วันนี้ droidsans ได้มีโอกาสมาอัพเดทสถานการณ์ของ Xiaomi และแนวทางในปีนี้ ซึ่งข่าวดีก็คือจะมีการขยายช่องทางในการวางจำหน่าย ทั้งร้านค้า รวมถึงสาขาของ Mi Store มากขึ้น และในช่วงต้นปีนี้ก็เตรียมจะวางจำหน่ายมือถือตระกูล Redmi 5 ทั้งหมด รวมถึง Redmi 5 Plus และ Redmi 5A ด้วย

Xiaomi ตอนนี้มีการเติบโตค่อนข้างเร็ว โดยล่าสุดก็เพิ่งจะสามารถทำยอดขายเป็นอันดับ 1 ในอินเดียได้แล้ว ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เพิ่งจะเข้ามาทำตลาดได้ไม่นาน เช่นในประเทศไทยก็เพิ่งจะมาได้แค่ 5-6 เดือน โดยในกลุ่มนี้ก็จะมี ฟิลิปปินส์ ไทย พม่า กัมพูชา ลาว และในปีนี้ก็จะมีการลงทุนมากขึ้น โดยเป้าหมายหลักคือการนำเอานวัตกรรมและความคุ้มค่าของ Xiaomi มาให้ผู้ใช้งาน เพื่อให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายในราคาไม่แพง

ในปีนี้ Xiaomi จะพยายามสร้าง Mi Community และกลุ่ม Mi Fan ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นแผนการตลาดแบบที่ทำในประเทศจีน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงตัวแบรนด์ได้ง่าย รู้สึกว่ามีการพูดคุยและรับฟังตลอดเวลา โดยมีทีมงานนักพัฒนา รวมถึงวิศกรเข้ามาอ่านและตอบคำถามด้วย

การขาย online และ e-commerce ยังเป็นเป้าหมายหลักของ Xiaomi ซึ่งในประเทศไทยก็มีการร่วมมือกับ Lazada และ Shopee ซึี่งถือเป็นร้านค้าออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศ และมีการทำโปรโมชั่น ราคาพิเศษ รวมถึงดีล Exclusive ซึ่งเหตุผลที่เลือกจะขายออนไลน์เป็นหลัก เพราะจะได้ตัดช่องทางและค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสินค้า ไม่ต้องมีคนกลาง ไม่ต้องผ่านค่าใช้จ่ายหลายๆ ต่อ ทำให้มีสามารถขายได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป

ส่วนของหน้าร้าน Mi Store คืออีกเป้าหมายนึง ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้มีด้วยกัน 5 สาขา แต่ในปีนี้อาจขยายออกไปตามต่างจังหวัดด้วย คาดว่าในปีนี้จะเปิดรวมแล้ว 20-25 สาขา

ในปีนี้จะหาซื้อมือถือของ Xiaomi ได้ง่ายขึ้น เพราะมีแผนจะวางจำหน่ายในช็อปของ Jaymart และ TG เพิ่มขึ้นจาก 20 สาขาเป็น 60-90 สาขาในปีนี้ และจะไปจับมือกับร้านค่าต่างๆ เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์อีกราวๆ 80 ร้านค้า

สำหรับสินค้าจำพวก Mi Accessory หรือ Mi Eco system อาจจะมีการนำเข้าไปวางขายตามร้านต่างๆ ด้วย แต่ต้องดูขนาดของร้านก่อน แต่มีวางขายที่ Authorized store แน่นอน

ส่วนมือถือรุ่นใหม่ๆ ที่จะวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะเป็นตระกูล Redmi 5 ที่เปิดตัวในจีนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกของ Mi ที่นำหน้าจอ Full View มาใช้งาน โดยจะเปิดราคาที่ราวๆ 5,000 บาทในรุ่น Redmi 5 และ 7,000 บาท ในรุ่น Redmi 5 Plus

Redmi 5

  • จอ 5.7 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1440
  • CPU Snapdragon 450
  • GPU Adreno 506
  • RAM 2GB/16GB
  • ROM 3GB/32GB
  • กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด Beauty 3.0 และ Soft Selfie Flash
  • แบตเตอรี่ 3,300 mAh
  • รองรับการสแกนนิ้วมือด้านหลังเครื่อง
  • MIUI 9 ครอบบน Android Nouga
  • ราคาเปิดตัวในไทย 5,xxx บาท (ยังไม่ระบุรุ่นความจุ)

 

Redmi 5 PLUS

  • จอ 5.99 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2160
  • CPU Snapdragon 625
  • GPU Adreno 506
  • RAM 3GB/32GB
  • ROM 4GB/64GB
  • กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด Beauty 3.0 และ Soft Selfie Flash
  • แบตเตอรี่ 4,000 mAh
  • รองรับการสแกนนิ้วมือด้านหลังเครื่อง
  • MIUI 9 ครอบบน Android Nougat
  • ราคาเปิดตัวในไทย 7,xxx บาท (ยังไม่ระบุรุ่นความจุ)

 

ส่วนรุ่นเล็กนั้นจะเข้ามาตีตลาดก่อน คาดว่าภายในไม่กี่สัปดาห์นี้จะวางจำหน่ายแล้ว นั่นก็คือ Redmi 5A ที่จะเจาะตลาดช่วงราคา 3,000 บาท

Redmi 5A

  • หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD
  • CPU : Snapdragon 425
  • RAM : 2GB
  • ความจุ : 16GB
  • กล้องหลัง : 13MP
  • กล้องหน้า : 5MP
  • แบตเตอรี่ : 3000 mAh
  • ระบบ Android 7.1.2 ครอบด้วย MIUI 9
  • ราคาเปิดตัวในไทย 3.xxx บาท

ส่วนสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น Mi Notebook รุ่นต่างๆ นั้น ยังต้องเจรจากับ Microsoft ถึงการจะใส่ Windows International มาด้วย ซึ่งคาดว่าหากเจรจาได้แล้วก็น่าจะนำเข้ามาจำหน่าย รวมถึงสินค้า Mi Home อื่นๆ ด้วย