Microsoft อัปเกรดระบบ Recovery ของ Windows 11 ครั้งใหญ่ เพื่อให้การกู้คืนเครื่องที่มีปัญหาทำได้เร็วขึ้น แบบแทบไม่ต้องแตะตัวเครื่องเลย ไม่ว่าจะเป็นอัปเดตทำเครื่องพัง ไดรเวอร์รวน หรือบูตไม่ขึ้น โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Point-in-Time Restore, Cloud Rebuild และการอัปเดต Quick Machine Recovery ภายใต้โครงการ Windows Resiliency Initiative ที่ตั้งเป้าให้ Windows ฟื้นตัวจากปัญหาต่าง ๆ ได้ฉลาดและเสถียรกว่าเดิม

ฟีเจอร์แรกคือ Point-in-Time Restore หรือ PITR ซึ่งขยายความสามารถจาก System Restore แบบเดิมให้กว้างขึ้น โดย Windows จะเก็บสแนปช็อตทั้งระบบตามช่วงเวลา คล้ายจุด Auto Save ในเกม ครอบคลุมทั้งไฟล์ผู้ใช้ แอปที่ติดตั้ง การตั้งค่าต่าง ๆ รวมถึงไฟล์ระบบ ทำให้สามารถย้อนกลับไปยังสถานะที่เครื่องใช้งานได้จริงในไม่กี่นาที เหมาะสำหรับแก้ปัญหาที่เกิดหลังอัปเดตหรือคอนฟิกผิดพลาด โดย Microsoft เตรียมเปิดให้ผู้ใช้ Windows Insider เริ่มทดสอบเร็ว ๆ นี้

อีกฟีเจอร์สำคัญคือ Cloud Rebuild ที่ช่วยให้แอดมินสามารถสั่งลง Windows ใหม่ให้เครื่องที่พังค่อนข้างหนักผ่านคลาวด์ได้ทันที โดยไม่ต้องเข้าหน้างานหรือสร้าง USB ติดตั้ง เครื่องจะดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง Windows จากคลาวด์และทำการติดตั้งระบบใหม่อัตโนมัติ หลังจากนั้น Autopilot, OneDrive และ Windows Backup จะเข้ามาช่วยดึงข้อมูล แอป และการตั้งค่าต่าง ๆ กลับคืนให้เหมือนเดิม ช่วยลดเวลาแก้เครื่องจากหลายชั่วโมงหรือหลายวัน เหลือเพียงหลักสิบนาทีเท่านั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่ต้องดูแลอุปกรณ์จำนวนมาก

สำหรับ Quick Machine Recovery หรือ QMR Microsoft ก็ได้ปรับประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยออกแบบให้แก้ปัญหาเครื่องบูตไม่ได้อย่างแม่นยำผ่าน WinRE ระบบจะตรวจสอบสาเหตุของปัญหา ส่งข้อมูลไปวิเคราะห์ แล้วเลือกแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมให้ทันที เช่น ถอนอัปเดตที่ทำให้เครื่องพัง ลบไดรเวอร์ที่มีปัญหา หรือปรับค่าที่ผิดพลาด จุดเด่นของเวอร์ชันใหม่คือสแกนเพียงครั้งเดียวก็เจอสาเหตุและแก้ไขได้เลย ไม่ต้องวนหลายรอบเหมือนเดิม ทำให้การฟื้นเครื่องเร็วขึ้นมาก

ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้รวมอยู่ใน Windows Resiliency Initiative และจะเริ่มทยอยปล่อยใช้งานจริงในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 โดยมีเป้าหมายให้ Windows 11 กลายเป็นระบบที่กู้คืนตัวเองได้ดีกว่ายุคก่อน ลดภาระแอดมิน และช่วยให้ผู้ใช้กลับมาทำงานได้เร็วที่สุด

ที่มา : neowin