ในงานเปิดตัวมือถือซีรีส์ Xiaomi Mi 10 แบบ Global Launch เมื่อวานนี้ นอกจากจะเปิดตัวมือถือไปแล้วถึง 3 รุ่น ก็ยังมีการเผยโฉมสมาร์ททีวีจอยักษ์ขนาด 65 นิ้ว อย่าง Mi TV 4S ออกมาอีกด้วย โดยจุดเด่นของมันอยู่ที่หน้าจอคมชัดระดับ 4K แถมยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ พร้อมระบบเสียงระดับไฮเอนด์ และยังเป็น Smart Home Hub ได้อีกด้วย

Mi TV 4S 65 นิ้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีดีไซน์บางเฉียบแบบ Wallpaper TV เหมือนพวกทีวีระดับไฮเอนด์ แต่สเปค + ฟีเจอร์ของมัน เรียกว่าไม่แพ้ใครเลย ทั้งความละเอียดระดับ 4K รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ และมี Color Gamut NTSC สูงถึง 85% นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี MEMC ช่วยเรื่องการแสดงผลภาพเคลื่อนไหวให้เนียนตาขึ้น และคมชัดกว่าเดิมอีกด้วย

ระบบเสียงของ Mi TV 4S ก็จัดเต็มมาให้ด้วยการรองรับทั้งระบบ DTS-HD และ Dolby Audio มาพร้อมลำโพงคู่ขนาด 10W

Mi TV 4S ยังเป็นสมาร์ททีวีที่มากับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 ทำให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปต่างๆ มาติดตั้งในทีวีได้เลย โดยแอป Entertainment ยอดนิยมอย่าง Netflix, YouTube และ Amazon Prime Video จะมีติดตั้งมาให้แล้ว แถมยังมีรีโมทที่มีปุ่มสำหรับเปิดแอปดังกล่าวได้แบบทันทีอีกด้วย

รีโมทของทีวีรุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดานะ…เพราะเราสามารถกดเรียก Google Assistant จากตัวรีโมทได้ และสั่งงานด้วยเสียงผ่านรีโมทได้อีกต่างหาก ทำให้ไม่ต้องมานั่งกดพิมพ์ชื่อหนัง ชื่อซีรีส์ทีละตัวให้เสียเวลา อยากดูอะไรสั่งจากรีโมทได้เลย นอกจากนี้ Mi TV 4S ยังเป็น Smart Home Hub ในตัวอีกต่างหาก คือเราสามารถเชื่อมต่อ Smart Device ต่างๆ เข้ากับเครือข่ายในบ้าน และใช้เจ้าทีวีตัวนี้เพื่อสั่งการได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสั่งให้เครื่องดูดฝุ่นทำงาน, ปิด-เปิดไฟ ฯลฯ

ด้านหลังตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อกับ WiFi ทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz มีพอร์ท HDMI 3 ช่อง, USB 3 ช่อง, ช่องเสียบสาย LAN, ช่อง Optical และมีความจุในตัว 16GB โดยทาง Xiaomi จะเริ่มจำหน่าย Mi TV 4S 65 นิ้ว ในเดือนมิถุนายนนี้ ที่ประเทศโซนยุโรป มีราคาอยู่ที่ 549 ยูโร หรือประมาณ 19,950 บาท ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย…Xioami เปิดสินค้าสเปคโหดๆ ราคาถูกออกมาอีกแล้ว

แต่ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเหล่าสมาร์ททีวีแบรนด์ต่างๆ เริ่มมีราคาที่ถูกลงกว่าเดิมมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังเจ้าตลาดอย่าง Samsung หรือ LG ก็สามารถหาสมาร์ททีวี ขนาด 65 นิ้ว 4K ในราคาหมื่นบาทปลายๆ ในบ้านเราได้ไม่ยากแล้ว

 

 

ที่มา : Slashgear