Microsoft เพิ่งปล่อย Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ให้ผู้ใช้กลุ่ม Release Preview Channel ได้ลองใช้งานกัน ซึ่งตามปกติแล้วเวอร์ชัน H2 (ครึ่งหลังของปี) มักจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะบางครั้งจะเป็นการอัปเดตใหญ่ที่มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ หรือปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่สำหรับ 25H2 กลับมีข่าวลือมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ว่าอาจเป็นเพียง “เวอร์ชันเก็บงาน” ของ 24H2 ที่เน้นเสถียรภาพและการแก้บั๊กมากกว่า ทำให้หลายคนสงสัยว่า เมื่อถึงเวลาทดสอบจริง ๆ แล้วจะมีอะไรดีขึ้นหรือไม่
ล่าสุดเว็บไซต์สายทดสอบชื่อดัง Phoronix ก็ไม่รอช้า จัดการนำ Windows 11 25H2 มาทดสอบประสิทธิภาพแบบตัวต่อตัวกับ Windows 11 24H2 รวมไปถึงคู่แข่งอย่าง Ubuntu 25.10 ที่กำลังจะออก และ Ubuntu 24.0.3 LTS เพื่อวัดให้เห็นกันชัด ๆ ว่า 25H2 จะมีอะไรเหนือกว่ารุ่นเดิมบ้าง

การทดสอบครั้งนี้ไม่ได้ทำบนเครื่องธรรมดา แต่เลือกใช้ ซีพียู Ryzen 9 9950X จับคู่กับ RAM DDR5 32GB เพื่อให้มั่นใจว่าคอขวดของฮาร์ดแวร์จะไม่ส่งผลต่อผลลัพธ์ จากนั้นก็รันโปรแกรมเบนช์มาร์กหลากหลายประเภท ครอบคลุมทั้งงานเรนเดอร์และงานประมวลผลภาพ เช่น LuxCoreRender, Embree, Intel Open Image Denoise, OSPRay และ IndigoBench รวมแล้วทั้งหมดกว่า 41 การทดสอบ ซึ่งมากพอจะสะท้อนความแตกต่างของระบบปฏิบัติการได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่หลายคนรอคอยคือ ผลลัพธ์ของ Windows 11 25H2 เมื่อเทียบกับ 24H2 ปรากฏว่า คะแนนแทบจะเท่ากันเป๊ะทุกการทดสอบ ไม่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เรียกได้ว่า ประสิทธิภาพเฉลี่ยเพิ่มขึ้น = 0% สยบข่าวลือที่ว่า 25H2 จะเร็วกว่าเดิมไปโดยสิ้นเชิง

ถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Ubuntu ผลก็ออกมาตามคาด เพราะทั้ง Ubuntu 25.10 และ Ubuntu 24.0.3 LTS ทำคะแนนเฉลี่ยได้สูงกว่า Windows อยู่ราว ๆ 15% โดยถือเป็นแนวโน้มที่เห็นมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วจากการทดสอบของ Phoronix ในอดีต ที่มักจะชี้ว่า Linux ทำงานได้ดีกว่า Windows ในงานลักษณะนี้
เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ 25H2 ไม่ได้เร็วกว่า 24H2 ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะ 25H2 ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากโค้ดเบสเดียวกันกับ 24H2 ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ ๆ ใต้ฝาเครื่อง จุดมุ่งหมายหลักของการอัปเดตครั้งนี้คือการ แก้บั๊ก เพิ่มความเสถียร และปรับปรุงการทำงานเบื้องหลัง มากกว่าที่จะเป็นการเร่งประสิทธิภาพ

แม้ผลการทดสอบนี้อาจทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะหวังว่าจะเห็น Windows รุ่นใหม่ที่แรงขึ้นกว่าเดิม แต่ในอีกมุมหนึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะ Microsoft เองก็ยังคงเดินหน้าปรับแต่งให้ Windows 11 มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว ความลื่นไหล เสถียร และการแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ใช้งานได้ดี อาจสำคัญกว่าตัวเลข Benchmark เสียอีก
ดังนั้น หากคุณกำลังรอ Windows 11 25H2 เพราะหวังจะได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่า 24H2 ก็คงต้องบอกว่าความหวังนั้นอาจไม่เป็นจริง แต่ถ้าต้องการระบบที่ นิ่งกว่า เสถียรกว่า และแก้บั๊กจุกจิกหลายอย่าง 25H2 ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดี
ที่มา : tomshardware phoronix
Comment