Xiaomi เปิดตัวมือถือซีรีส์ใหม่รุ่นแรกอย่างเป็นทางการแล้วกับ Redmi Turbo 3 ที่เปิดมาอย่างโหด ใช้ชิปซีรีส์เรือธงตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Snapdragon 8s Gen 3 ที่ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับรุ่นท็อป ได้จอคมชัดสูงถึง 1.5K รองรับทั้ง Dolby Vision และ HDR10+ ในรูปแบบจอแบนขอบบางเฉียบ เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องแรง ๆ จอสวย ๆ ไว้สำหรับเล่นเกมเพียงอย่างเดียว ในราคาเริ่มต้นที่ราว ๆ 10,300 บาทเท่านั้น
เปิดตัว Redmi Turbo 3
Redmi Turbo 3 มากับตัวเครื่องดีไซน์คล้ายกับรุ่นก่อน แต่มีการปรับให้ดูเรียบง่ายมากขึ้น พร้อมออกแบบให้มาความบางเฉียบเพียง 7.8 มม. และเบาเพียง 179 กรัม ตัวเฟรมมาในรูปแบบ Flat เหลี่ยมแบน แต่ฝาหลังจะมาในรูปแบบโค้งมนทั้ง 4 ด้าน แถมยังทนทานเพราะได้ใช้กระจกจอแบบ Gorilla Glass Victus ได้มาตรฐานทนตกกระแทกจาก SGS ในระดับ 5 ดาว อีกทั้งยังทนน้ำ ทนฝุ่นในระดับ IP64 ด้วย
ด้านจอแสดงผลมาในขนาด 6.67 นิ้ว ใช้พาเนลแบบ AMOLED ความละเอียดสูง 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) รีเฟรชเรตสูง 120Hz สว่างสูงสุด 2,400 nits และมีค่า PWM Dimming ที่ 1920Hz อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีการแสดงผลทั้ง Dolby Atmos, HDR10+, ZREAL และยังได้รับการรับรองมาตรฐานถนอมสายตา ทั้งจากหน่วยงานในจีน และ TÜV Rheinland รองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้จอ
เรื่องชิปประมวลผลบอกเลยว่าหายห่วง เพราะมาพร้อมกับชิป Snapdragon 8s Gen 3 ที่ความแรงอยู่กึ่งกลางระหว่าง SD 8 Gen 3 และ SD 8 Gen 2 เช่นเดียวกับชนิดสตอเรจที่ให้มาในระดับเรือธง ใช้ RAM LPDDR5x และ ROM UFS 4.0 ความจุสูงสุดถึง 16GB + 1TB
ส่วนเรื่องการเล่นเกม รุ่นนี้มากับโหมด AI Rendering ที่ช่วยอัปสเกลกราฟิกความละเอียด 720P ขึ้นมาเป็น 1.5K โดยที่ภาพยังคมชัด สมจริง พร้อมรับระบายความร้อน ICE Cooling System ขนาดใหญ่ 4,800 ตารางมิลลิเมตร ครอบคลุมพื้นที่ที่มักเกิดความร้อนถึง 100% อีกทั้งยังมีโหมด AI Control ที่ช่วยคำนวณการสัมผัสหน้าจอให้รวดเร็ว และแม่นยำด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้ Redmi Turbo 3 เรียกได้ไม่เต็มปากว่ามือถือเรือธง คือเรื่องของกล้องที่ให้มาแบบพอดีต่อการใช้งาน โดยได้กล้องหลักเป็น Sony LYT-600 ความละเอียด 50MP ที่เก็บแสงได้ดีขึ้นถึง 65% เมื่อเทียบกับ Redmi Turbo 12 Turbo มีกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide 8MP รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@60FPS ส่วนกล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 20MP รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดแค่ 1080P@60FPS เท่านั้น
ด้านแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้ความจุมาที่ 5,000 mAh ดูวิดีโอติดต่อกันได้นานสูงสุด 13 ชั่วโมง พร้อมรองรับชาร์จไว 90W ผ่านพอร์ต USB-C 2.0 ชาร์จจาก 1 – 100% ภายใน 36 นาที อีกทั้งยังมีความทนทาน ชาร์จครบ 1,000 Cycle แบตเตอรี่ยังเก็บประจุได้ถึง 90%
Redmi Turbo 3 ติดตั้งมากับระบบ HyperOS บน Android 14 มาพร้อมฟีเจอร์ AI ตามกระแสนิยมแบบครบ ๆ ทั้งฟีเจอร์ AI Air Gesture ควบคุมสั่งการหน้าจอด้วยการโบกมือไปมา ไม่ต้องแตะจอ, มี AI ลบวัตถุส่วนเกินในภาพ หรือแม้กระทั่ง AI แปลภาษา ถอนสคริปต์ สรุปประชุมก็มีมาให้ในเครื่องด้วยเช่นกัน
สเปค Redmi Turbo 3
- จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว
- ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล)
- สว่างสูงสุด 2400 นิต
- อัตรารีเฟรช 120Hz
- รองรับ Dolby Vision, HDR10+, ZREAL
- ชิปเซต : Snapdragon 8s Gen 3
- RAM LPDDR5x : 12GB / 16GB
- ROM UFS 4.0 : 256GB / 512GB / 1TB
- กล้องหลัง 2 ตัว:
- กล้องหลัก Sony LYT-600 50MP (𝑓/1.59), ระบบกันสั่น OIS
- กล้องอัลตราไวด์ 8MP
- กล้องหน้า : 20MP (𝑓/2.2)
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- รองรับ Dolby Atmos
- รองรับ Hi-Res Audio และ Hi-Res Wireless
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- รองรับชาร์จไว 90W
- เครือข่าย : 5G
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 6e
- Bluetooth 5.4
- NFC
- USB-C 2.0
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ), accelerometer, gyro, proximity, compass, IR Blaster
- ความทนทาน : IP64, จอทนกระแทกมาตรฐาน SGS 5 ดาว
- ระบบปฏิบัติการ : HyperOS บนพื้นฐาน Android 14
- ขนาด : 160.5 x 74.4 x 7.8 มม.
- น้ำหนัก : 179 กรัม
ราคา และการวางจำหน่าย
Redmi Turbo 3 เปิดตัวในประเทศจีนแล้ว และมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่สีทอง Ice Titanium, สีเขียว Green Blade และสีดำ Smoky Quartz ส่วนรุ่นความจุและราคาเปิดมาดังนี้
- 12GB + 256GB ราคา 1,999 หยวน หรือราว ๆ 10,300 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 2,299 หยวน หรือราว ๆ 12,000 บาท
- 16GB + 512GB ราคา 2,499 หยวน หรือราว ๆ 13,000 บาท
- 16GB + 1TB ราคา 2,799 หยวน หรือราว ๆ 14,400 บาท
หากใครไม่ชอบสีในรุ่นธรรมดา Redmi Turbo 3 ยังเปิดตัวมาพร้อมกับรุ่นพิเศษ Harry Potter Limited Edition ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องลวดลายอลังการ พร้อมกล่อง Box Set และธีมตัวเครื่องแบบพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากบ้านทั้ง 4 บ้าน เอาใจ Potterhead โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีแค่เพียงรุ่นความจุเดียว 16GB + 512GB ในราคา 2,699 หยวน หรือราว ๆ 14,000 บาท
หากใครสนใจรอติดตามกันให้ดี เพราะมือถือรุ่นนี้คาดว่าจะได้เปิดตัวในตลาดโลกในฐานะ POCO F6 Series เหมือนเดิม ซึ่งราคาจะเร้าใจ และมีสเปคต่างกันตรงไหนน่าจะได้รู้กันในเร็ว ๆ นี้
ที่มา: Xiaomi China
เลนส์อัลตร้าไวด์เปลี่ยนจาก 8 ล้านบ้างเถอะพี่จ๋า