สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Droidsans ทุกท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วกับบทความรีวิวมือถือสไตล์ผม โดยวันนี้ขอมาแนะนำมือถือรุ่นเล็กจากแบรนด์ Xiaomi หรือ MI ที่ทาง i-mobile ประเทศไทยนำเข้ามาจำหน่าย เจ้าตัวเล็กนี้ชื่อว่า Redmi 4A ราคา 4,590 บาท เน้นขายความเล็กพอดีคำด้วยหน้าจอ 5 นิ้ว สเปกสมตัว แต่เรื่องกล้องและแบตเตอรี่นั้นถือว่าดีเกินตัวพอสมควร มาดูรายละเอียดกันครับ
สเปกของ Redmi 4A
- ชื่อและรหัสเครื่อง : Redmi 4A
- ขนาด : 139.9 x 70.4 x 8.5 มม.
- น้ำหนัก : 131.5 กรัม
- หน้าจอ : IPS LCD ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD (720×1280) 296 PPI
- เครือข่ายที่รองรับ:
- 4G : LTE 800 / 850 / 1700 / 1800 / 2100 / 2300 MHz
- 3G : WCDMA 850 / 900 / 1900 / 2100
- 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
- SIM : 2 SIM แบบ MicroSIM + NanoSIM (Dual Standby)
- CPU : Qualcomm Snapdragon 425 quad-core 1.4GHz
- GPU : Adreno 308 500MHz
- RAM : 2GB
- หน่วยความจำภายใน : 32GB eMMC รองรับ microSD card สูงสุด 128GB
- กล้องหลัง :
- กล้องคู่ 13 ล้านพิกเซล
- ค่า aperture F2.2
- ระบบ Autofocus
- Single LED flash
- กล้องหน้า :
- 5 ล้านพิกเซล
- ค่า aperture F2.2
- แบตเตอรี่ : 3120mAh
- OS : Android 6.0.1 Marshmallow พร้อม MIUI 8 Global version
- สแกนลายนิ้วมือ : ไม่มี
- NFC : ไม่มี
- OTG : มี
- ไฟแจ้งเตือน : มี
- เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ:
- GPS, A-GPS, GLONASS, BeiDou
- Wi-Fi b/g/n 2.4GHz
- Bluetooth 4.1
- Infrared sensor
- Micro USB 2.0
- หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- Accelerometer, Ambient Light, Proximity, Gyroscope
- สีที่มีให้เลือก : Gold และ Grey
- ราคา : 4,590 บาท
แกะกล่อง
แพ็คเกจของ Redmi 4A นั้นให้มาค่อนข้างกระทัดรัด ทั้งกล่องที่มีขนาดกว้างยาวพอๆกับตัวเครื่อง และอุปกรณ์ที่แถมมา โดยในกล่องประกอบด้วยของดังต่อไปนี้
- ตัวเครื่อง Redmi 4A
- Adapter สำหรับชาร์จ
- สาย USB
- เข็มจิ้มซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
Adapter สำหรับชาร์จ จ่ายไฟขนาด 5.0V === 2A
ก็เหมือนกับมือถือ Xiaomi รุ่นอื่นๆที่ในกล่องจะไม่มีการแถมหูฟัง smalltalk มาให้ เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน และโดยส่วนใหญ่คนใช้มักจะมีหูฟังที่ใช้ประจำอยู่แล้ว ก็เลยไม่แถมมาให้ครับ ดังนั้นถ้าใครซื้อมือถือ Xiaomi แล้วยังไม่มีหูฟังส่วนตัวก็ต้องไปหาซื้อมาเพิ่มเอง
Hardware
Redmi 4A นั้นมีขนาดหน้าจอเพียง 5 นิ้วทำให้ตัวเครื่องเล็กกระทันรัด สามารถจับได้ถนัดมือ วัสดุที่ใช้ก็เป็นพลาสติกเคลือบผิวสะท้อนแสงแบบเมทัลลิก ผิวด้านไม่ติดลายนิ้วมือ งานประกอบแน่นหนาดีมาก เนื่องจากไม่สามารถแกะฝาหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ น้ำหนักเบาจับถือได้ง่าย ไม่หลุดมือแน่นอน
ส่วนบนของหน้าจอประกอบด้วยช่องเซ็นเซอร์ Proximity กับ Ambient Light, ลำโพงสนทนา และกล้องหน้า
ส่วนล่างของหน้าจอมีปุ่มสัมผัส 3 ปุ่มตามมาตรฐานของ Android คือ Recents, Home และ Back แต่ว่าไม่มีแสง backlight ที่ตัวปุ่มนะครับ ตอนมืดๆก็คลำเอาละกัน
ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบด้วย พอร์ต microUSB และ ไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ด้านบนของตัวเครื่องมีรูหูฟัง 3.5 มม. ถัดไปคือพอร์ตอินฟราเรด และรูเล็กๆนั่นคือ ไมค์ตัดเสียงรบกวน
ด้านขวาของตัวเครื่องมีการจัดเรียงปุ่มตามมาตรฐานของ Android คือ ปุ่มปรับเสียงอยู่ด้านบนและปุ่ม Power อยู่ถัดลงมา
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องถาดซิมที่ต้องใช้เข็มจิ้มออกมา
พลิกมาดูด้านหลังตัวเครื่องกันบ้าง
ซูมเข้ามาส่วนบนจะเป็นกล้อง 13 ล้านพิกเซล ถัดไปด้านซ้ายเป็นส่วนของไฟแฟลชแบบดวงเดียว
ส่วนล่างจะเป็นช่องลำโพงสำหรับเสียงเรียบเข้าและฟังเพลง มีแง่งเล็กๆเอาไว้ดันตัวเครื่องให้สูงขึ้นจากพื้นราบเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ลำโพงโดนปิดเวลาวางกับพื้นราบ
ถาดซิมของ Redmi 4A เป็นแบบ Hybrid โดยต้องเลือกว่าจะใช้ 2 ซิมหรือ 1 ซิมกับ microSD card สำหรับช่อง SIM1 จะเป็น MicroSIM และ SIM2 เป็น NanoSIM ครับ อ้อ ระบบ 2 ซิมของรุ่นนี้เป็นแบบ 4G ทั้ง 2 ซิม แต่จะใช้งาน 4G ได้ซิมเดียว อีกซิมจะกลายเป็น 2G ครับ
โดยรวมงานออกแบบของ Redmi 4A นั้นถือว่าโอเคเลย ตัวเครื่องดูสวยงาม งานประกอบเนียนกริ๊บสไตล์ Unibody การจับถือเข้ามือ ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา สามารถใช้งานมือเดียวได้ง่าย ไม่ลำบาก น่าพอใจครับ
Software
Redmi 4A มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ MIUI 8 Global version ที่ทำงานอยู่บน Android 6.0.1 Marshmallow ถึงจะไม่ใช่ Android เวอร์ชันล่าสุดแต่ก็สามารถใช้งานได้อย่างดี ในส่วนของ Security update เป็นของเดือนเมษายนปีนี้แล้วถือว่าใหม่ใช้ได้ ส่วนเรื่องการอัพเดตซอฟต์แวร์นั้นก็มีมาเรื่อยๆตามสไตล์ของ MIUI
MIUI
แน่นอนครับมือถือ Xiaomi ทุกรุ่นต้องมาพร้อมกับหน้าตา UI ที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว โดยนอกจากหน้าตาที่ดูสวยงามแลัวยังอัดแน่นมาด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายๆอย่างเลยทีเดียว และเนื่องจากรุ่นนี้เป็น MIUI 8 Global version จึงรองรับภาษาทั่วโลกรวมถึงภาษาไทย และไม่มีการเจือปนด้วยแอปภาษาจีนใดๆทั้งสิ้นครับ
สำหรับ MIUI ถือว่าเป็น Android UI รุ่นแรกๆที่ไม่มี App Drawer มาให้ใช้งานเลย คือจะเน้นการใช้งานแบบเดียวกับ iOS เป็นหลัก ดังนั้นแอปทุกแอปจะวางเรียงบนหน้า Homescreen เลย เวลาเอาออกจากหน้าจอก็คือการ uninstall ออกจากเครื่องทันที ส่วนที่เหลืออย่าง Widget และ Shortcut ต่างๆ ก็ยังคงใช้งานเหมือนกับ Android ทั่วไป
Notification
สำหรับส่วนการแจ้งเตือนหรือ Notification ใน MIUI นั้น เราสามารถปรับค่าได้หลายอย่าง ทั้งในส่วนของ Layout ที่เลือกว่าจะเป็นแบบ Noti และ toggles อยู่รวมกัน (Combined) หรือแบบแยกคนละหน้า (Separate) นอกจากนั้นก็ปรับได้ว่าจะให้แอปไหนแสดงข้อความแจ้งเตือนได้บ้าง (App notifications) และจัดเรียงตำแหน่งของ toggles ต่างๆได้เอง
สำหรับส่วนของไฟแจ้งเตือน (Notification light) เราสามารถเลือกปรับสีได้เองว่าต้องใช้สีอะไร ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 7 สีเลยทีเดียว ได้แก่ ฟ้า, แดง, เหลือง, เขียว, คราม, ขาว และม่วง
MIUI Theme
Redmi 4A ถึงจะเป็นรุ่นเล็ก สเปกไม่ได้สูงอะไร แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่ามือถือของ Xiaomi ก็ต้องมีระบบ Theme ของ MIUI มาให้ด้วยเป็นของคู่กัน ซึ่งต้องบอกว่ามี Theme สวยๆให้เลือกใช้งานมากมายเลย เพราะน่าจะเป็น UI แรกๆของ Android ที่มีระบบ Theme เลยมั้ง สำหรับ Theme ก็จะเป็นการเปลี่ยนแทบทุกส่วนของ UI เลย ไม่ใช่เฉพาะ Icon และ Wallpaper เหมือนบางเจ้า
การปรับภาพของหน้าจอ
Redmi 4A อนุญาตให้เราสามารถปรับการแสดงผลหน้าจอให้เหมาะกับความชอบของเราได้ทั้งเรื่องความสว่าง (Brightness), โหมดสำหรับการอ่าน (Reading mode) รวมไปถึงการปรับสีและมิติของภาพ (Colors & contrast) นั้นสามารถทำได้ในมือถือรุ่นเล็กแบบนี้ด้วยเช่นกัน โดย Contrast สามารถเลือกได้ว่าจะให้ปรับอัตโนมัติตามสภาพแสงหรือให้คงที่ก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นเรายังสามารถปรับขนาดตัวอักษร (Text size) และเปิดโหมด Double tap to wake ได้อีกด้วย
Security center
MIUI มาพร้อมกับแอป Security ที่เป็นศูนย์ฟีเจอร์หลายๆอย่าง ได้แก่
- Cleaner : เอาไว้เคลียร์ขยะในหน่วยความจำของเครื่อง
- Data usage : ตรวจเช็ครวมถึงบล็อคการใช้งานอินเตอร์เน็ตของแอปต่างๆ
- Blocklist : บล็อคการโทรเข้าของเบอร์ที่ไม่ต้องการรับสาย
- Battery : ตรวจสอบการใช้งานแบตเตอรี่พร้อมจัดการระบบประหยัดพลังงาน
- Virus scan : ระบบสแกนไวรัส
- Permissions : การจัดการสิทธิ์ของแอปในการเข้าถึงทรัพยากรในเครื่องของเรา
ฟีเจอร์เสริม Second space, Dual apps, App lock และ Child mode
ฟีเจอร์เสริมที่น่าสนใจของ MIUI มีอีกหลายอย่าง ได้แก่
- Second space : เปิดพื้นที่ที่สองสำหรับการใช้งานมือถือ เสมือนเรามีมือถืออีก 1 เครื่อง แบ่งแยกแอปและพื้นที่การใช้งานออกจากกันชัดเจน และสามารถสลับไปมาได้ เช่น พื้นที่หลักเอาไว้ใช้งานส่วนตัว ส่วนพื้นที่รองเอาใช้ตอนทำงาน เป็นต้น
- Dual apps : เราสามารถโคลนแอปบางอย่าง เช่น Facebook, Messenger และ Line ออกมาเป็นแอปอีก 1 อัน เพื่อให้เราสามารถใช้งานแอปเหล่านี้แบบ 2 ไอดีได้เลย
- App lock : เราสามารถสั่งล็อคด้วยรหัสผ่านได้ เพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่ให้คนอื่นมาเปิดแอปนั้นๆดูได้ตอนที่เอามือถือเราไปเล่น
- Child mode : ปรับมือถือให้เหมาะกับเด็กเอาไปใช้งาน ในกรณีที่จะให้ลูกหลายยืมมือถือไปเล่น โดยเราสามารถเลือกแอป
Google apps และแอปเสริมอื่นๆ
อย่างที่บอกไปว่า Redmi 4A นั้นมาพร้อมกับ MIUI 8 Global version ดังนั้นจึงมาพร้อมกับแอปมาตรฐานของ Google อย่างครบครัน รวมไปถึง Play Store ด้วย ไม่ต้องไปหามาลงเองเหมือน Chinese version นอกจากนั้นยังมีแอปเครื่องมือแบบมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้จริง เช่น Calculator, FM Radio, Recorder และ Compass เป็นต้น ไม่มี bloatware ภาษาจีนใช้ประโยขน์ไม่ได้ติดมากับเครื่องเหมือนพวก Chinese version อีกแล้ว
ประสิทธิภาพการใช้งาน
Redmi 4A นั้นมาพร้อมสเปกระดับเริ่มต้น ใช้ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 425 Octa-core 1.4GHz และ GPU Adreno 308 ในส่วนของ RAM ให้มา 2GB แต่ ROM ใหญ่ 32GB เลย สำหรับการใช้งานทั่วไปถือว่าเพียงพอ เล่นเกมได้บ้าง แต่เล่นเกมที่เป็น 3D แบบหนักๆคงไม่ไหวตามสเปกของมัน สำหรับผลคะแนนทดสอบ benchmark ก็ได้ตามนี้
Antutu Benchmark
Geekbench 4 : CPU & GPU
ในส่วนของความเร็ว Storage จากการทดสอบด้วย AndroBench ก็ได้ความเร็วการอ่านข้อมูลประมาณ 277MB/s ถือว่าเป็น memory แบบ eMMC ครับ
ประสิทธิภาพจากการใช้งานจริงนั้นพบว่า Redmi 4A มีความลื่นไหลในการใช้งานพอตัว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต, Social และถ่ายรูป ถือว่าเพียงพอใช้งานได้เรื่อยๆ มีจังหวะหน่วงบ้างเป็นครั้งคราว น่าจะเพราะ RAM ไม่พอใช้ ส่วนการเล่นเกมนั้นเล่นได้แบบเกม Casual ทั่วไป ถ้ากราฟฟิกแบบหนักๆ การตอบสนองถือว่าทำได้ดีเพราะหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 720p นั้นไม่เกินกำลังของชิปเซต
ความอึดของแบตเตอรี่
Redmi 4A มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดถึง 3120mAh ถือว่าใหญ่พอตัวเมื่อเทียบกับขนาดและสเปกเครื่อง จากการใช้งานปกติของผมพบใช้งานได้ครบ 1 วันแบบสบายๆ กลับบ้านเหลือแบตอีก 50% ลองไม่ชาร์จและใช้ต่อในวันถัดไปก็ได้ถึงเย็นเลยครับ อึดจริงๆเลยนะตัวแค่เนี้ย ส่วนของ Screen on time นั้นทำได้ถึง 7 ชั่วโมงเลย ถือว่าน่าพอใจมากเรื่องแบตเตอรี่ของมือถือรุ่นนี้
ทว่าถึงแบตเตอรี่จะอึดจริงๆ แต่ผมพบว่าความเร็วในการชาร์จในนั้นช้ามากครับ ถึงแม้จะให้ Adaptor ระดับ 5V 2A มาก็ยังชาร์จได้ช้าอยู่ กว่าจะชาร์จเต็มมี 2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ น่าเสียดายว่าตัวเครื่องไม่ดูดกระแสไฟเข้าไปให้สมกับที่ Adaptor ให้มาเลย
GPS
สำหรับ GPS ของ Redmi 4A นั้นถือว่าทำได้ดีเลย สามารถจับสัญญาณได้รวดเร็ว และใช้นำทางได้อย่างแม่นยำ สัญญาณจะหายบ้างตอนอยู่ต้สะพานหรือทางด่วน แต่นั่นก็น่าจะเป็นเรื่องปกติของมือถือทั่วไป โดยรวมผมว่ารุ่นนี้เหมาะเอามาใช้เป็น GPS นำทาง เพราะแบตเตอรี่นั้นอึดด้วยอีกต่างหาก
กล้องถ่ายรูปและตัวอย่างภาพถ่าย
Redmi 4A มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่า aperture F2.2 พร้อมระบบ Autofocus และไฟแฟลชแบบ Single LED โดยรวมถือว่าโอเคสำหรับมือถือในราคาระดับนี้ เพราะบางรุ่นยังได้เพียง 8 ล้ายพิกเซลเท่านั้น
สำหรับ UI ของกล้องนั้นก็ตามสไตล์ของ MIUI ด้านซ้ายมีปุ่มเปิดปิด HDR และเปิดแฟลช ด้านขวามีปุ่มสลับกล้องหน้าหลัง, ปุ่มเลือกโหมดกล้อง และปุ่มเปิด Realtime Filter สำหรับโหมดกล้องก็มีให้เล่นหลายแบบ เช่น Beautify, Panorama และ Manual เป็นต้น ส่วน Filter ก็มีให้เลือกหลายโทนสีแล้วแต่สะดวกเลย
ในส่วนของ Settings สำหรับกล้องนั้นจะแยกกันระหว่างการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ รวมไปถึงกล้องหน้าด้วย โดยถ้าเราเปิดโหมดถ่ายรูปธรรมดาก็จะมี settings ชุดนึง ถ้าโหมดถ่ายวิดีโอก็จะมี settings อีกชุดนึงแยกกันนั่นเอง ส่วนค่า settings ที่เราปรับได้ก็มีเรื่องความละเอียดและสัดส่วนของรูปหรือวิดีโอ รวมไปถึงการเปิดปิดเสียงถ่ายรูปและการบันทึกตำแหน่งลงไปในรูป เป็นตัน
สำหรับคุณภาพของรูปถ่ายต้องบอกว่า ทำได้ดีอยู่เหมือนกัน กับมือถือราคาแค่ 4000 กว่าบาท ภาพออกมาถือว่าน่าพอใจ เฉพาะตอนที่สภาพแสงเพียงพอนะครับ ถ้าเป็นตอนกลางคืนหรือตอนแสงน้อยคุณภาพก็ drop ลงไปอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน
บทสรุป
Redmi 4A นับว่าเป็นมือถือที่น่าสนใจในการซื้อไปใช้งานรุ่นหนึ่ง ด้วยสเปกระดับเริ่มต้น มือถือขนาดไม่ใหญ่ และแบตเตอรี่ที่เกินตัวทำให้การใช้งานทำได้ลื่นไหล และใช้ได้อย่างยาวนานประมาณ 1.5-2 วันได้เลย ในส่วนของกล้องถือว่าทำได้ดีในราคาระดับนี้ ร่วมด้วยประสิทธิภาพของระบบซอฟต์แวร์ MIUI ที่มีฟีเจอร์น่าสนใจหลายอย่างนอกจากความสวยงาม ขอสรุปข้อดีและจุดที่ควรปรับปรุงไว้ดังนี้
ข้อดี
- เครื่องเล็กกระทันรัด งานประกอบดี แข็งแรง
- กล้องดีใช้ได้
- ประสิทธิภาพดี ใช้งานสนุก
- แบตเตอรี่อึดเกินตัว
- MIUI 8 Global
จุดที่ควรปรับปรุง
- ชิปเซตรุ่นเก่า
- ชาร์จแบตค่อนข้างช้า
- ใช้งานไปนานๆมีหน่วง ต้อง clear หน่วยความจำ
- ราคาใกล้เคียงกับ Redmi 4X มากเกินไป
Redmi 4A วางจำหน่ายแล้วในราคา 4,590 บาท มี 2 สีให้เลือกคือ ทองและเทาดำ อย่างที่บอกไปในข้อสังเกตด้านบนคือ ราคาของรุ่นนี้ใกล้เคียงกับรุ่นที่ดีกว่าอย่าง Redmi 4X มากเกินไป โดย Redmi 4X ราคา 4,990 บาท แพงกว่าแค่ 400 บาท แต่ได้ชิปเซตที่ดีกว่า (Snap 435), แบตเตอรี่มากกว่า (4100mAh), มีสแกนลายนิ้วมือ และรองรับ Full Netcom 3.0 อีกต่างหาก ผมมองมุมไหนซื้อ Redmi 4X ก็คุ้มกว่าครับ สำหรับคนที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้วที่ OPEN Shop by i-mobile ทุกสาขา รวมถึงทาง i-mobile online store ด้วย ในส่วนของรีวิวผมขอจบเพียงเท่านี้ กลับมาเจอกันใหม่ในรีวิวหน้านะครับ สวัสดี
เคยใช้ redmi 3s ใช้ดีนะครับ แต่มีปัญหาเรื่องความทนทาน หน้าจอแตกง่ายมากครับ เอาใส่กางเกง แล้วไปเติมลมที่ปั๋ม นั่งยองๆ แตกเลยครับ
ผมใช้เครื่องนอกมาครึ่งปีได้แล้ว การใช้งานทั่วไปโอเคมาก แบตนี่หายห่วง
แต่ตอนนี้รอมไม่พอใช้แล้ว เครื่องผมรอม16GBเอง
พอจะมีวิธีรวมความจำภายนอกเข้ากับความจำภายในของรุ่นหรือเปล่าครับ
ผมหาไม่เจอเลย
ที่จริง Android 6 Marshmallow มีฟีเจอร์ Adoptable Storage เพื่อใช้ microSD เป็นหน่วยความจำภายในอยู่ครับ แต่….MIUI ปิดฟีเจอร์นี้ไว้ไม่ให้ใช้
ขอบคุณนะครับ ถึงว่าทำไมหาไม่เจอ
4X ดูดีกว่าจริงๆ
4A ไม่รองรับ Fullnetcom 3 หรอครับ เห็นว่ารุ่น 4X ที่ใช้ Cpu เดียวกันรองรับ
ราคาเหห็นบ้างร้านขาย 3990 บาท
ไม่รองรับครับ 4X ถึงจะรองรับ อ้อ CPU คนละตัวนะครับ
ขอบคุณนะครับ ถึงว่าทำไมหาไม่เจอ
ขอบคุณครับ
Android 6 Marshmallow มีฟีเจอร์ Adoptable Storage เพื่อใช้ microSD เป็นหน่วยความจำภายในอยู่ครับ แต่….MIUI ปิดฟีเจอร์นี้ไว้ไม่ให้ใช้
งั้นแปลว่า ลงแอพได้ไม่เยอะ ถูกต้องไหมครับ
รุ่นนี้ให้มา 32GB ก็พอจะได้หลายแอปนะผมว่า ยกเว้นเกม 55
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ โอกาสต่อไปผมรบกวนทีมงานช่วยรีวิวตัว redmi 4x ให้ดูบ้างนะครับ น่าสนใจ แต่ยังหารีวิวการใช้งานจากคนไทยไม่ได้เลย
อยากรีวิวเหมือนกันครับ ต้องรอดูว่าทาง i-mobile จะส่งมาให้มั้ย 55