เปลี่ยนแปลงวงการมือถือและตลาดซอฟท์แวร์เข้าสู่ยุคออนไลน์ใหม่
เมล็ดข้าวเล็ก ๆ (XiaoMi) ที่นำแรงบรรดาลใจจากแอปเปิลมาสร้างสรรค์ลงอุปกรณ์ในชีวิตอื่น ๆ
ยิ่งเข้าใจว่าตัวเราเล็กมากแค่ไหน ก็มีโอกาสพัฒนาตัวเองก้าวไปยิ่งใหญ่ได้ไวขึ้น
ยิ่งเข้าใจว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า ก็ย่ำอยู่กับที่รอวันคนหมั่นไส้รุมเหยียบ