มือถือเรือธงปี 2024 เปิดตัวในไทยกันมาครบเกือบหมดแล้วในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งแต่ละรุ่นก็มาพร้อมจุดเด่นจุดขายที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าตัวไหนมาพร้อมกับกล้องที่โหดสุด ๆ ก็คงหนีไม่พ้น Xiaomi 14 Ultra ที่กลับมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์เทพสุดในบรรดาทุกรุ่น กับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่น่าจะถูกใจทั้งช่างภาพมือโปร และผู้ใช้งานทั่วไป วันนี้เราเลยจะมาเล่น 10 ฟีเจอร์เด่น ที่ทำให้ Xiaomi 14 Ultra เป็นมือถือกล้องเทพที่น่าสนใจมาก ๆ ในปีนี้กัน

ได้เซนเซอร์กล้องเทพที่สุดในบรรดาเรือธงที่ขายในไทยปี 2024

ถ้าพูดถึงตลาดสมาร์ทโฟนเรือธงในบ้านเราช่วงครึ่งแรกของปี 2024 นี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Xiaomi 14 Ultra น่าจะเป็นมือถือที่ได้ฮาร์ดแวร์กล้องจัดเต็มที่สุดในบรรดาทุกรุ่นที่ขายอยู่ในไทยเลยก็ว่าได้ อย่างแรกเลยคือเรื่องของกล้องหลักที่ได้ใช้เซนเซอร์ที่ล้ำที่สุดในตลาดอย่าง Sony LYTIA LYT-900

โดยเซนเซอร์ LYT-900 เป็นเซนเซอร์ขนาด 1 นิ้ว ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก IMX989 รุ่นเดิม โดยใช้เทคโนโลยี Dual Layer Stacked CMOS ที่มีชั้นทรานซิสเตอร์ และชั้นโฟโต้ไดโอดแบบแยกจากกัน และนำมาเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ซึ่งช่วยให้เก็บแสงได้ดีกว่าเซนเซอร์รุ่นก่อน 

กล้องหลักของ Xiaomi 14 Ultra ยังได้เปรียบในเรื่องของม่านรับแสงที่ปรับได้จริงในรูปแบบ Stepless 4 ระดับ ตั้งแต่ f/1.63, f/2.0, f/2.8 และ f/4.0 ซึ่งจะเข้ามาช่วยทำให้เอฟเฟกต์โบเก้เบลอหลังคมชัดยิ่งขึ้น มีมิติ Depth of Fields และเข้าควบคุมความสว่างของภาพ และวิดีโอไม่ให้มืด หรือล้นเกินไปตามสภาพแสงในพื้นที่ที่เราถ่าย และช่วยให้งานวิดีโอปรับสภาพแสงได้สมูธยิ่งขึ้น

สเปคกล้องของ Xiaomi 14 Ultra แบบละเอียด

กล้องหลัก 23 มม.: 50MP (f/1.63 – 4.0)

  • Sony LYT-900
  • ขนาดเซนเซอร์ 1 นิ้ว
  • ขนาดเม็ดพิกเซล 1.6 – 3.2 µm 
  • เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส multi-directional PDAF + Laser Auto Focus + เซนเซอร์วัดระยะตื้นลึก 3D TOF

กล้อง Ultrawide 12 มม. : 50MP (f/1.8)

  • Sony IMX858
  • มุมกว้าง 122 องศา
  • รองรับการถ่ายมาโครระยะ 5 ซม. 
  • ขนาดเซนเซอร์ 1/2.51″
  • ขนาดเม็ดพิกเซล 0.7 – 1.4µm
  • ระบบ AutoFocus

กล้อง Floating Telephoto 75 มม. : 50MP (f/1.8)

  • Sony IMX858
  • ซูม Optical 3.2x
  • รองรับการถ่ายมาโครระยะ 10 ซม. 
  • ขนาดเซนเซอร์ 1/2.51″
  • ขนาดเม็ดพิกเซล 0.7 – 1.4µm
  • เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบ AutoFocus 

กล้อง Periscope Telephoto 120 มม. : 50MP (f/2.5)

  • Sony IMX858
  • ซูม Optical 5x / Digital Zoom 120x
  • รองรับการถ่ายมาโครระยะ 30 ซม. 
  • ขนาดเซนเซอร์ 1/2.51″
  • ขนาดเม็ดพิกเซล 0.7 – 1.4µm
  • เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบ AutoFocus 

กล้องเซลฟี่  22 มม.: 32MP (f/2.0)

  • OmniVision OV32B40
  • ขนาดเซนเซอร์ 1/3.14″
  • ขนาดเม็ดพิกเซล 0.7µm
  • โหมดกันสั่น EIS

ได้ใช้เลนส์คุณภาพเทพจาก LEICA SUMMILUX

Xiaomi 14 Ultra ไม่ได้ดีแค่เพียงเซนเซอร์อย่างเดียว แต่รุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Xiaomi ได้จับมือกับแบรนด์กล้องหรูระดับตำนาน นำชิ้นเลนส์จาก LEICA SUMMILUX พร้อมเทคโนโลยีการเคลือบสะท้อนเลนส์ต่าง ๆ มาใช้งานจริง ช่วยให้กล้องสามารถเก็บแสงได้ดีขึ้นถึง 36% แทบ ไม่ต้องดันค่า ISO ช่วยในที่แสงน้อยเลย

ดีไซน์หน้าเลนส์เหมือนกล้องจริง ต่ออุปกรณ์เสริมใช้ ND Filter ได้

Xiaomi 14 Ultra มากับเลนส์กล้องขนาดใหญ่ เหมือนรวมกล้อง Compact ไว้กับสมาร์ทโฟน สามารถพกไปถ่ายได้ทุกที่ และถ้าใครที่อยากได้ฟีลลิ่งการถ่ายภาพที่จริงจังขึ้นมาอีกหน่อย ในรุ่นนี้ก็มีอุปกรณ์เสริมสำหรับถ่ายภาพอย่าง Xiaomi 14 Ultra Photography Kits วางจำหน่ายแยกในราคา 6,999 บาท โดยอุปกรณ์ในกล่องจะประกอบไปด้วย

  • เคสพร้อมช่อง Adapter เปลี่ยนวงแหวนหน้าเลนส์ได้
  • กริปสำหรับถ่ายภาพ
  • วงแหวนประดับหน้าเลนส์ 2 ชิ้น สีเงิน และสีส้ม
  • Filter Adapter สำหรับใส่ ND Filter ขนาด 67 มม.
  • สายคล้องมือ

โดยตัวกริปนั้นจะมาพร้อมปุ่มชัตเตอร์ และปุ่ม Dial สำหรับใช้ถ่ายได้สะดวก แถมยังเป็นพาวเวอร์แบงก์ในตัว ความจุ 1,500 mAh ชาร์จที่ความเร็ว 90W ผ่านพอร์ต USB-C ทำให้ถ่ายรูปได้นานกว่าเดิม และที่สำคัญคือ Filter Adapter ที่สามารถหา ND Filter ขนาด 67 มม. มาช่วยเสริมให้ภาพถ่ายมีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ด้วย

ได้ Color Profile สุดแจ่ม ปรับจูนสีโดย LEICA และฟิลเตอร์พิเศษเพียบ

แน่นอนว่าเมื่อ Xiaomi 14 Ultra ได้ LEICA มาร่วมงานแล้ว ความพิเศษไม่ได้หยุดที่เฉพาะเลนส์ SUMMILUX แน่นอน เพราะ LEICA ยังเข้ามาช่วยปรับ Color Profile Photogenic Styles ของภาพถ่ายมาให้ถึง 2 รูปแบบ 2 สไตล์ ให้เลือกถ่ายได้ตามสถานการณ์ ได้แก่

  • LEICA Vibrant โทนสีแบบจัดจ้าน สดใสมีชีวิตชีวา ถ่ายสนุก เหมาะกับการถ่ายในชีวิตประจำวัน
  • LEICA Authentic มาในโทนที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกล้องของ LEICA อย่างแท้จริง สีสันใกล้เคียงตาเห็น เน้น Contrast สูง แสงเงาคมชัด เพิ่มมิติให้กับภาพ เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพแนว Street

ซึ่งนอกจากจะมีเรื่องของ Photogenic Styles แล้ว Xiaomi 14 Ultra ยังมีฟิลเตอร์พิเศษที่ออกแบบมาในสไลต์ของ LEICA ให้เลือกใช้งานถ่ายภาพแบบ Streets ได้สนุก ๆ ทั้ง 6 แบบ เอาไว้สำหรับถ่ายรูปในอารมณ์ที่แตกต่างกันไปด้วย

กล้องซูมไกลสุด ๆ 120 เท่า ถ่ายคอนเสิร์ตสบาย

Xiaomi 14 Ultra เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ชูจุดขายเรื่องการซูมไกลที่จัดเต็ม โดยเลนส์ซูมแบบ Optical ที่ให้มานั้นมีทั้งระยะ 75 มม. (3.2x) และ 120 มม. (5x) ทำให้สามารถถ่ายวัตถุในระยะไกล ๆ ได้สวยงาม คมชัดไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ 

ส่วนในระยะ 10x (240 มม.) ที่เป็น Digital Zoom ก็ไม่ต้องกังวล เพราะตัวเครื่องมีระบบ In-Sensor Zoom เข้ามาช่วย ทำให้ได้ภาพที่คมชัดรายละเอียดใกล้เคียงกับการถ่ายด้วยเลนส์แบบ Optical จริง ๆ อีกทั้งยังมีระบบ Ultra Zoom เติมรายละเอียดภาพด้วย AI ในกรณีที่ซูมภาพไกลให้ด้วย

ตัวอย่างวิดีโอซูมในคอนเสิร์ต

ส่วนงานวิดีโอนั้น รุ่นนี้รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 8K@30FPS ทุกเลนส์ อีกทั้งยังรองรับการซูมไกลสูงสุดที่ 15x จะไปดูคอนเสิร์ตที่นั่งคอนเสิร์ตบนดอยก็สามารถใช้มือถือซูมช่วยให้เห็นศิลปินได้ชัด ๆ พร้อมเก็บโมเมนต์ประทับใจในคอนเสิร์ตไปพร้อมกันได้ด้วย

โหมด UltraRAW สุดโหด ถ่ายภาพไฟล์ 16-bit RAW ได้

ในโหมด Pro Camera นั้น นอกจากจะมีค่าการถ่ายรูปต่าง ๆ ไว้ให้เซ็ตเองแล้ว ยังมีอีก 1 ฟีเจอร์ที่ถูกซ่อนไว้ในหน้า Quick Setting อย่าง 16-bit RAW (Ultra RAW) ซึ่งเป็นโหมดถ่ายภาพสำหรับสาย Professional ที่นำไฟล์ดิบไปแต่งต่อในโปรแกรมในเครือของ Adobe ได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ไฟล์ไม่ช้ำง่าย

ไฟล์ DNG ที่ถ่ายจากโหมดดังกล่าวบน Xiaomi 14 Ultra จะได้รับการ Calibrated ให้ตรงตามมาตรฐานจาก Adobe Labs และเมื่อนำภาพที่ได้มาแต่งต่อบน Lightroom หรือ Camera RAW บน PhotoShop แล้ว ตัวโปรแกรมจะรู้จักข้อมูลกล้อง และตัวเลนส์ต่างๆ ของมือถือเรา เพิ่มความง่ายในการแต่งภาพขึ้นไปอีก

มีโหมด Fast Shoot สำหรับคนชอบการถ่ายภาพแนว Street

สำหรับช่างภาพสายสตรีท ที่ต้องการความรวดเร็วในการถ่ายภาพ Xiaomi 14 Ultra ก็มาพร้อมกับโหมดที่เรียกว่า Fast Shoot หรือ “โหมดถ่ายเร็ว” ที่ออกแบบหน้าตาให้เหมาะกับการถ่ายภาพ Street Photography เน้นเรื่อง Speed Shutter ทำให้ถ่ายภาพได้ Capture Speed เพียงแค่ 0.7 วินาที หยิบเครื่องมาแล้วถ่ายได้เลย ทำให้ไม่พลาดจังหวะทอง เช่น ไปถ่ายภาพนกที่บางปู หรือเวลาถ่ายสัตว์เลี้ยงแสนรัก อยากได้ช็อตสวยๆ แต่เขาไม่อยู่นิ่ง ขยับตัวอยู่ตลอดเวลา ก็ใช้โหมดนี้เก็บความประทับใจได้เลย

โดยโหมดนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนระยะเลนส์ได้รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องคอยหมุน Dial ซูมเอง โดยล็อกไว้ที่ 6 ระยะยอดนิยม ทั้ง 23 มม. / 28 มม. / 35 มม. / 50 มม. /  85มม. / 135 มม.  อีกทั้งยังมีปุ่มปรับค่าชดเชยแสง EV ในรูปแบบ Dial หมุนเปลี่ยนค่าสะดวกขึ้น

สำหรับช่างภาพสายสตรีทตัวจริงที่ชอบใช้ระบบ Zone Focus กะระยะของโฟกัสวัตถุเองเพื่อถ่ายแบบด่วน ๆ ในโหมด Fast Shoot ก็มีให้เลือกปรับด้วยเช่นกัน ทั้งระยะ 0.6 ม. / 1 ม. / 2 ม. / 3 ม. / 5 ม. เมื่อวัตถุเคลื่อนที่มาในระยะที่ต้องการแล้วก็สามารถกดถ่ายได้เลย ไม่ต้องคอยนั่งงมกับระบบ Auto Focus ให้เสียเวลา 

Quick Snap Preset ในโหมด Fast Shoot

นอกจากนี้ สำหรับใครที่ใช้ค่าที่ตั้งไว้จนคล่องมือ ไม่อยากจะเซ็ตให้ยุ่งยากในทุก ๆ ครั้งที่เข้าโหมด Fast Shoot ฟีเจอร์นี้ยังมีระบบ Quick Snap Preset ที่สามารถบันทึกการตั้งค่ากล้องที่เราชอบใช้ได้เอง รวมถึงสามารถ Export และแชร์ไปให้เพื่อน ๆ ได้ใช้ หรือจะ Import ค่าที่เคยตั้งไว้มาใช้งานได้ด้วย เรียกว่าอำนวยความสะดวกให้แบบสุด ๆ กันไปเลย 

Master Portrait System โหมดถ่ายภาพใหม่ เบลอหลังสวย มีมิติ

ภายในโหมดถ่ายรูปบุคคลของ Xiaomi 14 Ultra มาพร้อมกับสไตล์การถ่ายภาพแบบใหม่ ที่มีชื่อว่า Master Portrait System โดยโหมดนี้จะแตกต่างจาก LEICA Portrait ตรงที่จะมีการปรับแสง เงา ความลึกของวัตถุให้มีความสมจริง ดึงวัตถุในเงาออกมาได้ดีกว่า การเบลอหลังเอฟเฟกต์โบเก้ต่าง ๆ จะดูมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า คอนทราสต์ไม่จัด ช่วยให้คน หรือวัตถุดูเด่นขึ้นจากพื้นหลังมากกว่าเดิม

แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้โหมด LEICA Portrait Style ในการถ่ายแล้ว แต่เราสามารถใช้ระบบ Master-Lens System โหมดการถ่ายภาพ Portrait ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเลนส์ดังของ LEICA พร้อมกับ Master Portrait System ได้อยู่ ซึ่งประกอบไปด้วย

  • 35 มม. Documentary lens: ให้ภาพที่สมจริงเหมือนตาเห็น
  • 50 มม. Swirly bokeh lens: ดึงวัตถุ หรือบุคคลหน้ากล้องให้ชัดขึ้น พร้อมบิดพื้นหลังให้มีเอฟเฟกต์โค้ง ๆ ดูโรแมนติก
  • 75 มม. Portrait Lens: ดัน Contrast ดึงคนให้เด่นออกจากภาพ
  • 90 มม. Soft focus lens: เพิ่มความฟุ้งละมุน เหมาะสำหรับถ่ายภาพแบบ Close-Up

โหมดถ่ายวิดีโอระดับโปรดักชันจัดเต็ม

ตัวอย่างวิดีโอ 10-bit (Rec.2020) ก่อน และหลังเกรดสี

พูดถึงเรื่องภาพนิ่งกันไปเยอะแล้ว งานวิดีโอของ Xiaomi 14 Ultra ก็ถือว่าจัดเต็มไม่แพ้กัน นอกจากจะถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K@30FPS ทุกเลนส์แล้ว ยังมาพร้อมกับโหมดชูโรงอย่าง MasterCinema ที่สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ขอบเขตสีแบบ 10-bit (Rec.2020) ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานแล้วจะช่วยให้สามารถเก็บดีเทล รายละเอียดแสงเงาได้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม และเพิ่มความยืดหยุ่นในการเกรดสีได้ถึงระดับภาพยนตร์

ตัวอย่างไฟล์ LOG ก่อน และหลังเกรดสี

ส่วนโหมด Pro Video นั้น ยังสามารถถ่ายวิดีโอได้ในรูปแบบไฟล์ LOG บนความละเอียดสูงสุด 4K@60FPS (เฉพาะ) เพื่อนำไปใช้เกรดสีต่อในโปรแกรมต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ส่วนใครที่มีค่าสี LUT ที่ใช้งานบ่อย ๆ ก็สามารถนำไฟล์ CUBE เพื่อมาใช้ดูตัวอย่างค่าสีคร่าว ๆ ในขณะถ่ายไปพร้อม ๆ กันได้

นอกจากนี้ Xiaomi 14 Ultra ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนเก็บเสียงรอบทิศทางถึง 4 ตัว และเมื่อใช้งานถ่ายในโหมด Pro Video เราสามารถตั้งค่าให้ระบบเลือกเก็บเสียงได้ตามทิศทางที่ต้องการ ทั้งเก็บเสียงรอบทิศทาง, เก็บเสียงหลังกล้อง, เก็บเสียงหน้ากล้อง และมีโหมดซูมเสียงให้ใช้งานในกรณีที่ออกไปถ่ายงานข้างนอกแล้วลืมนำไมค์แยกมาด้วย

มีลายน้ำ LEICA Watermarked ให้เลือกปรับ

Xiaomi ทุกรุ่นที่ใช้ระบบกล้องกับ LEICA จะมาพร้อมกับลายน้ำแบบพิเศษที่เรียกว่า LEICA Watermarked ที่สามารถเปิดเพื่อแสดงผลค่าการถ่ายรูปต่าง ๆ ทั้งระยะเลนส์, ค่ารูรับแสง, Shutter Speed รวมถึงค่า ISO พร้อมโลโก้สวย ๆ ไว้ที่ด้านล่างภาพ เพื่อโชว์ความเป็น LEICA แบบเต็มพิกัด

นอกจากลายน้ำแบบแถบสีขาวแล้ว เรายังสามารถเลือกปรับคัสตอมกรอบแบบพิเศษจาก LEICA ได้ที่โหมด Edit Photo ได้ถึง 5 รูปแบบ แถมยังสามารถเปลี่ยนกรอบสีขาว ให้เป็นสีดำก็ได้ สามารถนำภาพพร้อมลายน้ำไปแชร์ต่อสวย ๆ ได้ทันที

ฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Xiaomi 14 Ultra ที่น่าสนใจ

Xiaomi 14 Ultra นอกจากจะมากับสเปคกล้องที่จัดเต็มที่สุดในปี 2024 แล้ว ยังมีอีกหลาย ๆ ฟีเจอร์ที่ทำให้มือถือรุ่นนี้น่าใช้ อย่างจอแสดงผล All Around Liquid Display ที่ใช้กระจกโค้งเท่ากันหมดทั้ง 4 ด้าน ลักษณะคล้ายหยดน้ำช่วยเสริมความหรูหราให้กับตัวเครื่อง ในขณะที่จอไม่ใช้งานยากจนเกินไป 

แถมยังได้พาเนล LTPO AMOLED C8 ระดับท็อป ความละเอียดสูง WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) ใช้ รองรับการปรับรีเฟรชเรตแบบ Adaptive 1 – 120Hz สว่างสูงสุดถึง 3,000 nits รองรับการแสดงผลทั้ง HDR10, HDR10+, Dolby Vision และ HLG มาตรฐานสีเที่ยงตรงระดับโปรดักชัน

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นมือถือเรือธง ชิปประมวลผลที่ใช้งานก็ต้องแรงที่สุดในปี 2024 อย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ที่ CPU แรงกว่าเดิม 32% และประหยัดพลังงานกว่าเดิม 34% ส่วน GPU ก็แรงขึ้นถึง 34% และลดการใช้พลังงานได้ถึง 38% พร้อมความจุแน่น ๆ 16GB + 512GB จะถ่ายรูปหรือเล่นเกม ก็ใช้งานได้สบาย ๆ

สเปค Xiaomi 14 Ultra

  • จอภาพ : LTPO AMOLED C8 ขนาด 6.8 นิ้ว
    • ความละเอียด WQHD+ (1440 x 3200 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 3,000 นิต
    • อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    • รองรับ HDR10+, Dolby Vision, HLG
    • รองรับ Pro HDR Display
  • ชิปเซต : Snapdragon 8 Gen 3
  • RAM LPDDR5x : 16GB
  • ROM UFS 4.0 : 512GB
  • กล้องหลัง LEICA VARIO-SUMMILUX :
    • กล้องหลัก LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว 50MP (𝑓/1.63 – 4.0), ระบบกันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ IMX858 50MP (𝑓/1.8), มุมกว้าง 122 องศา
    • กล้องเทเลโฟโต IMX858 50MP (𝑓/1.8), ซูมออปติคัล 3.2 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
    • กล้อง Periscope IMX858 50MP (𝑓/2.5), ซูมออปติคัล 5 เท่า และดิจิทัล 120 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
  • กล้องหน้า : 32MP (𝑓/2.0)
  • เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
    • รองรับ Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 90W
    • รองรับชาร์จไร้สาย 80W
  • การเชื่อมต่อ :
    • เครือข่าย 5G
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
  • พอร์ต : USB Type-C 3.2
  • ความทนทาน : ทนน้ำและฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ : HyperOS บนพื้นฐาน Android 14

ใครชอบมือถือไซซ์เล็ก มี Xiaomi 14 ให้เลือกด้วย

ใครที่ชอบมือถือเครื่องเล็ก พกง่าย น้ำหนักเบา แต่ยังได้กล้องเทพ ๆ จาก LEICA ก็ยังมี Xiaomi 14 รุ่นมาตรฐาน ให้เลือกกันเพิ่มเติม โดยตัวเครื่องมาในขนาดจอ 6.36 นิ้ว สามารถจับถือใช้งานมือเดียวได้สะดวก มากับกล้องหลัก Light Hunter 900 ความละเอียด 50MP ขนาด 1/1.31″ ที่ได้ใช้เลนส์ LEICA SUMMILUX เหมือนกัน แต่ฟีเจอร์กล้องอาจจะลดหลั่นกันไปบ้าง แต่ยังถ่ายได้สวยไม่แพ้รุ่นใหญ่เลย

สเปค Xiaomi 14

  • จอภาพ : OLED LTPO C8 ขนาด 6.36 นิ้ว
    • ความละเอียด 1.5K (1200 x 2670 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 3,000 นิต
    • อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    • รองรับ HDR10+, Dolby Vision
  • ชิปเซต : Snapdragon 8 Gen 3
  • RAM LPDDR5x : 12GB
  • ROM UFS 4.0 : 256 / 512GB
  • กล้อง LEICA VARIO-SUMMILUX :
    • กล้องหลัก Light Hunter 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว 50MP (𝑓/1.6), ระบบกันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 50MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 115 องศา
    • กล้องเทเลโฟโต 50MP (𝑓/2.0), ระบบกันสั่น OIS, ระบบโฟกัส Floating Focus, ระยะซูม Optical 75 มม. (3.2x) และ Digital 60x
  • กล้องหน้า : 32MP (𝑓/2.0)
  • เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
    • รองรับ Dolby Atmos, Hi-Res, Hi-Res Wireless
  • แบตเตอรี่ : 4,610 mAh
    • รองรับชาร์จไว 90W
    • รองรับชาร์จไร้สาย 50W
  • การเชื่อมต่อ :
    • เครือข่าย 5G
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
  • พอร์ต : USB Type-C 3.2
  • ความทนทาน : ทนน้ำและฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ : HyperOS บนพื้นฐาน Android 14

ราคา และการวางจำหน่าย

Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 Series วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว โดยรุ่น Ultra มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาว และสีดำ ส่วนรุ่นมาตรฐาน มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีขาว และสีเขียว ส่วนราคา ณ ปัจจุบัน มีดังนี้

  • Xiaomi 14 (12 + 512GB) – เริ่มต้น 27,990 บาท (ลดจากราคาเปิดตัว 2,000 บาท)
  • Xiaomi 14 Ultra (16 + 512GB) – ราคา 40,990 บาท
  • Xiaomi 14 Ultra Photography Kits วางจำหน่ายแยกในราคา 6,999 บาท