Xiaomi ผงาดขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก จากนั้นมาได้มีวิวัฒนาการออกแบบสินค้าใหม่ ๆ ไลน์ใหม่ หรือถึงขึ้นตั้งบริษัทขึ้นใหม่เพื่อดูแลไลน์มือถือโดยเฉพาะกันเลยทีเดียว ในฐานะผู้บริโภคที่ก็คงจะสับสนกันอยู่ไม่น้อย ว่ามือถือแต่ละรุ่น ซีรี่ส์ต่าง ๆ มาความแตกต่างกันอย่างไร อะไรที่เป็นจุดขาย คราวนี้เราเลยอธิบายเอาไว้พร้อมยกตัวมือถือรุ่นล่าสุดในไลน์มาเป็นตัวอย่างด้วย
Xiaomi MIX – โคตรเรือธง เน้นนวัตกรรม
ถ้าขึ้นชื่อมาว่า Xiaomi MIX อะไรล่ะก็ รู้ได้เลยว่าเป็นการใส่เทคโนโลยีสุดล้ำ เน้นผลิตมาเพื่อโชว์ว่าบริษัทมีความสามารถแค่ไหน ยกตัวอย่างมือถือ Xiaomi MIX 4 ที่เกิดมาโชว์เทคโนโลยีกล้องใต้หน้าจอ, Xiaomi MIX Fold ที่เป็นมือถือจอพับสร้างมาแข่งกับค่ายอื่นตามกระแส, และ Xiaomi Mi Mix Alpha ที่เป็นการใช้จอวนรอบเครื่องมือถือ ให้แทบทั้งเครื่องเป็นจอไปหมดเลยก็มี
รุ่นพวกนี้เอาจริง ๆ แล้วไม่ได้น่าซื้อมาใช้งานเท่าไหร่ เพราะนอกจากนวัตกรรมอาจยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่แล้ว ยังมีราคาสูงมาก ๆ เก็บไว้ให้เหล่านักรีวิวไปหามาลองเท่านั้นจะดีกว่า
Xiaomi Series – มือถือเรือธง ดีที่สุดของค่าย (เดิม Mi)
ซีรี่ส์นี้คือไลน์ที่ดีที่สุดของแบรนด์ หากจะเทียบกับค่ายอื่นต้องใช้ซีรีส์นี้ แต่ก่อนแล้วจะใช้ชื่อ Mi ไว้ด้านหน้าตัวเลข อย่างเช่น Xiaomi Mi 11 แต่รุ่น 12 ล่าสุดก็ได้ตัดคำว่า Mi ออกไปแล้ว ใส่แค่ Xiaomi และตัวเลขแทน แม้จะดูเหมือนง่าย แต่ Xiaomi Series ก็มีการแตกไลน์ออกเป็นสกุลย่อยอีกเป็นสิบ ๆ ตัว ซึ่งไม่สามารถตัดสินได้โดยตรงว่ารุ่นไหนเกิดมาทำไมอย่างชัดเจน เพราะอาจมีการสลับสเปค ปรับเปลี่ยนไปมาค่อนข้างเยอะ ต่อไปจึงจะขออธิบายจุดเด่นและข้อแตกต่างแทน
Xiaomi S Ultra
รุ่นแรงที่สุด แพงที่สุด ใส่สเปคกล้องมาจัดเต็มทุกตัว พร้อมใช้ชิปล่าสุด สามารถเทียบได้กับ iPhone Pro Max หรือ Galaxy S Ultra ได้ มีรุ่นล่าสุดปี 2022 เป็น Xiaomi 12S Ultra ที่ใช้ SD 8+ Gen 1 กล้อง 50MP + 48MP + 48MP ที่พัฒนาร่วมกับ LEICA พร้อมกล้องเซนเซอร์ TOF 3D
Xiaomi S Pro
รุ่นแรงเหมือนกับ Ultra ต่างกันตรงที่ระบบกล้องไม่ได้จัดเต็มเท่า ลดลงมาหน่อย และมีแบตที่เล็กกว่านิดนึง นอกนั้นชิปจอให้มาเหมือนกันกับตัวอัลตรา มีรุ่นล่าสุดคือ Xiaomi 12S Pro
Xiaomi S
รุ่นเริ่มต้นของไลน์ S ลดสเปคจอ แบต และกล้อง แถมมีขนาดเครื่องเล็กลงมา แต่ยังใช้ชิปเหมือนกับรุ่นใหญ่ รุ่นนี้เหมาะกับคนที่ไม่เน้นกล้อง เครื่องไม่ใหญ่มาก ราคาเจ็บน้อยลง รุ่นล่าสุดคือ Xiaomi 12S
Xiaomi Pro
ถัดมาจะเริ่มเป็นตระกูล Xiaomi ธรรมดา ที่เมื่อก่อนก็จะถือเป็นไลน์เด่นสุดของค่าย ก่อนถูกตัดหน้าไปด้วยตระกูล S ในปีนี้ เริ่มต้นพี่ใหญ๋สุดด้วย Xiaomi Pro ที่ใช้ชิปแรงที่สุด ณ ตอนที่เปิดตัว พร้อมจอใหญ่และกล้องคุณภาพเต็มเปี่ยม แต่หากจะเทียบคงได้ประมาณรุ่น Xiaomi S Pro ที่อัปเดตชิปเป็นตัวใหม่ขึ้นมา มีรุ่นล่าสุดเป็น Xiaomi 12 Pro
Xiaomi
ตัวพื้นฐานตระกูล Xiaomi ธรรมดา ชิปแรงสุดของยุคนั้น แต่มีขนาดเล็กลงมา ลดสเปคจอ ลดสเปคกล้อง เท่านั้นเอง รุ่นล่าสุดคือ Xiaomi 12
Xiaomi X
รุ่นประหยัดที่ยังใช้ตระกูล Xiaomi ธรรมดา ตัวนี้จะเหมือนรุ่น Xiaomi หลัก แต่ลดสเปคชิปเซ็ตลงมา รุ่นล่าสุดคือ Xiaomi 12X
Xiaomi Lite
รุ่นประหยัดยิ่งกว่า Xiaomi X โดยลดสเปคชิปเซ็ตลงมาอีกขั้น แต่ให้จอขนาดใหญ่ระดับกลาง และใส่กล้องเลนส์ความละเอียดสูงมาทดแทน เหมาะสายเน้นกล้องไม่เน้นแรงในงบจำกัด รุ่นล่าสุด Xiaomi 12 Lite
Xiaomi T Pro
มาถึงซีรีส์ T กันแล้ว น่าจะเป็นตัวทีหลายคนคุ้นเคย Xiaomi T Pro ถือเป็นรุ่นรองจาก Xiaomi ธรรมดาลงมาอีกที โดยจะให้ชิปแรงสุด แต่ลดสเปคจอเล็กน้อย และจะใช้กล้องเลนส์ที่มีความละเอียดสูงที่สุดของยุคนั้น ควบคู่กับเลนส์ติ๊งต๊องใส่มาบ้างเป็นพิธี รุ่นล่าสุด Xiaomi 12T Pro
Xiaomi T
Xiaomi T เฉย ๆ จะลดชิปมาใช้ระดับกลางพรีเมี่ยม ใช้จอระดับเดียวกับรุ่น Pro แต่จะลดสเปคกล้องหลักลงมาอีกขึ้นหนึ่ง แถมมากับกล้องเล็ก ๆ อีกเหมือนกัน รุ่นล่าสุด Xiaomi 12T
Xiaomi รุ่นที่น่าสนใจที่สุด
หากไหน ๆ จะเลือกเล่นมือถือซีรีส์เรือธงของค่ายแล้ว จะหันมาจับรุ่น Xiaomi 12S Ultra ก็จะได้ทั้งสเปคที่ดีสุด และเทคโนโลยีกล้องล่าสุดของค่ายไปเลยก็เหมาะสมกันดี แต่หากต้องการจากตัวชิปเซ็ตเร็วแรง อัปเดตระบบใหม่ล่าสุดก็พอแล้ว รุ่น Xiaomi 12T Pro ก็จัดเป็นรุ่นที่ใช้ได้ แถมมาพร้อมกล้อง 200MP ด้วย
Black Shark – มือถือเกมมิ่ง สเปคแรง
Black Shark เป็นอีกแบรนด์ย่อยจาก Xiaomi ที่เน้นธีมและสเปคจัดมาเอาใจสายเกมมือถือโดยเฉพาะ เปิดตัวมาครั้งแรกในปี 2018 และได้ขยับขยายออกมาวางขายในตลาดทั่วโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ จะใช้ชิปเซ็ตตัวแรง พร้อมกับจอรีเฟรชเรต และ Touch Sampling Rate สูง ๆ เป็นพิเศษ ชาร์จไวปรี้ด ส่วนดีไซน์ก็จะดูโฉบเฉี่ยวเอาใจเกมเมอร์นั่นแหละ นอกจากนี้ยังใส่ปุ่มทริกเกอร์แบบกายภาพ หรือ ปุ่ม L/R ใช้เวลาเล่นเกมแนวนอนด้วย มือถือรุ่นนี้เป็นที่ทราบกันว่าจะไม่ค่อยเน้นกล้อง อาจถ่ายได้ไม่สวยเท่าไร ส่วนเวลาเปิดตัวออกมาจะมีรุ่นแตกต่างกันประมาณ 3 รุ่น
Black Shark PRO
มือถือเกมมิ่งพี่ใหญ่ตัวแรงสุด ใช้ชิปตัวท็อป แบตขนาดใหญ่ จออาจรองรับการแสดงสีสันดีมากที่สุดของไลน์ พร้อมใส่กล้องความละเอียดสูงมาให้ด้วย แต่จะยังถ่ายสู้มือถือเรือธงหลักไม่ได้ แต่ก็ตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกไปแล้ว ยังดีที่ให้ลำโพงคุณภาพสูงอยู่ มีรุ่นล่าสุดคือ Black Shark 5 PRO
Black Shark RS
เกมมิ่งโฟนรุ่นรองลงมา ขยับชิปเซ็ตไปใช้เรือธงรุ่นที่แล้ว ลดสเปคกล้องลงเป็นเทียบเท่ากล้องมือถือระดับกลาง แต่ยังให้รูหูฟัง 3.5 มม. มาด้วย พร้อมใช้ความจุทั้งแบบ UFS ใหม่ล่าสุดและแบบ SSD เพื่อให้เขียนอ่านได้ไว แต่มีความจุแบตน้อยลงมาหน่อยด้วย รุ่นล่าสุดคือ Black Shark 5 RS
Black Shark
รุ่นเริ่มต้นเกมมิ่งโฟน ลดระดับชิปลงไปอีกขั้น แม้ยังอยู่ในเกณฑ์แรงใช้ได้ แต่ตัดหูฟังออก และมีขนาดแบตเท่ารุ่น PRO ส่วนกล้องยังใช้ระดับเดียวกับรุ่น RS มีมือถือตัวล่าสุดคือ Black Shark 5
Black Shark รุ่นที่น่าสนใจที่สุด
เอาจริง ๆ รุ่น Black Shark 5 PRO น่าสนใจมากเพราะได้ชิปตัวเกือบล่าสุด SD 8 Gen 1 มาเลย แถมมาพร้อมลำโพงคุณภาพดี แต่เรตราคาก็ห่างตัวเริ่มต้นเช่นกัน หากงบไม่ไหวก็ไปดูตัว Black Shark 5 ที่ใช้ Snapdragon 870 ก็เป็นชิปที่ใช้ได้ดีมาก ๆ เลยนะ
Mi Note – มือถือระดับกลาง (เลิกขายแล้ว)
Mi Note เป็นอีกรุ่นมือถือระดับกลางที่เน้นชิปไม่แรงที่สุด แต่กำลังดีน่าใช้งาน พร้อมกล้องสเปคโอเค จอขนาดกลาง ๆ ไม่ใหญ๋มาก ตอนนี้ไม่ได้มีออกมาวางขายราว 2 ปีได้แล้ว จึงคาดว่าน่าจะเลิกทำแล้วหันไปโฟกัสกับการหั่นย่อยซีรีส์ Xiaomi หลักแทนมากกว่า มีรุ่นสุดท้ายที่ออกเป็น Mi Note 10 Lite ในปี 2020
Mi Max – มือถือจอใหญ่ แบตอึด (เลิกขายแล้ว)
Mi Max เป็นอีกซีรีส์ในตำนานโลกแอนดรอยด์ เป็นการนำเสนอมือถือจอกว้าง ๆ ให้โลกได้ลองใช้กันในยุคนั้น มาพร้อมแบตความจุใหญ่มหึมาใช้กันได้ยาว ๆ ระดับ 5000mAh ขึ้นไป ส่วนชิปเซ็ตก็ใช้ระดับกลางเพียงพอการใช้งาน ดึงดูดลูกค้าได้หลายกลุ่ม น่าเสียดายที่ไม่มีวางขายกันอีกต่อไปแล้ว มีรุ่นสุดท้ายเป็น Mi Max 3 เมื่อปี 2018
POCO – มือถือเน้นสเปคฆ่าเรือธง ลงไปถึงระดับล่าง
ตระกูลถัดมาคือมือถือ POCO อีกหนึ่งตำนานฉายานักฆ่าเรือธง ที่อัดสเปคชิปแรงมาให้ แต่ยังรักษาราคาให้น่าดึงดูดเอาไว้ด้วยการตัดให้เหลือแต่ฟังก์ชั่นจำเป็น ๆ เท่านั้น แต่เดิมเป็นเพียงแบรนด์ลูกของ Xiaomi แต่ตอนนี้ก็ได้ปล่อยให้แยกบริษัทออกมาดำเนินการเองแล้ว แม้ทั้งศูนย์บริการและซอฟต์แวร์หลาย ๆ อย่างจะใช้ร่วมกันก็ตาม โดยมีการแบ่งไลน์มือถือออกเป็นย่อย ๆ ได้ตามนี้
POCO F / F GT
POCO F เป็นตระกูลหลักต้นกำเนิดของแบรนด์ เน้นสเปคเร็วแรงด้วยชิประดับพรีเมี่ยม และถ้าเป็นรุ่น POCO F GT ก็จะสูงขึ้นไปอีกขั้น โดยจะหยิบชิปเรือธงใส่มาให้ในมือถือด้วยเลย พร้อมจัดจอคุณภาพดีให้อย่าง AMOLED 120Hz ทำให้เป็นอีกตัวเลือกสายเกมมิ่งที่ไม่ต้องการจ่ายแพงขั้น Black Shark รุ่นล่าสุดที่ออกมาคือ POCO F4
POCO X
POCO X จะมีจุดต่างตรงที่ขยับระดับชิปเซ็ตลงมานิดนึง จะใช้ชิประดับกลางพรีเมี่ยม ที่ยังมีความแรงน่าใช้งาน พร้อมเน้นใส่แบตขนาดใหญ่มาให้ แต่จะติดตรงจอที่แม้จะเป็น 120Hz แต่มักจะเป็น LCD เท่านั้น ส่วนเรื่องกล้องก็เทียบเคียงกับ POCO F มีรุ่นล่าสุดที่ออกมาคือ POCO X4 GT
POCO M
POCO M จะเริ่มเป็นซีรีส์กลางอย่างแท้จริง มาดับชิปอย่าง Helio G99, Dimensity 700 ที่พอเพียงกับการใช้งาน ส่วนจอจะเริ่มตันอยู่ที่ 90Hz LCD แต่บางที่ก็จะมี AMOLED โผล่มาบ้าง กล้องไม่ต่างมากจากซีรี่ส์ X และ F ส่วนแบตขนาดใหญ่เบิ้ม อันนี้เป็นทางเลือกประหยัดขึ้นมาหน่อย ไม่เหมาะสำหรับคนต้องการสเปคแรงสุด มีรุ่นที่ออกมาใหม่คือ POCO M5s
POCO C
ปิดท้ายไลน์โปโค่ด้วยตระกูล C ที่ถือเป็นมือถือระดับล่าง ชิปเซ็ตตัวเพียงพอการใช้งาน อย่าง Helio G35 กล้องตัวเล็ก ๆ 13MP จอ LCD 60Hz ธรรมดา แบตก็ขนาดใหญ่ตามสไตล์มือถือ Low-end เหมาะสำหรับคนมีงบประหยัด ไม่ใช้งานหนักมาก รุ่นล่าสุดที่ออกมาคือ POCO C40
POCO รุ่นที่น่าสนใจ
เอาจริง ๆ ตัว POCO F4 ก็มีสเปคที่น่าใช้ จอดี ชิปดี แม้ไม่ใช้ระดับเรือธง แต่คงเร็วแรงเพียงพอสายเน้นสเปคอยู่แล้ว คุ้มกว่ารุ่น F4 GT ที่ต้องเพิ่มเงินไปเยอะมาก
Redmi – มือถือกลางลงไปถึงล่าง ที่เริ่มทำมือถือระดับสูง
Redmi เป็นแบรนด์ย่อยของ Xiaomi เริ่มต้นในปี 2013 และแยกตัวออกมาดำเนินงานเองในปี 2019 เริ่มต้นจากซีรีส์ Redmi ธรรมดาที่เป็นมือถือระดับกลาง ตามด้วย Redmi Note ที่เจาะตลาดมือถือกลางค่อนบน สเปคดีขึ้นเล็กน้อย และถึงเริ่มทำ Redmi K ที่เป็นสเปคแรง ถือเป็นเรือธงของแบรนด์ โดยหน้าตา UI ต่าง ๆ จะใช้เป็น MIUI เหมือนกันเลย
Redmi K
Redmi K ถือเป็นไลน์รุ่นไฮเอนด์ พร้อมหยิบชิปเซ็ตเรือธงมาใส่ คู่กับจอคุณภาพดี OLED รีเฟรชเรตสูง ขนาดค่อนข้างใหญ่ พร้อมกับแบตความจุแน่น ๆ ส่วนสเปคกล้องจะให้กล้องหลักมาค่อนข้างดี ห้อยท้ายด้วยกล้องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราไม่ค่อยใช้มาด้วย ถือว่ายังไม่ได้เป็นระดับเทียบเท่ากับเรือธงของ Xiaomi น่าจะอยู่รองลงมาจากรุ่น Xiaomi T อีกทีนึงได้ รุ่นล่าสุดเป็น Redmi K50 Ultra
Redmi Note
Redmi Note มือถือระดับกลางค่อนบน สเปคน่าคบหาที่ผลักดันคุณภาพมือถือระดับกลางให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ มักหันมาใช้ OLED มากขึ้น พร้อมรีเฟรชเรตสูงขึ้นไป 120Hz แล้ว แต่ชิปข้างในจะใช้รุ่นระดับกลางพรีเมียม ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่แรงใช้ได้ มีรุ่นล่าสุดเป็น Redmi Note 12 Explorer Edition ที่ชาร์จไวได้ 210W
Redmi
Redmi รุ่นออริจินัลต้นตำรับ มือถือระดับกลางตัวจริง ใช้ชิปจำพวก Dimensity 700 หรือ Helio G99 จอ LCD รีเฟรชเรตขึ้นไปที่สุดได้ 90Hz แบตความจุเยอะ พอไปจับชนได้กับพวกรุ่น POCO M แต่ในไลน์ก็ยังมีการแบ่งความแรงตามสกุลห้อยท้าย เรียงความแรงได้เป็น Redmi, Redmi C, Redmi A มีรุ่นล่าสุดที่ออกเป็น Redmi 10 5G
Redmi A(เลข)
ยังถือเป็นหนึ่งในไลน์ Redmi แต่เป็นรุ่นที่เพิ่งออกมาใหม่ เอาใจคนต้องการมือถือสเปคพื้นฐาน มีจุดเด่นเป็นการใช้ระบบปฎิบัติการ Android Go Edition ทำให้มีหน้าการใช้งานโล่ง ๆ แบบเพียวแอนดรอยด์ อาจถูกใจสายโมต้องการเครื่องไปเล่นทดสอบรอม หรือคนที่ใช้มือถือเพื่อฟังก์ชันพื้นฐานเป็นหลัก มีรุ่นล่าสุดอย่าง Redmi A1
Redmi รุ่นที่น่าสนใจ
Redmi Note 12 ที่กำลังจะออกมาอาจเป็นรุ่นที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นจอ OLED ขนาดใหญ่กำลังดี พร้อมชิประดับกลางรุ่นใหม่ ซึ่งหากเข้าไทยมายังคุมราคาได้ อาจจะเป็นตัวที่คุ้มค่าที่จะเล่นอยู่พอตัว
CIVI – มือถือระดับกลาง ดีไซน์สวย จับกลุ่มสาว ๆ
มือถือ CIVI ถือเป็นรุ่นที่ค่อนข้างใหม่ เพราะเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปี 2021 นี้เอง โดยจะถือเป็นมือถือระดับกลางจากตัวชิปเซ็ตที่ใช้อย่าง SD 778G หรือ SD 7 Gen 1 แต่ยังให้จอคุณภาพเป็น OLED ขึ้นไป และรีเฟรชเรตสูง มีการออกแบบดีไซน์เครื่องและการตลาดดึงดูดกลุ่มผู้หญิงมากขึ้น และยังใสใจในเรื่องกล้อง ให้มาระดับมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป พร้อมให้ความละเอียดกล้องเซลฟี่มาเพียงพอ ล่าสุดให้กล้องเซลฟี่มาสองตัวด้วย มีรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปคือ Xiaomi Civi 2
และทั้งหมดคือจุดเด่น ความแตกต่างของไลน์มือถือ Xiaomi ทั้งในแบรนด์และแบรนด์ย่อย อาจมีตัวเล็กตัวน้อยบางตัวที่หลบตามซอกหลืบ หาตัวจับยากเป็นสเปคกรณีพิเศษหลงเหลืออยู่บ้าง แต่เท่านี้ก็น่าจะได้รู้จักมือถือทุกตระกูลหลักกันครบถ้วนแล้วครับ
ที่มา : wikipedia
ขาด Mi A ที่เป็น Android One นะครับ
mi12T pro ราคาและสเป็คกระโดดขี่คอ mi12 pro ไปแล้ว
ถ้าเทียร์ ยังไม่เปลี่ยน น่าเป็นห่วงราคา mi 13pro ในอนาคตมาก
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆๆ คับ