โซนี่ได้เปิดตัว Xperia XZ มือถือเรือธงรุ่นแรกของตระกูล Xperia X โดยได้ชูจุดเด่นคือเรื่องของกล้องที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาให้เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโฟกัส, การวัดค่าสีของภาพ และระบบกันสั่นของวิดีโอ เรียกได้ว่าเป็นพัฒนาการใหญ่อีกขั้นของมือถือ Xperia เลยทีเดียว อาจจะมีคนสงสัยหรืออาจจะยังไม่เคลียร์ว่าที่โซนี่ใส่ๆ มานี่มันทำงานยังไงบ้าง ผมไปเจอรายละเอียดที่โซนี่อธิบายรายละเอียดเหล่านี้ไว้ เลยนำมาเขียนบอกเล่าในบล็อกนี้ครับ

แนวทางการพัฒนากล้องบน Xperia ของโซนี่นั้นมาจากการสอบถามผู้ใช้งานว่ามีความต้องการความสามารถไหนของกล้องเป็นพิเศษ โดยได้ปล่อยแบบสอบถามให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน ไม่จำกัดเฉพาะผู้ใช้มือถือ Xperia ได้ทำกันเมื่อช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และผลสรุปออกมาว่าผู้ใช้จำนวนมากต้องการให้กล้องของมือถือสามารถถ่ายในสภาพแสงน้อยได้ดี ถ่ายภาพได้คมชัดไม่เบลอ คุณภาพภาพในสภาพแสงปกติที่ดีขึ้น และการโฟกัสที่แม่นยำ

กล้องของ Xperia XZ นั้นในส่วนของการรับแสงนั้น ภาพจะเข้าผ่านเลนส์ Sony G Lens F2.0 ประกอบไปด้วยเลนส์ 6 ชิ้น มีการขยับเพื่อการปรับโฟกัสที่รวดเร็ว ตัวเซนเซอร์นั้นใช้เป็นเซนเซอร์ IMX300 ที่ทางโซนี่พัฒนาขึ้นมาใช้กับมือถือ Xperia โดยเฉพาะ ซึ่ง IMX300 นั้นเป็นตัวเดียวกับบน Xperia Z5 เมื่อปีที่แล้ว มีขนาดอยู่ที่ 1/2.3″ และใช้งาน Phase Detection ช่วยในการปรับโฟกัส ส่วนชิปประมวลผลภาพก็คือชิป Bionz ของโซนี่เอง ในส่วนของกระบวนการส่วนนี้จะเห็นว่าไม่ได้ต่างจาก Xperia รุ่นก่อนเท่าไรนักครับ

ในส่วนของกล้องหน้านั้นโซนี่ได้เลือกใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับ Xperia Z5 จากเดิมที่ขนาด 1/5″ ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มาเป็นขนาด 1.3″ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล บน Xperia XZ รวมถึงการใช้เลนส์ 6 ชิ้น F2.0 ด้วย มีการเกลี่ยสีเพื่อลดนอยส์ และรองรับ ISO สูงสุดที่ 6400

โซนี่ได้เปรียบเทียบภาพด้วยกล้องหลังระหว่าง Xperia Z5 กับ Xperia XZ ในสภาพที่แสงค่อนข้างน้อยที่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล น่าจะเป็นช่วงค่ำๆ (ที่สถานีรถไฟโตเกียว?) ซึ่งภาพเปรียบเทียบจะเห็นได้ชัดเจนว่า Xperia XZ สามารถเก็บรายละเอียดตามขอบได้คมกว่า และคอนทราสท์ของสีก็ดีกว่า Xperia Z5 อีกด้วย

ภาพนี้จะเห็นถึงพัฒนาการของระบบออโต้โฟกัสของมือถือ Xperia

ภาพอธิบายการทำงานของ Laser AF ที่ช่วยลดระยะเวลาในการสแกนหาตำแหน่งของวัดถุที่ต้องการโฟกัส

การใช้งาน RGBC-IR ช่วยในการวัดค่าสีนั้นจะเข้ามาเสริมในขั้นตอนการวัดสีจากแสงที่สะท้อนจากวัตถุเข้ามายังเซนเซอร์ภาพ รวมทั้งช่วยวิเคราะห์ด้วยว่าเป็นสภาพในหรือนอกอาคาร ภาพด้านล่างคือตัวอย่างผลลัพธ์จากการใช้งาน RGBC-IR เข้ามาช่วยให้สีตรงขึ้น ภาพแถวบนคือการถ่ายโดยไม่มีเซนเซอร์วัดสี ภาพแถวล่างคือหลังใช้เซนเซอร์ช่วยในการวัดสี

อีกหนึ่งจุดเด่นของกล้องที่โซนี่ทำมาก่อนใน Xperia Z5 และกลายเป็นจุดเด่นคือเรื่องของระบบกันสั่นขณะถ่ายวิดีโอ โดยแต่เดิมนั้นโซนี่ใช้การกันสั่นที่ 3 แกน คือการหมุน roll, pitch, yaw แต่ใน Xperia XZ นั้นโซนี่จะเพิ่มการกันสั่นอีก 2 แกนคือ X-Shift / Y-Shift เข้ามาด้วยในขณะถ่ายเป็นโหมด Macro ทำให้ได้การกันสั่น 5 แกน ทำให้ภาพที่ได้นิ่งมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นการใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์ล้วนๆ ไม่มี OIS ที่เป็นฮาร์ดแวร์แยก

โซนี่อธิบายว่าการกันสั่นใน 3 แกนนั้นทำได้ง่ายเพราะใช้ข้อมูลจาก Gyroscope ก็เพียงพอ แต่การตรวจการเลื่อนในแกน X/Y นั้นต้องอาศัยข้อมูลจากทั้ง Gyroscope และ Accelerometer มาคำนวณร่วมกันถึงได้ข้อมูลมาลดการสั่นไหวได้ คลิปด้านล่างนี่เป็นตัวอย่างการกันสั่น (3 แกน) ของ Xperia XZ ครับ

Play video

นอกจากส่วนของกล้องแล้วโซนี่ก็ยังได้พูดถึงเทคโนโลยีหน้าจอที่มีการพัฒนาขึ้นเหนือกว่าใน Xperia รุ่นก่อนๆ ด้วย รวมถึงเทคโนโลยีด้านเสียงที่มีการรองรับเทคโนโลยีของทางโซนี่อย่าง LDAC, Digital Noise Canceling และ Headset Compensation หรืออีกชื่อคือ Automatic Optimization ที่อยู่ใน Xperia Z5 และ Xperia X นั่นเอง

สำหรับ Xperia XZ นั้นโซนี่บอกว่าจะเริ่มวางขายในช่วงเดือนตุลาคม แต่ในงาน Thailand Mobile Expo สิ้นเดือนนี้ ทางเพจได้บอกมาแล้วว่าเราจะได้จับ Xperia X Compact ตัวเป็นๆ พร้อมวางขายอีกด้วย กล้องหลังของทั้ง Xperia X Compact และ Xperia XZ นั้นมาด้วยสเปคเดียวกันเลย ใครที่สนใจก็น่าไปลองจับๆ เล่นๆ ดูครับ ส่วนราคาของทั้ง 2 รุ่นนั้น โซนี่ยังไม่ได้แจ้งมาครับ ถ้าทราบราคาแล้วทางเราจะเอามาบอกกันอีกทีนึง

 

ที่มา: xperiablog, eprice